จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1254 ส่งข่าวกลับ
เขตต้องห้ามด้านหลังภูเขา คือสถานที่เก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนของเจ้าสำนัก
จุดธูปเงินสามดอกขึ้น โดยหลังจากนั้นไม่นาน ประตูถ้ำก็ได้เปิดออกแล้ว
ชายชราผมขาวที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาคนหนึ่งได้เดินออกมาจากด้านใน
ชายชรารูปร่างไม่สูงนัก และก็ไม่มีลมหายใจที่น่าเกรงกลัวแต่อย่างใด ชุดที่สวมใส่ก็ไม่สวยงาม ธรรมดาเรียบง่ายอย่างมาก ราวกับว่าเป็นชาวนาที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน
เห็นชายชราค่อย ๆ เดินออกมา รองเจ้าสำนักและคนอื่น ๆ ต่างก็เดินเข้าไปต้อนรับ และโค้งตัวแสดงความเคารพต่อชายชรา
รองเจ้าสำนักพูดขึ้นว่า รบกวนศิษย์พี่ขณะกำลังเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝน ต้องขออภัยศิษย์พี่ด้วย!
ชายชราส่ายมือไปมาเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้า ไม่ว่าผู้ใดได้พบเห็น ก็จะรู้สึกถึงความสุขสบายใจ
ชายชราพูดขึ้นว่า ศิษย์น้องไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไร ศิษย์น้องคงจะไม่จุดธูปเงินเพื่อให้ฉันออกจากการเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนหรอก! โอ้ว พวกนายต่างก็มากันด้วย!
ผู้อาวุโสทั้งหลายได้ยินดังนั้น ก็รีบโค้งตัวแสดงความเคารพ และพูดพร้อมกันว่า คารวะอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก!
ชายชราพยักหน้า และพูดว่า มีเรื่องอะไรเหรอ พูดกันมาสิ!
เวลานี้ รองเจ้าสำนักก็ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเล่าให้ฟังหนึ่งรอบ
ถ้าหากเป็นเจ้าสำนักคนอื่น เมื่อได้ยินว่ายอดฝีมือหลายคนของสำนักถูกสังหารบริเวณใกล้กับสำนัก คงจะเกิดความโกรธแค้น โมโหพลุ่งพล่านอย่างที่สุดแล้ว
แต่เจ้าสำนักที่ดุจดั่งชาวนาผู้นี้กลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
เขาเพียงแค่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ โดยขณะที่ฟังอยู่นั้นก็ได้หยิบจอบขึ้นมา ถากหญ้าทำความสะอาดบริเวณโดยรอบของถ้ำ
รอจนรองเจ้าสำนักพูดจบ เขาจึงค่อย ๆ หยุดลง
รองเจ้าสำนักพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่เจ้าสำนัก เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ ซึ่งฉันได้สั่งให้คนไปตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของคนผู้นี้แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะได้รับข่าวสารตอบกลับมา
แต่ฉันและคนอื่น ๆ ต่างก็สงสัยว่า สถานะของเด็กหนุ่มคนนี้ ที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่คำลวง
เป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้น คือยอดฝีมืออาวุโสที่มีความแค้นยิ่งใหญ่กับสำนักของเรา!
คนผู้นี้มีพลังบำเพ็ญสูงส่ง โดยฉันใช้พลังบำเพ็ญทั้งหมด ในการไล่ล่าอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่สามารถไล่ตามได้ทัน!
ดังนั้นพลังบำเพ็ญของคนผู้นี้ ลึกล้ำอย่างที่สุด ซึ่งไม่ใช่ระดับขั้นที่เด็กหนุ่มทั่วไปจะสามารถบรรลุได้!
แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่สำคัญเท่าไร!
ที่เชิญศิษย์พี่ออกจากการเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนนี้ ก็เพื่อต้องการให้ศิษย์พี่ใช้การสืบค้นวิญญาณชีวิต ตามหาคนผู้นี้ให้เจอ! จำเป็นจะต้องนำตัวคนผู้นี้มาที่สำนักของเราให้เร็วที่สุด!
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดสักครู่ และพูดขึ้นว่า ได้! ฉันจะลองใช้การสืบค้นวิญญาณชีวิตแล้วกัน! แต่ว่า……
ชายชราไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ดวงไฟวิญญาณก็ได้ปรากฏขึ้นที่นิ้วมือของเขา
ถ้าการสืบค้นวิญญาณชีวิตสำเร็จ ด้านบนของดวงไฟวิญญาณ ก็จะปรากฏภาพลักษณ์ของหลินหยุนผู้ที่สังหารพวกผู้อาวุโสเหล่านั้น
แต่ในเวลานี้ ขณะที่ดวงไฟวิญญาณกำลังเผาไหม้อยู่นั้น กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเลย
ผ่านไปสักพัก ชายชราก็ส่ายศีรษะ และดับดวงไฟวิญญาณ
ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมีพลังบำเพ็ญที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่ค้นพบ และไม่มีความสามารถที่จะลบรอยประทับวิญญาณชีวิตลงได้!
รองเจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ย่ำแย่
รองเจ้าสำนักสูดหายใจลึก และพูดอย่างจริงจังว่า ฉันและคนอื่น ๆ ได้รีบมาหาศิษย์พี่เจ้าสำนักโดยเร็วที่สุดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะทำการลบรอยประทับวิญญาณชีวิตลงรวดเร็วขนาดนี้
ผู้อาวุโสสองพูดขึ้นว่า ดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงจะเป็นยอดฝีมืออาวุโสจริง ๆ ด้วย
รองเจ้าสำนักมองไปที่ชายชราและพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่ ฉันว่าพวกเราจำเป็นจะต้องประกาศคำสั่งฆ่าแล้ว!
ชายชราครุ่นคิดเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก ก็ส่ายศีรษะและพูดว่า ไม่ต้องหรอก! วันจัดงานประลองยุทธเก้าสำนักใกล้จะถึงแล้ว นายและคนอื่น ๆ อยู่กันที่สำนัก เพื่อจัดเตรียมเรื่องนี้เถอะ! สำหรับคนที่ชื่อหลินชางฉองนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน!
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตื่นตะลึงขึ้นโดยพลัน
รองเจ้าสำนักพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่ ท่านจะตามล่าสังหารคนผู้นี้ด้วยตัวเองเหรอ?
ชายชราพูดขึ้นว่า ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมุ่งเป้าหมายมาที่สำนักเทียนหยุน ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าสำนัก แน่นอนว่าจะต้องพูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามดูสักหน่อย! พวกนายกลับไปกันก่อนเถอะ!
ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็รีบโค้งตัวแสดงความเคารพ แล้วก็หันหลังเดินจากไป
เห็นทุกคนจากไปกันแล้ว ชายชราจึงได้ใคร่ครวญอย่างจริงจังอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เงาร่างของชายชราก็หายวับจากไปอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีลมหายใจที่ผันผวน และก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย
กล่าวถึงทางหลินหยุนอีกครั้ง
หลังจากที่ได้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บมาทั้งคืนแล้ว พลังทิพย์ที่สูญเสียไปแทบจะไม่เหลือนั้น ในที่สุดก็สามารถเพิ่มเติมกลับคืนมาได้เกินกว่าครึ่งแล้ว
หลินหยุนสูดหายใจยาว พร้อมกับลืมตาสองข้างขึ้นอย่างช้า ๆ
เขาในเวลานี้ สีหน้าท่าทางดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
ในที่สุดซิงเฟยก็โล่งอกได้บ้าง รีบเดินเข้ามาและพูดว่า เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาแล้วสินะ?
หลินหยุนพยักหน้า ดีขึ้นพอสมควรแล้ว!
ซิงเฟยกลืนน้ำลายลง โดยที่จิตใจยังคงหวาดวิตก และถามขึ้นว่า ตกลงนายไปทำอะไรมากันแน่?ถึงทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากไล่ตามฆ่านาย? นายคงไม่ได้บุกเข้าไปสังหารผู้คนในสำนักเทียนหยุนใช่ไหม?
ยอดฝีมือคนสุดท้ายที่ไล่ตามมาติด ๆ นั้น เพียงแค่พิจารณาจากลมหายใจ ก็ทำให้ซิงเฟยเกิดความหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตใจแล้ว
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ประมาณนั้น!
ก็ประมาณนั้นจริง ๆ ตอนที่เขาปะทะกับเจียงยี่นั้น ก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงจะมียอดฝีมือของสำนักเทียนหยุนตามมาแน่ แต่เขานึกไม่ถึงว่าจะมากันมากมายขนาดนั้น
ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับห้าจำนวนหลายคน ยังมียอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกอีก สุดท้ายยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดก็ตามมาอีกด้วย!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก อะไรที่เรียกว่าประมาณนั้น?
ใช่ก็คือใช่!
ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่!
ยังจะพูดว่าประมาณนั้นอีก!
แต่สำหรับวิธีการพูดของหลินหยุนนั้น ซิงเฟยถือว่าคุ้นเคยแล้ว
ซิงเฟยสูดหายใจลึก และพูดว่า ตกลงนายไปทำอะไรมากันแน่?
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น และพูดว่า เธอรีบส่งข่าวกลับที่ไปบ้าน ให้คนในตระกูลของเธอเตรียมตัวเตรียมใจไว้หน่อยเถอะ!
ซิงเฟยตกใจ จากนั้นก็พูดว่า คงจะ……ไม่รุนแรงหนักหนาขนาดนั้นหรอกนะ?
หลินหยุนพุดขึ้นว่า ฉันสังหารเจียงยี่ สังหารผู้อาวุโสขั้นยาทองระดับห้าขึ้นไปของสำนักเทียนหยุนจำนวนสี่คน!
ซิงเฟยพยักหน้า และพูดว่า โอ้ว ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันว่าแล้วทำไมถึงได้มียอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวมาไล่ล่าพวกเราด้วย! แบบนี้ก็ชี้แจงได้อย่างชัดเจนแล้ว……อะไรนะ? นายพูดอีกครั้งหน่อยว่า นายสังหารใครบ้าง? ผู้อาวุโสสี่คนของสำนักเทียนหยุน?
ซิงเฟยแทบจะตั้งสติกลับมาไม่ได้ เวลานี้เธอได้ลุกยืนขึ้นในทันที ดวงตาสองข้างเบิกโพลง อ้าปากกว้าง ถึงขนาดที่สามารถกลืนไข่ไก่สองฟองได้เลยทีเดียว
เธอตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
สำนักเทียนหยุนมีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบสองคน ชั่วครู่เดียวก็ถูกหลินหยุนสังหารไปสี่คนแล้ว?
นี่มัน……
ช่างน่ากลัวจริง ๆ!
ซิงเฟยตั้งสติกลับคืนมา แล้วก็หยิบยันต์สื่อสารออกมา และส่งข้อความให้กับพ่อของเธอ
ในเวลานี้ ที่ตระกูลซิงเมืองเทียนเฟิง
ชายแก่คนหนึ่งกำลังเอนร่างอยู่บนเก้าอี้โยกอย่างเบิกบานใจ
จิบดื่มชาหอมไปพลาง ฮัมเพลงไปพลาง
สุขสบายอย่างมาก
ไม่มีลูกสาวที่น่ารำคาญอยู่ที่บ้าน ชีวิตนี้ช่างแสนสุขเบิกบานใจยิ่งนัก!
สุขสบายใจจริง ๆ!
เบิกบานใจจริง ๆ!
นี่ที่เรียกว่างดงาม!
นี่ที่เรียกว่าอิ่มใจ!
นี่ที่เรียกว่าความสุขอย่างแท้จริง!
ในเวลานี้ ยันต์สื่อสารที่อยู่ในร่างกายก็สว่างไสวขึ้นอย่างกะทันหัน
ชายแก่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหยิบยันต์สื่อสารขึ้นมาดูอย่างไม่ค่อยพึงพอใจ
แต่ไม่ดูยังจะดีกว่า เมื่อดูแล้ว ชายแก่ก็ลุกขึ้นนั่งทันที ขยี้ตาอย่างรุนแรง พร้อมกับอ่านและตรวจสอบข้อความบนยันต์สื่อสารอีกครั้ง
จากนั้นร่างกายก็แวบหายไป ไม่นานนัก ประตูห้องที่ลานหลังบ้านก็เปิดขึ้น
ชายแก่ในชุดภูมิฐาน สวมหมวกฟาง หลังค่อม มีกระเป๋าคาดอยู่ข้างเอว เหมือนกับขโมยอย่างไรอย่างนั้น
ได้ค่อย ๆ มุดออกมาจากห้องอย่างระมัดระวัง