จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1223 คิดจะทำสงครามยืดเยื้อ
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า ไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้นหรอก! รอให้ฉันหาคนนั้นให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
หลินหยุนไม่รีบร้อนจริงๆ ยังไงเสียก็ได้มาถึงโลกคุนชางแล้ว
อีกอย่างในโลกคุนชางนี้ ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงอีกมากมายด้วย
มิหนำซ้ำ ยังมีความหวังในการเก็บรวบรวมของวิเศษสำหรับกลั่นยาให้ได้ทั้งหมดอีกด้วย
เมื่อไหร่ที่สามารถทำสำเร็จ เขาก็จะรีบหาทางไปจากโลกใบนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อจะไปตามหาเย่เยว่แล้ว
ถ้าจะจากไป อย่างน้อยก็จะต้องเข้าแดนจิตปฐมก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีพลังในการปกป้องตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปตามหาและช่วยปลดปล่อยเย่เยว่ได้เลย
เมื่อคิดถึงเย่เยว่แล้ว หลินหยุนก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา
ซิงเฟยพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า หวังว่าคุณคงรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่นะ!
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในเมือง
ระดับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเทียนหยุนนั้น ไม่ใช่ที่เมืองสุริยันและเมืองซิงหงจะสามารถเทียบทันได้เลยจริงๆ อีกอย่างก็ยังมียอดฝีมือจำนวนมากด้วย
หลังจากหยั่งรู้จากจิตสัมผัสแล้ว ก็รู้ว่ารอบๆบริเวณมีผู้บำเพ็ญตนอยู่จำนวนไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าพลังฝึกฝนส่วนใหญ่แล้วยังนับว่าไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นัก
ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในถนน ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่ดังอึกทึกครึกโครม ก็มีรสชาติแปลกไปอีกแบบหนึ่ง
ซิงเฟยก็หันหน้ามาถามว่า ต่อจากนี้คุณคิดจะวางแผนทำอะไร? หาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเข้าพักเหรอ?
หลินหยุนครุ่นคิดสักครู่ แล้วพูดว่า ในเมืองนี้น่าจะมีสถานที่พักสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนเช่าอาศัยเป็นเวลายาวนานบ้าง พวกเราไปหาที่พักแบบนั้นดีกว่านะ!
ซิงเฟยอึ้งไปทันที ดวงตาที่สะสวยกะพริบไปมา แล้วพูดว่า คุณยังจะคิดทำสงครามยืดเยื้ออีกเหรอ?
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า เมืองนี้น่าจะไม่เลวเลย ค่อนข้างเหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญเซียน ถ้าได้พักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวทีเดียว!
ประเด็นนี้ซิงเฟยกลับเห็นด้วยเช่นกัน
แต่ว่ายังคงขมวดคิ้วแล้วถามว่า งั้นคุณควรจะคิดให้ดี ที่นี่คงไม่เหมือนเมืองเทียนเฟิงพวกเราและเมืองมี่หยุน ถ้าหากจะหาที่พักแบบนั้นอยู่ละก็ จะต้องใช้หยดชี่ทิพย์จำนวนมากมายเลยทีเดียว!
ในตัวคุณน่าจะไม่มียายั้งอายุอยู่อีกแล้วใช่ไหม?
เมื่อตอนที่อยู่เมืองซิงหงนั้น หลินหยุนจะซื้อวัตถุดิบหลายชนิดพวกนั้น ก็ได้ขายยายั้งอายุไปสองเม็ด จึงจะรวบรวมหยดชี่ทิพย์จนครบ
หลินหยุนพูดว่า ไม่เป็นไร เรื่องหยดชี่ทิพย์ไม่ใช่เป็นปัญหาเลย!
ซิงเฟยเหลือบตามองบนทันที ฉันเคยเห็นที่คนขี้โม้มามาก แต่ยังไม่เคยเห็นคนที่ขี้โม้ได้อย่างคุณเลย หยดชี่ทิพย์ไม่ใช่ปัญหา คุณพูดออกมาได้ยังไงฉันไม่เข้าใจเลย!
ถูกต้อง คุณสามารถที่จะหลอมเครื่องรางออกมาได้!
แต่ว่าการหลอมเครื่องรางไม่ต้องการวัตถุดิบหรือยังไง?
ตอนนี้แม้แต่วัตถุดิบคุณก็ยังซื้อไม่ไหวเลย!
หลินหยุนพลิกฝ่ามือขึ้น หยิบเอายายั้งอายุออกมาหนึ่งเม็ดแล้วพูดว่า ยายั้งอายุหนึ่งเม็ด น่าจะเพียงพอแล้วนะ!
ซิงเฟยพูดอย่างตกใจทันทีว่า ทำไมคุณยังมีอีกล่ะ? คุณมีโอสถพวกนี้ทั้งหมดกี่เม็ดกันแน่?
ก่อนหน้านั้น ตอนที่หลินหยุนออกจากบ้านตระกูลฉินไปนั้น ได้ให้เธอและฉินเหมยคนละหนึ่งเม็ดแล้ว
ตอนที่ไปหาซื้อวัตถุดิบที่เมืองซิงหง ก็ได้ขายไปสองเม็ดแล้ว นั่นก็ทำให้ซิงเฟยรู้สึกช็อกมากพอแล้ว
เพราะว่ายายั้งอายุพวกนี้ ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้ว หรือว่าได้พบกับคนซื้อที่เหมาะสม งั้นจะต้องได้ราคาที่สูงจนประเมินค่าไม่ได้เลย
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า พวกเราไปหาร้านค้าประมูลโดยเฉพาะหรือไม่ก็ตลาด แล้วนำโอสถนี้ไปขายซะ!
สำหรับหลินหยุนแล้ว ยายั้งอายุไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย ในตัวของเขาก็ยังมีอีกหลายเม็ดด้วยซ้ำไป
แต่นั่นเหลือไว้ให้กับแม่แก่และพี่ฉินหลัน ไม่สามารถที่จะเอาออกมาขายได้เลย
ซิงเฟยเหลือบตามองบน
ได้!
แกกระเป๋าหนักมือเติบพอยัง!
โอสถชนิดนี้ ก็ยังสามารถหยิบออกมาได้เม็ดต่อเม็ดเลย!
ที่หอไป่เต้า
ทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าประตู แล้วก้าวเท้าเข้าไปข้างใน
ในไม่ช้า
หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม
มองไปยังหลินหยุนซิงเฟย แล้วพูดเสียงเบาว่า ท่านทั้งสองต้องการอะไรบ้างคะ?
ซิงเฟยก็พูดตามตรงว่า ฉันมีโอสถอยู่หนึ่งเม็ด คิดจะขายให้ร้านของท่าน คุณน่าจะรับไว้ไม่ไหวหรอก คุณควรจะให้เถ้าแก่คุณมาดีกว่านะ!
ตอนที่อยู่เมืองมี่หยุนนั้น ราคาของยายั้งอายุหนึ่งเม็ด ก็สูงถึงสามพันกว่าหยดชี่ทิพย์แล้ว
เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เมืองซิงหง ราคายังสูงกว่านี้อีกเล็กน้อย สูงถึงเกือบจะแตะห้าพันหยดชี่ทิพย์ด้วยซ้ำไป
ตอนนี้ อยู่ที่เมืองเทียนหยุน ยังไงก็ไม่มีทางต่ำกว่าที่เมืองซิงหงอย่างแน่นอน
ราคาที่สูงขนาดนี้ พนักงานบริการธรรมดาคนหนึ่งย่อมตัดสินใจไม่ได้แน่นอน และก็คงตาไม่ถึงขนาดนั้นด้วย
แต่ว่า เมื่อได้ยินซิงเฟยพูดเช่นนี้แล้ว หญิงสาวก็ขมวดคิ้ว แสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป มองดูซิงเฟยแล้วพูดว่า ลูกค้าท่านนี้ พวกเราหอไป่เต้า รับซื้อสิ่งของล้ำค่าหลายชนิดจริงๆ แต่ท่านควรจะนำสิ่งของออกมาให้ฉันดูก่อนดีกว่านะคะ
ซิงเฟยก็ไม่พูดอะไรอีก ยื่นขวดหยกไปให้
หญิงสาวรับเอาไว้ เมื่อเปิดฝ่าขวดหยกออก ก็มีกลิ่นหอมของสมุนไพรที่แปลกประหลาด โชยออกมา
แต่ว่าหญิงสาวกลับขมวดคิ้วอีกครั้ง เพราะว่าเธอถึงกับไม่รู้จักโอสถที่อยู่ในขวดหยกนี้เลย
พนักงานบริการที่ทำงานอยู่ในหอไป่เต้าทุกคน ล้วนแต่คัดเลือกมาอย่างดีทั้งนั้น ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด จึงจะสามารถออกมาทำงานได้
ในฐานะที่เป็นพนักงานบริการหอไป่เต้าในเมืองเทียนหยุนนั้น ก็ยิ่งต้องมีคุณสมบัติพิเศษ ที่โดดเด่นหลายๆด้าน ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีสิทธิ์เลย
หญิงสาวหยุดชะงักสักครู่ มองไปยังซิงเฟยแล้วถามว่า ไม่ทราบว่า โอสถของท่านนี้คืออะไรคะ?
เธอตัดสินจากกลิ่นหอมที่โชยออกมาของโอสถนั้น เกรดของโอสถจะต้องสูงมากทีเดียว
ดังนั้น หญิงสาวจึงไม่กล้าหละหลวม
ซิงเฟยพูดว่า ฉันก็บอกแล้ว คุณตัดสินใจไม่ได้หรอก ไปเชิญเถ้าแก่พวกคุณออกมาดีกว่านะ!
หญิงสาวพยักหน้า ถึงแม้ว่าในใจรู้สึกไม่ค่อยยอมรับ และไม่ค่อยพอใจคำพูดของซิงเฟยเท่าไรก็ตาม แต่ก็ยังคงตอบตกลง แล้วนำขวดหยกคืนให้กับซิงเฟย หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน
ในไม่ช้า หญิงสาวก็เดินกลับมา ข้างหลังของเธอก็ยังมีชายชรารูปร่างผอมบาง สวมชุดยาวสีฟ้าคนหนึ่งตามมาด้วย
ชายชราหน้าตาใจดี สีหน้าอบอุ่นเป็นมิตร มีรอยยิ้มอยู่ตรงมุมปากเล็กน้อย
ยังไม่ทันเอ่ยปากพูด ก็ทำให้เกิดความรู้สึกสนิทสนมเป็นกันเองอย่างเป็นธรรมชาติ
หลังจากที่เดินออกมาแล้วก็มีแขกจำนวนไม่น้อยพูดทักทายกับเขา ชายชราก็ตอบรับอย่างมีมารยาทและเป็นกันเองกับทุกๆคน
หญิงสาวพร้อมด้วยชายชรามาถึงหน้าซิงเฟยและหลินหยุน
ชายชราหันไปยิ้มให้กับซิงเฟยแล้วพูดว่า แม่นางท่านนี้ กระผมชื่อจางฟาฉาย เชิญแม่นางเอาโอสถที่ต้องการมาขายออกมาให้กระผมดูหน่อยสิครับ
ซิงเฟยรู้สึกอึ้งไปสองครั้ง
ครั้งแรกก็คือหอไป่เต้าในเมืองเทียนหยุนนี้ มีฐานะสูงส่งมากเพียงใด แต่เถ้าแก่ที่นี่ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้ ยังถ่อมตัวมากกว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆด้วยซ้ำไป
ครั้งที่สองก็คือเป็นเพราะชื่อของชายชราคนนี้
จางฟาฉาย?
เจ้าหมอนี่ ดูลักษณะท่าทางก็เหมือนเป็นผู้ที่ถือศีลบำเพ็ญตนมากทีเดียว
ถึงกับใช้ชื่อเช่นนี้……..
คนที่ไม่รู้จักอาจคิดว่าเป็นพวกเขียงขายหมูตามตอกซอกซอยที่ไหนด้วยซ้ำไป!
ทำเสียงกระแอมเบาๆหนึ่งที ซิงเฟยก็ยื่นขวดหยกไปให้อีกครั้ง
ชายชรายื่นมือรับไว้ เปิดขวดหยกออกมาเช่นกัน กลิ่นหอมของสมุนไพรที่แปลกประหลาดนั้นก็โชยออกมาอีกครั้งหนึ่ง
ชายชราหนังตากระตุกทันที จากนั้นก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แล้วหันไปมองซิงเฟย
แม่นางท่านนี้ โอสถนี้……..น่าจะเป็นยายั้งอายุใช่ไหมครับ?
ซิงเฟยก็อึ้งไปทันทีเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามถึงกับสามารถดูออกว่าเป็นยายั้งอายุ
เพราะว่าในเมืองคุนชางนั้น ไม่มียายั้งอายุนี้เลย
ก่อนหน้านั้นที่อยู่เมืองซิงหง ตอนที่เธอและหลินหยุนนำไปขายนั้น ไม่มีใครรู้จักเลย อีกทั้งยังต้องทำการทดสอบก่อนด้วยซ้ำไป จึงจะทำให้คนทั้งหลายยอมเชื่อถือได้
คิดไม่ถึงเลยว่า เถ้าแก่คนนี้ถึงกับมองแวบเดียวก็รู้แล้ว
ดวงตาที่สะสวยของซิงเฟยก็ส่องประกายวาววับแล้วพูดว่า เถ้าแก่จาง ตาแหลมจริงๆเลย! ถูกต้อง โอสถนี้ก็คือยายั้งอายุ!
จางฟาฉายก็สูดลมหายใจลึกๆอีกครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า ขอถามแม่นาง โอสถนี้ได้มาจากไหนครับ?
ซิงเฟยก็ชะงักไปสักครู่แล้วพูดว่า ก็ได้ซื้อมาโดยบังเอิญ แต่ว่าตอนนี้ขัดสนนิดหน่อย จึงคิดอยากจะเอาออกมาขาย!
จางฟาฉายพยักหน้าแล้วพูดว่า ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง