จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1232 คุณชายเซียวยู่
สูดหายใจลึก เจียงเผิงก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า ศิษย์น้องเสี่ยวหลิงพูดอะไรแบบนี้? จะเป็นไปได้อย่างไรที่ฉันจะไม่เชื่อใจศิษย์น้องล่ะ? ถ้าหากศิษย์น้องยังคงสงสัยกันอยู่อย่างนี้แล้ว อย่างนั้นศิษย์พี่ก็คงจะเสียใจจริง ๆ ด้วย!
แม้ว่าในใจจะกำลังคิดถึงซิงเฟยอยู่ แต่สำหรับติงหลิงที่อยู่ตรงนี้แล้ว ก็จะต้องเอาใจด้วยเช่นกัน
เพราะว่าติงหลิงเองก็ถือว่าไม่เลวเลย อีกทั้งรูปร่างก็งดงามสมส่วน ถ้าหากสามารถได้ลิ้มลองสักครั้ง ก็คงจะเป็นรสชาติที่ดีอย่างแน่นอน
ติงหลิงเหลือบตาขาวใส่เจียงเผิง ทำปากมุ่ยและพูดว่า ศิษย์พี่เจียงไม่ได้ระวังในตัวของเสี่ยวหลิงก็ดีแล้ว!
หลิ่วหยางหัวเราะเหอะเหอะ และพูดว่า ศิษย์พี่เสี่ยวหลิง ฉันคิดว่าศิษย์พี่เจียงไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ใคร ๆ ต่างก็มองออกว่า ศิษย์พี่เจียงนั้นปฏิบัติดีต่อศิษย์พี่มากขนาดไหน
ติงหลิงส่งเสียงฮึ ทำปากมุ่ยและพูดว่า ฉันไม่เห็นอย่างนั้นเลย!
ติงหลิงเป็นคนฉลาดมาก และก็มีประสบการณ์มากมาย เธอเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ควรที่จะรักษาระยะห่างสักเท่าไรกับผู้ชายคนหนึ่ง
ทอดสะพานให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ก็เหมือนกับการตกปลา ซึ่งมีเหตุผลแบบเดียวกัน
เมื่อปลาติดเบ็ดแล้ว ก็ห้ามใจร้อน ห้ามที่จะใจร้อนอย่างเด็ดขาด
จะต้องปล่อยสายเบ็ดให้ยาว และจะต้องเลี้ยงไปเรื่อย ๆ
หากให้สิ่งที่ต้องการหรือประโยชน์ที่รวดเร็วเกินไป ทุกอย่างก็คงจะจบสิ้นกัน เมื่อถึงเวลานั้นตนเองก็จะไม่ได้รับอะไรเลย
หลิ่วหยางหัวเราะขึ้นอีกครั้ง และรีบเปลี่ยนเรื่องที่พูด โดยมองไปที่เจียงเผิงและพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่เจียง ที่นี่ก็ไม่มีคนนอก ศิษย์พี่อย่าได้มาแกล้งทำให้พวกเราอยากรู้อยากเห็นแบบนี้อีกอีกเลย ศิษย์พี่ ตกลงว่าจะลงมือกับหลินหยุนผู้นั้นใช่ไหม?
เจียงเผิงก็ยังคงไม่พูด ยิ้มและพูดว่า รอดูก็แล้วกัน!
พูดจบ ก็มุ่งหน้าเดินต่อไป
ทางใต้ของเมือง ณ โรงเตี๊ยมเยว่หลาย
โรงเตี๊ยมเยว่หลายได้ครอบครองยอดเขาจำนวนหลายแห่งทางใต้ของเมืองไว้แล้ว และได้บุกเบิกพัฒนาเป็นวิมานหลากหลายระดับ พร้อมกับจัดวางค่ายกลรวมพลังในระดับขั้นที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ส่วนบริเวณด้านล่างของภูเขา ได้จัดตั้งเป็นสถานที่ให้บริการของโรงเตี๊ยม
ใช้สำหรับต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มีความจำเป็นจะเข้าพักอาศัยโดยเฉพาะ
กี่คนนั้นได้มาหยุดกันอยู่ที่บริเวณที่ไม่ไกลจากจุดให้บริการของโรงเตี๊ยมมากนัก โดยสายตาของเจียงเผิงได้มองไปยังบนภูเขาที่อยู่ด้านหลังจุดให้บริการนั้น
กวัดแกว่งท่อนแขนเบา ๆ โต๊ะและเก้าอี้จำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า โดยบนโต๊ะก็ยังมีเครื่องดื่มด้วย
บอกให้กี่คนนั้นนั่งลง แล้วก็ดื่มเหล้าและเครื่องดื่มเหล่านั้นกันอย่างสบายอกสบายใจ
ติงหลิงและกี่คนนั้นก็ไม่ได้โง่เขลา เมื่อเห็นสถานที่แห่งนี้ ต่อให้เจียงเผิงจะยังคงไม่พูดอะไร รักษาความลึกลับอยู่อย่างนั้นก็ตาม แต่พวกเธอก็สามารถที่จะคาดเดาได้บ้างแล้ว
มาที่นี่เพื่อชมละคร อีกทั้งยังมาในลักษณะท่าทางที่มั่นอกมั่นใจขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจะต้องลงมือกับหลินหยุนอย่างแน่นอน
แม้ว่ากี่คนนั้นต่างก็ไม่ได้สอบถามต่ออีก แต่ในใจก็ทยอยคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ว่า คนที่จะมาถึงอีกสักครู่นั้น ตกลงเป็นใครกันแน่
มีโอกาสที่จะเป็นเจียงยี่มากที่สุด!
แต่ได้ยินมาว่าศิษย์พี่เจียงยี่ หลังจากที่กลับไปยังสำนักในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ก็เก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ตลอด จะออกมาในครั้งนี้หรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ใจ
ถึงอย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของศิษย์พี่เจียงยี่ในการที่จะทะลุขั้นบำเพ็ญนั้นมีสูงอย่างมาก
ถ้าหากไม่ใช่เจียงยี่แล้ว คนอื่นที่จะมาได้นั้น ก็คงยากที่จะคาดเดาแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้กี่คนนี้ต่างก็มีความคาดหวังตั้งตารออย่างมาก กับละครอันสนุกตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
แต่สิ่งที่ติงหลิงตั้งตารอนั้นไม่ใช่ว่าเจียงเผิงจะหาใครออกมาจัดการ แต่คิดที่จะดูว่า จากนี้ต่อไปหลินหยุนจะรับมืออย่างไร เธออยากจะดูว่าหลินหยุนนั้นมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน
เพราะก่อนหน้านี้ ต่อให้เฉินหย่งปรากฏตัว ด้วยพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหนึ่งอย่างเฉินหย่งนั้น เมื่อปะทะกับหลินหยุนแล้วก็พ่ายแพ้ลงอย่างราบคาบ โดยที่ไม่สามารถจะตอบโต้อะไรกลับได้เลย
ดังนั้นเธอควรที่จะแจ้งให้กับซิงเฟยทราบว่า เจียงเผิงกำลังจะจัดการกับพวกเธอ ให้พวกเธอนั้นเตรียมพร้อมรับมือ หรือว่ารีบหลบหนีออกไปโดยเร็ว แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอเองก็ยังไม่ทำอย่างนั้น
กี่คนนั้นนั่งลง ดื่มเหล้าไปพลาง และพูดคุยกันไปพลาง
ไม่นาน ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงแล้ว
หลิ่วหยางอดทนรอไม่ไหวก่อนใครเพื่อน จึงมองไปที่เจียงเผิงและถามขึ้นว่า ศิษย์พี่เจียง ละครที่สนุกตื่นเต้นที่คุณบอกนั้นจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไร?
เจียงเผิงยิ้มและพูดว่า ศิษย์น้องหลิ่วหยางอย่าได้ร้อนใจไป อดทนรออีกสักหน่อย คงใกล้ที่จะเริ่มต้นแล้ว
เมื่อเขาพูดจบลง เส้นลำแสงเส้นหนึ่ง ก็พุ่งตรงมาจากทางทิศตะวันตก ตกลงมายังบริเวณหน้าประตูของจุดให้บริการของโรงเตี๊ยมเยว่หลาย
มีพนักงานออกมาต้อนรับในทันที
เห็นเงาร่างนั้นลงมาสู่พื้น ติงหลิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เบิกตาโพลงโดยพลัน และสูดหายในลึก จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นในทันที
หลิ่วหยางพูดขึ้นด้วยความตกใจว่า นั่นคือศิษย์พี่จางเซี่ยวยู่!
อู่เหลียนเองก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นศิษย์พี่จาง!
จากนั้นก็รีบหันหน้ากลับไปมองเจียงเผิงและพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่เจียง ทำไมคุณถึงเชิญศิษย์พี่จางออกมาได้ล่ะ?
ตอนที่อู่เหลียนพูดนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและความเลื่อมใส
ถ้าพูดกันในระดับหนึ่งแล้ว ภายในสำนักเทียนหยุนนั้น จางเซี่ยวยู่มีชื่อเสียงมากกว่าเจียงยี่เสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับความชื่นชมจากลูกศิษย์ผู้หญิง
เจียงยี่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าก็จริง และก็มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่กว่าด้วย
แต่เจียงยี่มีท่าทีที่แข็งกร้าว เผด็จการ ตรงไปตรงมา ไม่มีเสน่ห์ความน่าหลงใหล
ส่วนจางเซี่ยวยู่กลับตรงกันข้าม ก็เหมือนกับคำว่า ยู่ ในชื่อของเขานั้นที่มีความหมายว่าหยก เขาจึงให้ความรู้สึกอบอุ่นใจกับผู้คนราวกับหยกอย่างไรอย่างนั้น
หล่อเหลาสง่างาม สุภาพอ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตน พลังบำเพ็ญแข็งแกร่ง
ในตัวของเขา เหมือนจะมีองค์ประกอบที่ทำให้ผู้หญิงชื่นชอบและตกหลุมรักอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์ผู้หญิงอย่างติงหลิง และอู่เหลียนเหล่านี้ ภายในสำนักเทียนหยุน สองผู้อาวุโสหญิงอย่างปี้โหรวกับหลวนซิง ต่างก็ชื่นชอบจางเซี่ยวยู่ไม่แพ้กัน
นี่ยังเป็นเพียงแค่ภายในสำนักเท่านั้น
ภายนอกสำนัก ชื่อเสียงของจางเซี่ยวยู่เองก็เป็นที่โด่งดังอย่างมากเช่นกัน
ถึงขนาดที่ลูกศิษย์ผู้หญิงอัจฉริยะบางคนของเก้าสำนักใหญ่ ต่างก็ใฝ่ฝันในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ทุกครั้งที่เก้าสำนักใหญ่มีการจัดการประลองยุทธครั้งใหญ่ พวกลูกศิษย์ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนจับจ้องมองมาที่ตัวของจางเซี่ยวยู่กันทั้งหมด
ระดับความน่าหลงใหล และแรงดึงดูดที่น่าเหลือเชื่อของจางเซี่ยวยู่นั้น ก็เป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสในโรงเตี๊ยมเยว่หลาย หลังจากที่ได้พูดคุยกับจางเซี่ยวยู่แล้ว ก็รีบกลับตัวมุ่งหน้าเหาะเหินไปยังบริเวณกลางหุบเขา
ไม่นาน
เงาร่างหนึ่งก็ย่ำขึ้นไปในอากาศ เหาะเหินขึ้นไปท้องฟ้า โดยจางเซี่ยวยู่เองก็ลอยตัวขึ้นมาเช่นกัน
เงาร่างทั้งสองได้เผชิญหน้ากันอยู่ที่กลางอากาศ
เจียงเผิงกับติงหลิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ลุกยืนขึ้น และมองไปที่บนท้องฟ้า
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกฝนจำนวนมากที่พักอยู่ในวิมานของโรงเตี๊ยมเยว่หลาย ล้วนพากันทยอยออกมาจากภายในวิมาน พร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
มีคนจำนวนไม่น้อยต่างก็จดจำจางเซียวยู่ได้ นั่นคือคุณชายเซียวยู่แห่งสำนักเทียนหยุน!
เด็กหนุ่มที่เผชิญหน้าอยู่กับเขานั้นคือใครกัน?
ไม่รู้!
ไม่เคยพบเห็นคนผู้นี้มาก่อน!
คนผู้นี้ไปล่วงเกินอะไรต่อคุณชายเซียวยู่ล่ะ?
ถึงขั้นที่คุณชายเซียวยู่ต้องลงมือเอง ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน
แต่คนผู้นี้ยังหนุ่มอยู่มากเลย!
มองดูแล้วราวกับว่าจะอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น!
ทำไมเขาถึงได้กล้าที่จะเผชิญหน้ากับคุณชายเซียวยู่เลย?
คุณชายเซียวยู่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว หลายปีก่อนหน้านี้ได้สำเร็จกลายเป็นยอดฝีมือยาทองระดับสามแล้ว!
อีกทั้ง คุณชายเซียวยู่ยังเป็นยาทองระดับดำอีกด้วย!
ไอ้หนุ่มฝั่งตรงข้ามรนหาที่ตายอย่างนั้นเหรอ?
ไอ้หนุ่มคนนี้เกรงว่าจะมีประวัติความเป็นมาอยู่บ้าง เบื้องหลังน่าจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
เหอะเหอะ ต่อให้เบื้องหลังมีอิทธิพลมากแค่ไหน แล้วจะสามารถเหนือกว่าสำนักเทียนหยุนไปได้หรืออย่างไร?
ฉันว่าก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่หลงระเริงไม่รู้ว่าผุดออกมาจากที่ไหน และไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงก็เท่านั้นเอง!
คิดไม่ถึงว่า พวกเราจะโชคดีขนาดนี้!