จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1255 โลกคุนชางสั่นสะเทือนอย่างหนัก
เห็นว่าทั้งด้านซ้ายและด้านขวาไม่มีคน ชายชราก็ได้หายตัวแวบขึ้นไปอยู่บนหลังคา และมองไปรอบด้านทั้งสี่ทิศ
จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า คนตระกูลซิงทุกคน ลูกหลานสาวของพวกเธอได้ไปก่อเรื่องใหญ่ขึ้นที่ด้านนอกแล้ว อีกไม่นานก็จะมียอดฝีมือมาสังหารคนในตระกูลของพวกเราแล้ว ทุกคนรีบเก็บข้าวของและเงินทอง และรีบหลบหนีกันไปโดยเร็ว!
หากหลบหนีช้าเกินไปจนถูกสังหาร จะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น!
ฉันขอตัวหนีไปก่อนแล้ว……
เมื่อพูดจบ เงาร่างของชายแก่นั้นก็หายแวบไปในทันที
คนในตระกูลซิง บางคนกำลังตัดแต่งกิ่งไม้ดอกไม้ บางคนกำลังรดน้ำในสวนดอกไม้ บางคนกำลังเก็บกวาดลานบ้าน บางคนกำลังจัดเก็บสิ่งของในบ้าน และบางคนก็กำลังเดินตรวจเวรยามในบริเวณลานบ้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของชายแก่แล้ว ทุกคนต่างก็หยุดการกระทำทั้งหมดลง และยืนอึ้งกันอยู่กับที่
จากนั้น ทุกคนในตระกูลซิงต่างก็พากันเอ่ยขึ้นว่า ซวยแล้ว
ทุกคนต่างหยุดทิ้งการงานที่กระทำอยู่ทั้งหมด แล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องของตนเองอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็วิ่งหลบหนีออกไปกันอย่างหัวซุกหัวซุน ผ่านไปไม่นาน ทั้งตระกูลซิง ก็ว่างเปล่าไม่หลงเหลือใครสักคนเดียว
สถานที่ที่ห่างไกลออกไปนับพันนับหมื่นลี้ ภายในถ้ำ
ซิงเฟยรีบเก็บยันต์สื่อสารขึ้น
มองไปที่หลินหยุนและพูดว่า เรียบร้อย ฉันได้ส่งข้อความกลับไปแล้ว!
หลินหยุนเคลื่อนไหวสายตาเล็กน้อย และพูดว่า คงจะเชื่อคำพูดของเธอกันนะ?
ซิงเฟยพูดแบบไม่ใส่ใจว่า เรื่องนี้นายวางใจได้ ไอ้แก่นั่นขี้ขลาดอย่างมาก ฉันกล้าท้าพนันเลยว่า ตอนนี้ทั้งตระกูลซิง คงจะไม่เหลือแม้แต่คนเดียวแล้ว!
หลินหยุนพลันมีสีหน้าท่าทางแปลกประหลาดขึ้น แล้วก็พยักหน้า โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผ่านไปชั่วครู่ หลินหยุนก็พูดขึ้นว่า ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่กัน!
ซิงเฟยรีบถามขึ้นว่า ไปที่ไหน?
หลินหยุนพูดว่า เมืองฉีซาน!
ซิงเฟยพลันตกใจขึ้น ไม่นะ? นายยังคิดจะไปก่อเรื่องอีกเหรอ?
หลินหยุนดวงตาเป็นประกายและพูดขึ้นว่า มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเหรอ?
ซิงเฟยพูดไม่ออกเหลือกตาขาวและพูดขึ้นว่า ตอนนี้นายได้ไปก่อเรื่องกับสำนักเทียนหยุนแล้ว ยังคิดที่จะไปก่อเรื่องกับสำนักฉีซานอีกเหรอ นายไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม? ฉันจะบอกกับนายว่า พลังความสามารถของสำนักฉีซาน แข็งแกร่งเหนือกว่าสำนักเทียนหยุนหลายเท่านัก!
ตอนนี้ หากนายเจียมตัวสักหน่อย แล้วหาสถานที่หลบซ่อนตัวสักช่วงเวลาหนึ่ง คาดว่าสำนักเทียนหยุนคงจะตามหาตัวนายไม่เจอ!
แต่ว่า หากนายยังจะไปก่อเรื่องจนสำนักฉีซานต้องไล่ล่าสังหารนายนั้น เกรงว่าทั่วทั้งโลกคุนชางคงจะไม่มีสถานที่ให้นายดำรงอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว!
อย่าคิดว่าฉันกำลังข่มขู่ให้นายหวาดกลัวนะ สิ่งที่ฉันพูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร! ไปกันเถอะ!
ขณะที่พูด ก็ก้าวเดินออกมาจากถ้ำ นำรถเมฆ มอบให้กับซิงเฟย โดยตัวเขาเองก็ได้นั่งขัดสมาธิลง
โดยได้นำถุงเก็บของหลายใบออกมา และบังคับทำลายดวงจิตของถุงเก็บของ ทันใดนั้นสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ด้านในก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้า
ถุงเก็บของมีทั้งหมดห้าใบ
น้ำชี่ทิพย์ทั้งหมดสองหมื่นกว่าหยด เครื่องรางทิพย์ชั้นต้นสองชิ้น เครื่องรางทิพย์ชั้นกลางสองชิ้น ไม่มีเครื่องรางทิพย์ชั้นยอด และยังมีโอสถอีกจำนวนไม่น้อย
สำหรับสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นนั้น ก็ไม่มีอะไรแล้ว
แต่ภายในถุงเก็บของของเจียงยี่ มีสมบัติล้ำค่าสองชิ้น ซึ่งสามารถนำมาใช้หลอมยาทองได้
ชิ้นหนึ่งสามารถนำมาใช้หลอมยาทองระดับดิน และอีกชิ้นหนึ่งสามารถนำมาใช้หลอมยาทองระดับดำ
ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
หลินหยุนนำสมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้ มอบให้กับซิงเฟย
ซิงเฟยเองก็ไม่เกรงใจ รับมาแล้วเก็บขึ้นทันที
ได้รับสมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้ ก็ถือว่าไม่เลวอย่างมากแล้ว
เครื่องรางทิพย์หลายชิ้น หลินหยุนเองก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ โดยมอบให้กับซิงเฟยทั้งหมด
สิ่งของเหล่านี้สำหรับเขาแล้ว ล้วนเป็นสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น
จัดการถุงเก็บของเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังสำนักฉีซานต่อ
และในขณะเดียวกัน ชื่อของหลินชางฉอง ก็โด่งดังไปทั่วโลกคุนชางแล้ว
เทพสังหารหลินชางฉอง
ณ เมืองเทียนหยุน ได้สังหารเจียงยี่อัจฉริยะผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนก่อน แล้วก็สังหารผู้อาวุโสสี่คนแห่งสำนักเทียนหยุน!
เผชิญหน้ากับการไล่ล่าสังหารของรองเจ้าสำนักขั้นยาทองระดับแปด และหลบหนีเอาตัวรอดได้สำเร็จ!
ข่าวสารแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ ผู้ที่เชื่อถือนั้นกลับมีเพียงไม่กี่คน
หลินชางฉองคือใคร?
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุยี่สิบปีต้น ๆ?
สามารถสังหารเจียงยี่ที่อยู่ในลำดับเยาว์คุนชางได้?
นี่ยังไม่เท่าไร
ยังสังหารผู้อาวุโสสี่คนของสำนักเทียนหยุนอีก?
สถานที่ลงมือสังหารก็อยู่ใกล้กับสำนักเทียนหยุน!
กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้อย่างมาก?
ช่างน่าขันอะไรอย่างนี้?
แต่งเรื่องก็ต้องแต่งให้มันดูคล้ายความจริงและเหมาะสมหน่อยสิ?
คนจำนวนกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวนี้แล้ว ต่างก็คิดว่าไร้สาระสิ้นดี จึงไม่เชื่อ!
แต่ว่า ก็ยังมีคนที่เชื่อถือ!
ก่อนอื่นเลย ทั่วทั้งสำนักเทียนหยุน ต่างก็ทราบดีว่านี่คือเรื่องจริง
ต่อมา เมื่อข่าวสารแพร่กระจายไปถึงดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือของโลกคุนชางแล้ว
ทั้งสำนักสุริยัน ต่างก็ตื่นตะลึงกันไปทั้งหมด
พวกเขาไม่มีใครที่จะไม่รู้จักชื่อหลินชางฉองนี้อย่างแน่นอน
เพราะว่าซ่านเต้าเจ้าสำนักรองของพวกเขา ถูกคนผู้นี้สังหาร!
แต่ว่า ในข่าวที่แพร่กระจายนี้ ใช่คนเดียวกันหรือไม่?
อาจจะใช่!
คงจะใช่?
แม้ว่าจะไม่แน่ชัด แต่หลังจากที่ได้ยินว่าหลินหยุนแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว พวกเขาก็ยืนยันแน่ชัดได้ว่า หลินชางฉองผู้นี้ ก็คือหลินชางฉองคนนั้น!
แต่ว่า……
นี่มันช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว?
ตอนแรก ตอนที่สังหารซ่านเต้าเจ้าสำนักรองของพวกเขา ก็ทำให้ทุกคนตะลึงงันกันหมดแล้ว
แต่นี่เป็นการสังหารผู้อาวุโสสี่คนของสำนักเทียนหยุนติดต่อกัน……
และยังอยู่ในบริเวณใกล้กับสำนักเทียนหยุนด้วย……
นี่นอกจากจะน่ากลัวอย่างที่สุดแล้ว ก็ไม่มีคำอธิบายใด ๆ อีก!
ดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ก็เช่นเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่วิหารผนึกวิญญาณ
เงียบสงบกันทั้งหมด
ยอดฝีมือจำนวนมาก ไม่มีใครพูดจาอะไร สีหน้าท่าทางของทุกคนต่างก็เคร่งเครียดกันทั้งหมด
โชคดีกว่านั้นก็คือ พลังความสามารถทั้งหมดของวิหารผนึกวิญญาณนั้นแข็งแกร่งทรงพลังอย่างที่สุด แต่นั่นคือภาพรวมทั้งหมด
หากแบ่งแยกไปตามรายบุคคลแล้ว อาจจะไม่เป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ก็ยิ่งจะเป็นเช่นนี้
รวมไปถึงประมุขด้วย ต่างก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ใครจะคิดได้ว่า หลินชางฉองนั้นจะน่ากลัวถึงขนาดนี้?
สังหารลูกศิษย์อัจฉริยะผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน และยังสังหารผู้อาวุโสอีกสี่คน
ที่จริงแล้วเหตุการณ์เหล่านี้ เพียงแค่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งมากพอ ก็ถือว่ากระทำได้
ที่สำคัญก็คือ เขาถึงขนาดกระทำสิ่งเหล่านี้ในบริเวณพื้นที่ของสำนักเทียนหยุน และยังสามารถหลบหนีเอาตัวรอดออกไปได้อย่างปลอดภัยนี่สิ จึงทำให้ทุกคนคาดคิดไม่ถึงกัน
นอกจากสำนักสุริยันและวิหารผนึกวิญญาณแล้ว บนยอดเขานิรนามแห่งหนึ่ง ฝูเหลยที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บนั้นเมื่อเห็นข่าวสารนี้แล้ว ก็ตกใจจนเหงื่อไหลท่วมตัว จิตใจราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัดโหมกระหน่ำ
หลินชางฉองนั้น ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ข่าวสารดังกล่าวนี้ ก็ได้แพร่กระจายไปถึงเมืองมี่หยุนอย่างรวดเร็วดั่งกับสายลม
เมื่อตระกูลฉินได้รับทราบข่าวสารแล้ว ต่างก็พากันเงียบกริบ คนของตระกูลฉินที่ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องบาดหมางกับหลินหยุนนั้น ล้วนประหม่าหวาดกลัวกันไปหมด
โดยถึงขนาดมีคนเข้าไปหาฉินเหมย เพื่อต้องการที่จะบรรเทาความสัมพันธ์กับฉินเหมยเลย
แต่ฉินเหมยเองก็ไม่ได้สนใจ
เพราะว่าแม้แต่เธอเองก็ยังไม่เชื่อว่า หลินหยุนจะแข็งแกร่งทรงพลังได้มากขนาดนี้!
ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง!
ในขณะเดียวกัน สำนักหยุนเยว่ ก็สั่นสะเทือนวุ่นวายกันไปหมด
สิบสองนางเยว่ต่างพากันมาที่ยอดเขาหลักทั้งหมด
เงียบสงบกันไปชั่วครู่ สามเยว่ก็พูดเสียงแข็งขึ้นว่า คนผู้นี้……ใช่เจ้าพระคุณจริง ๆ งั้นเหรอ?
เมื่อสามเยว่พูดจบลง สี่เยว่ก็ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพูดว่า เขาสามารถสังหารผู้อาวุโสสี่คนของสำนักเทียนหยุน และยังสามารถหลบหนีเอาตัวรอดจากสำนักเทียนหยุนไปได้สำเร็จ? เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?
สิบเยว่ได้ยินดังนั้น พลันขมวดคิ้วขึ้น และพูดว่า พี่สี่ สถานะของเจ้าพระคุณ สูงศักดิ์มากเพียงใด ต่อให้เธอมีความสงสัยในใจอยู่บ้าง แต่เวลาพูดก็ควรที่จะให้ความเคารพสักหน่อยสิ?
หรือว่าพี่สี่จะหลงลืมแม้แต่กฎระเบียบขั้นพื้นฐานของสำนักพวกเราแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ฉันว่าพี่สี่เดินทางตระเวนอยู่ภายนอกเป็นเวลานานเกินไปแล้ว แม้แต่กฎระเบียบขั้นต้นก็ยังจะหลงลืมละเลยมันไปหมดแล้วล่ะสิ!