จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1233 ก็แค่นี้
คิดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้เห็นคุณชายเซียวยู่แสดงฝีมือที่นี่!
สามารถได้เห็นลีลาท่วงท่าของคุณชายเซียวยู่ด้วยตาของตนเอง ช่างเป็นความโชคดีเสียจริง!
แขกผู้มีเกียรติแทบจะทุกคนที่พักอาศัยอยู่ในวิมานของโรงเตี๊ยมเยว่หลาย เวลานี้ต่างก็พากันทยอยเดินออกมา และมองไปยังจางเซียวยู่กับหลินหยุนที่อยู่บนท้องฟ้า พร้อมกับวิพากษณ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา
และในเวลานี้บริเวณที่ไม่ไกลจากเชิงเขามากนัก เจียงเผิงเองก็ได้หัวเราะเยาะ สายตามองไปที่ทั้งสองคนนั้นที่อยู่ในอากาศ
หลินหยุนผู้นี้แข็งแกร่งมากไม่ใช่เหรอ?
เขาคืออัจฉริยะไม่ใช่เหรอ?
เขากำเริบเสิบสาน หลงระเริงเป็นอย่างมากไม่ใช่เหรอ?
อย่างนั้นขอฉันดูหน่อยสิว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าของศิษย์พี่เซียวยู่แล้ว เขายังจะกล้ากำเริบเสิบสานอีกไหม!
ไม่ว่านายจะมีเบื้องหลังอะไรก็ตาม!
ไม่ว่านายจะเป็นผู้เก่งกาจอัจฉริยะอะไรก็ตาม!
แต่นายไม่สมควรอย่างมาก ไม่สมควรที่จะมายั่วยุหาเรื่องคนอย่างเจียงเผิงในอาณาเขตพื้นที่ของสำนักเทียนหยุนของพวกเรา!
ในเมื่อมายั่วยุหาเรื่องฉันแล้ว อย่างนั้นก็ต้องเตรียมตัวตายได้เลย!
เมื่อเจียงเผิงพูดจบ ติงหลิงกับหลิ่วหยางและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างของเขา ต่างก็พากันตกใจ เข้าใจถึงความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดของเจียงเผิงเมื่อครู่นี้
หลิ่วหยางรีบพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า แน่นอนอยู่แล้ว! หลินหยุนผู้นี้กำลังรนหาที่ตายชัด ๆ! มีตาแต่หามีแววไม่ ขนาดศิษย์พี่เจียงเผิงก็ยังกล้าที่จะไปล่วงเกิน เขาไม่ตายแล้วใครจะตายล่ะ?
อู่เหลียนเองก็พยักหน้าและพูดว่า ถูกต้อง! คนที่หลงระเริงอย่างหลินหยุนนี้ ตายไปก็ไม่สาสมกับความผิดที่ได้กระทำเลย!
เวลานี้บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของพวกเขา ยังมีอีกสองเงาร่างอยู่ด้วย
หนึ่งในนั้น ก็คือเฉินหย่ง
ส่วนอีกเงาร่างหนึ่งนั้น ก็คือชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวสีดำ
เฉินหย่งกวาดสายตามองไปที่ชายวัยกลางคนนั้น พร้อมกับพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า ท่านเจ้าเมือง ท่านสามารถมองออกถึงพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของคนผู้นี้ไหม?
ชายวัยกลางคนครุ่นคิดชั่วครู่ และพูดขึ้นว่า มองไม่ออก เขาน่าจะฝึกฝนวิชาการปกปิดลมหายใจในระดับขั้นที่สูงมาก! แต่การที่สามารถเอาชนะนายได้ อย่างน้อยก็คงจะอยู่ในขั้นยาทองระดับสองแล้ว!
เฉินหย่งพยักหน้า และพูดว่า อย่างนั้นท่านมองว่า ศิษย์พี่เซียวยู่กับเด็กหนุ่มคนนี้ ใครจะเป็นผู้ชนะ?
ชายวัยกลางคนพูดว่า นี่ยังจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมายอยู่อีกเหรอ?
ด้านเซียวยู่นี้ อีกเพียงก้าวเดียวก็ถึงขั้นยาทองระดับสี่แล้ว อีกทั้งยังเป็นยาทองระดับดำด้วย เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีโอกาสเอาชนะเขาได้หรอก!
เฉินหย่งพยักหน้าอีกครั้ง โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรอีก แล้วก็มองไปในอากาศต่อไป
แต่ว่า สำหรับคำพูดของชายวัยกลางคนนั้น เฉินหย่งกลับเหมือนจะไม่เห็นด้วย เพราะว่าเขาเคยปะทะฝีมือกับหลินหยุนจริง ๆ มาแล้ว
เขารับรู้ได้เป็นอย่างดี ถึงความแข็งแกร่งของหลินหยุน
ขณะที่หลินหยุนลงมือนั้น เหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือบรรพกาล ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้กลับได้เลย
นอกจากความน่ากลัว ก็คือความน่าสะพรึงกลัว
ความรู้สึกนั้น น่าสะพรึงกลัวมากยิ่งกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับจางเซียวยู่เสียอีก
หรือพูดได้ว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในหกลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน เขาคุ้นเคยอย่างมากกับเจียงยี่ และจางเซียวยู่
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นผู้พิพากษาในเมืองเทียนหยุน ภายในสำนักพวกเขาล้วนมีการประลองฝีมือกันในทุกปี
สำหรับจางเซียวยู่แล้วนั้น จึงไม่แปลกหน้าอะไร
ตอนที่ประลองฝีมือกับจางเซียวยู่ เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ อีกทั้งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้ ยังคงสงบนิ่งอย่างมากด้วย
ไม่ว่าคุณจะจู่โจมด้วยกระบวนท่าอะไร ก็จะนิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว
ล้ำลึก
ยากที่จะคาดเดาได้
ส่วนตอนที่เผชิญหน้ากับหลินหยุน ก็แตกต่างกันอย่างมาก
ที่จริงแล้ว เขาเองก็เชื่อว่า ท้ายที่สุดผู้ที่หลงเหลือชีวิตอยู่ต่อนั้นก็คงจะเป็นจางเซียวยู่อย่างแน่นอน
เพราะแม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเดียวกัน แต่ความเป็นจริงก็ยังไม่มีใครบีบกดดันให้จางเซียวยู่ต้องแสดงพลังท่าไม้ตายที่แท้จริงออกมาเลย
ต่อให้ในตอนที่เขาพ่ายแพ้ ก็ยังคงสง่างาม โดยส่วนมาก เขาจะเป็นผู้ยอมแพ้เอง
อย่างเช่นระหว่างเขากับเจียงยี่นั้น ไม่รู้ว่าทั้งสองคนปะทะฝีมือกันมากครั้งเท่าไรแล้ว
ในทุกครั้ง ฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็คือจางเซียวยู่ แต่ในทุกครั้ง จางเซียวยู่ให้ความรู้สึกกับทุกคนว่าเขายังไม่ได้ใช้พลังขั้นสุดยอดของเขาเลย
ดังนั้น สำหรับการต่อสู้ที่จะถึงนี้ เฉินหย่งคาดหวังเป็นอย่างมาก
ส่วนท่ามกลางอากาศบนท้องฟ้าในตอนนี้
จางเซียวยู่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในมือที่ขาวนวลราวกับหยกนั้น ก็ยังคงถือเล่นจี้เหรียญหยกนั้นของเขาอยู่ พร้อมกับมองไปที่หลินหยุน
พวกเขาได้สอบถามชื่อของหลินหยุน แต่ไม่ได้สอบถามประวัติความเป็นมาของหลินหยุน และไม่แม้แต่ที่จะพูดคำรุนแรงอะไรเลย
เพียงแต่เอ่ยปาก พูดขึ้นว่า ฉันคือจางเซียวยู่แห่งสำนักเทียนหยุน ที่ฉันมาในวันนี้ ก็เพื่อจะสังหารนาย เพราะว่านายได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบสำนักเทียนหยุนของพวกเรา
พูดจบ ก็ลงมือทันที
เห็นเขายื่นมือออกไป แพรยาวสีขาวผืนหนึ่งก็ลอยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา
แพรยาวสีขาวยืดยาวขึ้น กลายเป็นแพรผืนใหญ่อย่างไม่สิ้นสุดโดยพลัน ปกคลุมทั่วท้องฟ้า และก็พุ่งตัวไปห่อหุ้มร่างของหลินหยุนในทันที
แววตาของหลินหยุนเป็นประกายขึ้นทันที
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้ ได้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตอันรุนแรง ซึ่งมีความอันตรายเป็นอย่างมาก
เขารับรู้ได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามคือพลังบำเพ็ญยาทองระดับสาม ส่วนระดับยาทองนั้นน่าจะไม่ต่ำ
อย่างน้อยคงจะเป็นยาทองระดับดำ
หลินหยุนส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และปล่อยพลังหมัดออกไปโดยพลัน
โจมตีไปที่แพรยาวสีขาวที่ปกคลุมท้องฟ้าทันที
แต่แพรยาวสีขาวกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแค่เปลี่ยนรูปทรงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปห่อหุ้มร่างของหลินหยุนอีกครั้ง
หลินหยุนสายตาดุดัน ในมือถือดาบเฮ่าเทียน และฟาดฟันลำแสงดาบอันน่าสะพรึงกลัวออกไป
พลังอานุภาพน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
ลำแสงกระบี่ฟันฉับไปที่แพรยาวสีขาว ทำให้แพรยาวสีขาวนั้นฉีกขาดออก
หลินหยุนเองก็เบาใจลงได้บ้าง
แต่วินาทีถัดไป แพรยาวสีขาวที่ถูกฟันจนขาดนั้น เหมือนกับทำขึ้นจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น ประกอบตัวรวมกันขึ้นอีกครั้ง ด้วยความรวดเร็วอย่างมาก
โดยม้วนตัวห่อหุ้มมาจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งไม่ให้โอกาสหลินหยุนได้หลบหนีเลยแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน พลังขอบเขต ก็ค่อย ๆ ก่อตัวรวมกันขึ้น
ความรู้สึกอันตรายก็ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจของหลินหยุน
เงาร่างกระพริบ หลินหยุนก้าวกระโดดออกมา
พร้อมกับแสดงพลังสิบแปดท่าต้าเต๋า พลิกฟ้าผ่าตะวันออกมา โดยพลังหมัดอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ปรากฏขึ้นทันที
ทันใดนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี
ราวกับว่าไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่จะสามารถต้านทานพลังหมัดอันสะเทือนเลือนลั่นนี้ได้
จางเซียวยู่รู้สึกได้ถึงพลังหมัดอันน่าสะพรึงกลัวนี้ ม่านตาของเขาเองก็หดตัวลงทันที
แต่ไม่นานก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมของเขาอีกครั้ง
มุมปากก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ ผ้าแพรขาวป่วนฟ้าของฉัน ไม่ว่านายจะโจมตีรุนแรงขนาดไหน หรือจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน ต่างก็ไม่สามารถทำลายมันลงได้!
วันนี้ขอบเขตผ้าแพรขาวได้ก่อตัวขึ้นสำเร็จ นายก็ยิ่งจะไม่เหลือโอกาสอะไรอีกแล้ว!
ไอ้หนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้มีพลังความสามารถที่เก่งกาจพอตัว
กระบวนท่าเมื่อสักครู่นั้น ถ้าหากแสดงออกมาในขณะที่ผ้าแพรขาวป่วนฟ้าของเขาเพิ่งจะสำแดงฤทธิ์
ก็เกรงว่ายากที่จะรับมือได้
แต่ฝ่ายตรงข้ามผิดตรงที่ ประเมินพลังความสามารถของผ้าแพรขาวป่วนฟ้าต่ำเกินไป
แน่นอนว่า ไม่สามารถที่จะกล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามได้
ไม่ว่าใครที่ไม่รับรู้สภาพการณ์ก็คงจะเป็นแบบนี้ทั้งนั้น
แต่เมื่อรอให้ขอบเขตผ้าแพรขาวค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจนสำเร็จ แล้วต้องการที่จะแสดงพลังโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่า ซึ่งก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว
นอกเสียจากว่า……ขั้นแดนของฝ่ายตรงข้ามสูงกว่าเขาหนึ่งระดับ
แต่ไอ้หนุ่มเบื้องหน้านี้ เป็นไปได้ไหมที่จะมีพลังบำเพ็ญยาทองระดับสี่?
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นการปะทะกันในวันนี้ ถือว่าง่ายดายมากสำหรับเขา
ผ้าแพรขาวพลันกลายร่างเป็นภาพลวงตา กลายเป็นจุดแสงสีขาว
วินาทีถัดไปก็ได้ปกคลุมห่อหุ้มร่างของหลินหยุนทั้งหมดอย่างแน่นหนา
หลินหยุนพลันพบว่า พลังทิพย์ของเขาไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ ถูกควบคุมสกัดกั้นเอาไว้ภายในร่างกายทั้งหมด
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างก็ผิดหวังกันเป็นอย่างมาก