จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1225 หลินหยุนกลายเป็นคนไม่มีตัวตนไปแล้ว
ตึกเทียนเซียง เป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดของเมืองเทียนหยุน
ได้ข่าวว่าเบื้องหลังก็คือสำนักเทียนหยุนและหอไป่เต้า
ที่นี่ คนธรรมดาทั่วไปมักจะเข้ามาไม่ถึงเลย คนที่สามารถเข้ามาได้นั้น จะต้องเป็นผู้บำเพ็ญเซียนเท่านั้นโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ อีกอย่างจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ค่อนข้างมีฐานะอีกด้วย
ที่นี่ เตรียมพร้อมไว้สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ วัตถุดิบเครื่องปรุงที่ใช้ล้วนแต่แฝงด้วยชี่ทิพย์ของสัตว์อสูรในปริมาณจำนวนมาก แม้แต่อาหารที่ราคาถูกที่สุดก็จะต้องมีราคาห้าสิบหยดชี่ทิพย์ขึ้นไป
ราคาเช่นนี้ จึงไม่ใช่ที่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาทั่วไปจะสามารถจับจ่ายได้เลย มันสิ้นเปลืองเกินไป
พวกเขาเดินเข้าไป ก็มีพนักงานสาวต้อนรับใส่ชุดสีเขียวคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับทันที
สายตาทั้งหมดของหญิงสาวก็ไปตกอยู่ที่ตัวเจียงเผิงเพียงคนเดียว ยินดีต้อนรับคุณชายเจียงเผิงมาเยือนตึกเทียนเซียงค่ะ!
และยังมีคุณชายคุณหนูทุกๆท่านค่ะ
ผู้น้อยชื่อชิงเอ๋อ ขอคารวะทุกท่านค่ะ!
เจียงเผิงยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดว่า ชิงเอ๋อ ศิษย์น้องของฉันหลายคน นายน่าจะเคยเห็นมาก่อนแล้ว แต่ว่าวันนี้มาเพื่อต้อนรับแม่นางซิงท่านนี้ นายจะต้องต้อนรับให้ดีที่สุด อย่าได้มีข้อผิดผลาดล่ะ รู้ไหม?
เจียงเผิงมองข้ามหลินหยุนไปโดยไม่เห็นว่ามีตัวตนอยู่ด้วย ความสนใจของเขา ก็ตกอยู่ที่ตัวซิงเฟยเพียงคนเดียวเท่านั้น
ตั้งแต่ที่ได้พบเห็นซิงเฟยเป็นครั้งแรกเขาก็ถูกความงามของซิงเฟยสะกดไว้แล้ว มิหนำซ้ำยังทำให้เขาหมดความสนใจในตัวติงหลิงที่เคยแอบหมายปองมาโดยตลอด
ติงหลิงก็รู้สึกได้เช่นกัน ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยามเจียงเผิง ในเวลาเดียวกันความรู้สึกอิจฉาซิงเฟยที่คุ้นเคยตั้งแต่เล็กจนโตนั้น ก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว
แต่ว่าใบหน้าของเธอกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เพราะว่าเจียงเผิงเป็นเป้าหมายสำคัญที่เธอจับจ้องมาโดยตลอด
ถ้าคิดอยากจะยืนอยู่อย่างมั่นคงที่สำนักเทียนหยุนละก็ ภูมิหลังของเจียงเผิงสำหรับเธอแล้วสำคัญมากทีเดียว
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเผิงแล้ว ชายหนุ่มชุดยาวสีฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า วันนี้พวกเราก็พึ่งบารมีของศิษย์พี่เจียงอีกแล้วนะ!
ผู้คนที่เหลืออีกหลายคนได้ยินต่างก็พยักหน้าแล้วยิ้ม จากนั้นก็พูดสรรเสริญเยินยอเจียงเผิงอย่างไม่หยุดหย่อน
เจียงเผิงกลับโบกมือปฏิเสธอย่างถ่อมตัวแล้วพูดว่า ศิษย์น้อยทั้งหลาย อยากได้ เกรงใจฉันขนาดนี้เลย! พวกเราเข้าไปกันเถอะ!
ชิงเอ๋อก็รีบพูดว่า ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายตามผู้น้อยเข้ามาข้างในค่ะ!
พูดพลางก็พาทุกคนเข้าไปในตึกหลังหนึ่ง บริเวณรอบๆก็ห้อมล้อมไปด้วยสวนดอกไม้และภูเขาจำลองมากมาย
ทุกคนก็ขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของตึก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามในส่วนนั้นทั้งหมด
เป็นความเพลิดเพลินที่วิเศษมากอย่างหนึ่งจริงๆ
ทุกคนต่างก็นั่งประจำที่
เจียงเผิงก็มองไปยังซิงเฟยแล้วพูดว่า แม่นางซิงครับ อยากจะทานอะไร ก็บอกมาได้เต็มที่เลยนะ!
ชิงเอ๋อว่องไวมาก ก็รีบนำเมนูอาหารวางไว้ตรงหน้าซิงเฟย
ซิงเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า สถานที่สูงส่งระดับนี้ แต่ว่าฉันก็มาเป็นครั้งแรก สั่งอาหารไม่ดีก็จะขายหน้าไปอีก
พูดพลางก็ยื่นเมนูอาหารให้กับติงหลิงที่อยู่ข้างๆแล้วพูดว่า เสี่ยวหลิง ให้แกสั่งดีกว่านะ!
ติงหลิงรีบพูดด้วยรอยยิ้มว่า ใครกล้าหัวเราะเยาะเฟยเฟยพวกเรากัน! เฟยเฟย แกก็สั่งอะไรมาก็ได้ ฉันจะบอกแกให้นะ อาหารที่นี่เป็นสัตว์อสูรทั้งนั้น อย่างต่ำก็ระดับสอง แกจะต้องลองกินให้ได้นะ!
ถึงแม้ว่าปากพูดเช่นนั้น ติงหลิงก็ยังคงรับเมนูอาหารมา แต่ว่าก็แค่สั่งอาหารไปเพียงสองอย่างเท่านั้นเอง
จากนั้นก็มองไปยังเจียงเผิงแล้วพูดว่า ศิษย์พี่เจียง ที่เหลือให้คุณสั่งดีกว่านะ!
เจียงเผิงยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าแล้วพูดว่า ฉันก็ไม่มีอะไรที่อยากกินเลย ชิงเอ๋อ นายไปจัดการมาให้ก็แล้วกัน!
ชิงเอ๋อตอบรับ จากนั้นก็หยิบเมนูอาหารแล้วหันหลังจากไป
เจียงเผิงก็ยังมองไปยังซิงเฟยแล้วพูดว่า แม่นางซิงครับ ไม่รู้ว่าคราวนี้มาเมืองเทียนหยุน มีธุระเรื่องอะไรเหรอ? ถ้าหากเจอปัญหายุ่งยากละก็ คนแซ่เจียงก็ยังสามารถช่วยได้อีกแรงนะครับ!
ซิงเฟยพูดอย่างเรียบเฉยว่า ขอบคุณคุณชายเจียงค่ะ พวกเราไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแต่เมื่อก่อนไม่เคยมาเมืองเทียนหยุนนี้เลย ดังนั้นคราวนี้ก็มาเที่ยวดูสักหน่อย
ซิงเฟยก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ
ไอ้หมอนี่ถ้าแกรู้ว่าพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจะมาหาเรื่องกับสำนักเทียนหยุนพวกแกโดยเฉพาะละก็ เกรงว่าแกก็คงไม่คิดอยากจะช่วยเหลือฉันอีกแล้วมั้ง?
เจียงเผิงยิ้มพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า ไม่เป็นไร ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แม่นางซิงก็บอกกับเสี่ยวหลิงก็เท่ากับพูดกับผมแล้ว แน่นอน มาหาคนแซ่เจียงที่สำนักเทียนหยุนโดยตรงก็ได้!
ถ้าหากเป็นแค่ว่ามาท่องเที่ยวละก็ ไม่ทราบว่าแม่นางซิงสนใจเที่ยวชมสำนักเทียนหยุน หรือเปล่า ถ้าหากสนใจละก็ คนแซ่เจียงก็สามารถพาแม่นางไปเยี่ยมชมสำนักเทียนหยุนได้นะ!
เขาเชื่อว่า
ขอเพียงให้ซิงเฟยยินยอม เมื่อมาถึงสำนักเทียนหยุน และได้รู้จักกับฐานะตำแหน่งของตัวเองในสำนักทั้งหมดแล้ว งั้นต่อจากนั้น จะเอาชนะใจซิงเฟยคงไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้ว
ถ้าพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว ซิงเฟยแทบจะไม่เหลือกตาขึ้นมองเลย แต่ถ้าไปเที่ยวชมสำนักเทียนหยุนละก็ ซิงเฟยย่อมมีความสนใจมากกว่า
จึงรีบหันไปยิ้มให้กับเจียงเผิงแล้วพูดว่า ซิงเฟยรู้สึกสนใจสำนักเทียนหยุนเป็นอย่างมาก ถ้าหากคุณชายเจียงเผิงสามารถพาฉันไปเยี่ยมชมละก็ นับว่าทำให้ฉันสมใจอยากได้เลย!
ติงหลิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น สายตาส่องประกายวาววับ
มองไปยังซิงเฟยแล้วพูดว่า เฟยเฟย แกเริ่มสนใจสำนักเทียนหยุนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ซิงเฟยพูดด้วยรอยยิ้มว่า สถานที่ใหญ่โตระดับชั้นนำอย่างสำนักเทียนหยุนเช่นนี้ ใครบ้างที่ไม่สนใจล่ะ? เพียงแต่ว่าบุญวาสนาฉันคงไม่ดีเหมือนกับเสี่ยวหลิง ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปสำนักเทียนหยุนเท่านั้นเอง!
เมื่อได้ยินคำพูดของซิงเฟยแล้ว สายตาของเจียงเผิงก็ส่องประกายวาววับ รีบอาสาสมัครพูดขึ้นว่า ถ้าหากแม่นางซิงสนใจละก็ ทำไมไม่เข้ามาอยู่ในสำนักเทียนหยุนเลยล่ะ? ผมดูออกว่า พลังฝึกฝนของแม่นางซิงไม่ด้อยเลยทีเดียว!
พรสวรรค์เช่นนี้ คิดจะเข้ามาอยู่ในสำนักเทียนหยุนก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!
ผมก็สามารถพูดคุยกับทางสำนักได้บ้าง โอกาสก็ยังมีอยู่มากทีเดียว!
ซิงเฟยโบกมือแล้วพูดว่า คงไม่กล้ารบกวนคุณชายเจียงหรอก ในใจฉันรู้ตัวเองดี! สามารถไปเยี่ยมชมสำนักเทียนหลุนได้บ้างก็นับว่าพอใจมากแล้วล่ะค่ะ!
เจียงเผิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า งั้นก็ดี ถ้าแม่นางซิงยังไม่กลับ งั้นวันหลังผมกับเสี่ยวหลิงจะพาแม่นางซิงไปเที่ยวที่สำนักเทียนหยุนก็แล้วกัน
ในไม่ช้า อาหารเลิศรสหลายอย่างก็ยกขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
ทุกคนก็รับประทานอาหารไปพลางพูดคุยไปพลาง แต่แน่นอนที่ว่าทั้งหมดก็ยังให้ความสำคัญกับตัวเจียงเผิงเพียงคนเดียว
ส่วนจุดสนใจของเจียงเผิงกลับมาอยู่ที่ตัวซิงเฟยเท่านั้น
สำหรับหลินหยุนนั้น ก็กลับถูกลืมไปว่ายังมีตัวตนอยู่
เดินออกมาจากตึกเทียนเซียงแล้ว
ติงหลิงก็พูดว่า เฟยเฟย แกเลือกที่พักที่ไหนแล้วหรือยังล่ะ?
ซิงเฟยเหลือบตามองบนแล้วพูดว่า ยังเลย กำลังจะเลือกอยู่ ก็ถูกแกลากตัวมากินข้าวซะก่อนไงล่ะ?
ติงหลิงได้ยินดังนั้นก็เบ้ปากพูดทันทีว่า ตอนที่พวกเราเจอหน้ากันนั้น อยู่หน้าโรงเตี๊ยมเยว่หลาย………แกอย่าบอกนะว่า แกจะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยว่หลายนั้น?
ซิงเฟยพยักหน้าแล้วพูดว่า ก็จะไปพักอยู่ที่นั่นไง เป็นไงเหรอ? ฉันก็สอบถามมาอย่างดีแล้วว่า โรงเตี๊ยมเยว่หลายนั้นก็ไม่เลว เหมาะที่สุดสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรมาพักอาศัยอยู่ มีวิมานโดยเฉพาะด้วย
ติงหลิงพูดไม่ออกทันที
พวกอู่เหลียนและถังเหมิงที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
เจียงเผิงกลับไม่ได้หัวเราะ แต่ก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
ติงหลิงเหลือบตามองบนแล้วพูดว่า เฟยเฟย แกรู้ไหมว่าโรงเตี๊ยมเยว่หลายอะไรนั้นเป็นสถานที่อะไรหรือเปล่า?
ซิงเฟยกะพริบตาแล้วพูดว่า ก็ไม่ใช่โรงเตี๊ยมหรอกเหรอ?
ติงหลิงก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
เป็นโรงเตี๊ยมไม่ผิดหรอก นั่นเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปอยู่ได้ง่ายๆเลย! อีกอย่างโรงเตี๊ยมเยว่หลายให้เช่าอย่างต่ำต้องสามเดือนขึ้นไปเท่านั้น
ต่อให้เป็นวิมานระดับต่ำสุด ราคาค่าเช่าเดือนละอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยหยดชี่ทิพย์แล้ว
คุณหนูใหญ่ตระกูลซิงอย่างแกคนนี้ แน่ใจว่าจะเช่าอยู่ไหวเหรอ?