จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 126 เชือดปรมาจารย์กู่
บทที่ 126 เชือดปรมาจารย์กู่
เสี่ยวยู่มองหลินหยุนอย่างตกตะลึงอึ้งค้างไปแล้ว
“พี่หลินคือหลินชางฉองตัวจริงเหรอเนี่ย ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”
พี่น้องตระกูลเฉินก็ดูตกใจเช่นกัน
เฉินหมิงวั่งพึมพำกับตัวเอง “เขาคือหลินชางฉองจริงๆ!”
ใบหน้าอันงดงามของเจิ้งหงยู่ เต็มไปด้วยความตกตะลึงสุดขีด “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
กระทั่งหานกั๋วเฉียง ก็ปรากฏแววตกตะลึงเกลื่อนเต็มใบหน้า “เขาคือหลินชางฉองตัวจริงเหรอ!”
ทุกคนไม่อยากเชื่อเลยว่า หลินหยุนที่ดูอ่อนแอไร้กำลัง แท้จริงก็คือหลินชางฉองที่ฆ่าศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่คนนั้น!
เมื่อปรมาจารย์กู่ ยืนยันตัวตนของหลินหยุนได้แน่ชัดแล้ว ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “หลินชางฉองวันนี้ฉันจะล้างแค้นให้ศิษย์น้องของฉัน!”
“ขึ้นมารับความตายซะดีๆ!”
หลินหยุนเองก็ขึ้นไปจริงๆ
ทุกคนต่างพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับวิธีที่หลินหยุนจะขึ้นไปบนสังเวียน ว่ามันจะแปลกประหลาดน่ามหัศจรรย์พันลึกขนาดไหน
มีบางคนเดาว่า หลินหยุนจะบินขึ้นไปเหมือนปรมาจารย์กู่
ส่วนบางคนก็บอกว่า หลินหยุนจะพุ่งตัวขึ้นไปด้วยความเร็วที่ชวนตะลึง เหมือนอย่างลุงฉิน
และบางคนก็พูดโอเวอร์เกินจริง ถึงขั้นที่ว่า หลินหยุนอาจจะเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึ้นไปก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนเดาผิดหมด
หลินหยุนแค่เดินขึ้นไปทีละก้าว ๆ อย่างช้าๆ
“ไม่จริงมั๊ง! วิธีการขึ้นสังเวียนแบบนี้มันไร้รสนิยมเกินไปแล้วนะ!”
“เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ปรมาจารย์กู่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ?”
ทุกคนต่างก็คิดไปแล้วว่า หลินหยุนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของปรมาจารย์กู่ได้แน่ บางคนถึงขั้นเริ่มคาดเดาแล้วว่า หลินหยุนจะสามารถทนรับมือได้สักกี่กระบวนท่า
ทุกคนต่างไม่ได้มองหลินหยุนในแง่ดี ต่างก็คิดว่า เขาคงไม่สามารถรับมือได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ
เพราะท่าทางที่หลินหยุนแสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ ช่างเหมือนกับคนธรรมดาสามัญทั่วไปไม่มีผิดเพี้ยน
ในเวลานี้ ต่อให้หานกั๋วเฉียงมีใจอยากจะช่วยเขา แต่ก็ไม่มีหนทางไหนที่จะช่วยได้อีกแล้ว
หลินหยุนยอมรับสถานะของตัวเองขนาดนั้นแล้ว ถ้าในเวลานี้ เขายังจะยืนขึ้นอีก ปรมาจารย์กู่ ก็อาจจะฆ่าเขาตายในพริบตาเดียวไปเลยก็ได้
เขาไม่อาจเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงได้ เพราะหลินหยุนไม่ได้มีค่ากับเขามากมายขนาดนั้น
หลินหยุนใช้เวลาเดินสองนาที จึงสามารถเดินจากส่วนที่นั่งบริเวณหน้าประตูทางเข้าสนาม เข้าไปจนถึงกลางลานสังเวียนได้ในที่สุด
หลินหยุนจ้องไปที่ปรมาจารย์กู่ พูดด้วยท่าทีเฉยชา “ศิษย์น้องของแก อาศัยว่าตัวเองฝึกฝนจนสำเร็จวิชาพิสดารศาสตร์หนึ่ง ก็ไม่เห็นเหล่าจอมยุทธในใต้หล้า บรรดานักสู้ที่อยู่ในครรลองธรรมคนไหน ๆ อยู่ในสายตาอีก ฉันก็แค่ใช้ไฟกองนึง เผามันซะเป็นเถ้าถ่านไปก็แค่นั้นเอง”
“ตอนที่ศิษย์น้องของแกใกล้ตาย ยังบอกด้วยว่าสำนักของมันจะต้องมาล้างแค้นแทนแน่ เดิมที ฉันก็กะว่าจะไปฆ่าล้างสำนักของพวกแกตรง ๆ เลยอยู่หรอก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าฉันก็ไม่รู้ว่าพวกแกไปหลบซ่อนอยู่ซอกไหนหลืบไหน ไอ้ฉันเองก็ขี้เกียจจะไปตามหา”
“วันนี้แกใส่พานมาส่งให้ถึงหน้าประตูขนาดนี้ ช่วยออมแรงฉันไปได้เยอะเลยล่ะ”
ทันใดนั้น ปรมาจารย์กู่ก็เบิกตากว้างแล้วแผดเสียงคำราม “ไอ้เด็กเหลือขอ! ยโสโอหังนักนะ! แกฆ่าศิษย์น้องของฉัน ทั้งยังดูถูกสำนักของฉันอีก ความแค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!”
“วันนี้ฉันจะป่นกระดูกแกให้เป็นผุยผง แล้วลากวิญญาณแกออกมาจองจำไว้ ให้แกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปชั่วกัปชั่วกัลป์!”
“แกไปตายซะเถอะ!”
จู่ ๆ ร่างของปรมาจารย์กู่ก็เต็มไปด้วยลำแสงสีดำล้อมรอบ ขนสีเขียวเริ่มงอกขึ้นบนร่าง อีกทั้งตัวคนก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
“หา! นี่มัน นี่มัน ผีดิบเจียงซือนี่!”
คนดูต่างหวาดกลัวจนหวีดร้องโหยหวนกันระงม โดยเฉพาะ บรรดาขาใหญ่กับลูกน้องใต้อาณัติที่อยู่ใกล้สังเวียนมากที่สุด ต่างก็หวาดกลัวจนหน้าซีด ไร้สีเลือดกันไปหมดแล้ว
ลุงฉินเห็นฉากนี้แล้ว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดจนดูไม่ได้ ชนิดที่ยากจะหาอะไรมาเปรียบได้เลยทีเดียว
“ปรากฏว่าเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้ทุ่มจนสุดกำลังเลยด้วยซ้ำ ! นี่ต่างหากคือพลังที่แท้จริงของเขา!”
ใบหน้าของปรมาจารย์กู่เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว คำรามเสียงดังกึกก้อง “หลินชางฉอง ฉันจะให้แกได้เห็นเคล็ดวิชาประจำสำนักยินซือของฉัน วิชาศพทองแดง!”
เห็นแค่ปรมาจารย์กู่ก้มตัวลงฉับพลัน แล้วคว้าหินอ่อนแข็ง ๆ ก้อนหนึ่งขึ้นมาจากพื้น แล้วฟาดดัง”โครม” ลงบนหัวของเขา
บนสังเวียนเละเทะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฝุ่นผงคละคลุ้งไปชั่วขณะ แต่ปรมาจารย์กู่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งรอยถลอกบนผิวหนังสักนิด ก็ยังไม่มีให้เห็น
ลุงฉินสีหน้าตกตะลึงสุดขีด “ผมเคยได้ยินคำร่ำลือกันมาว่า ในโลกแห่งการฝึกบู๊ มีสำนักฝึกพิเศษแห่งหนึ่ง ชื่อว่าสำนักยินซือ เคล็ดวิชาศพทองแดงของสำนักนี้ แข็งแกร่งราวอยู่ยงคงกระพัน จะฟันจะแทงอย่างไรก็ไม่เข้า”
“แม้ว่าตอนนี้ปรมาจารย์กู่จะยังไม่สำเร็จญาณขั้นสูงสุด แต่ก็น่ากลัวว่าระดับพลังวัตรจะเทียบเท่าขั้นนั้นแล้ว กระทั่งปรมาจารย์ในโลกแห่งบู๊ที่บรรลุขั้นสูงสุด ก็เกรงว่ายังยากที่จะทำลายการป้องกันของปรมาจารย์กู่ได้”
“หลินชางฉองตกอยู่ในอันตรายซะแล้ว!”
ใบหน้าของหานกั๋วเฉียงเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ได้แต่ลอบถอนหายใจเงียบ ๆ “เจ้าหนู แกอธิษฐานขอพรให้ตัวเองมาก ๆ หน่อยก็แล้วกันนะ!”
คุณฉีที่อยู่ข้างๆเจี่ยงสง ก็เปลี่ยนสีหน้าไปมากเช่นกัน “ที่แท้ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาก็เป็นเรื่องจริง! มีเคล็ดวิชาแบบนี้อยู่ในโลกใบนี้จริงๆ!”
“ต่อให้เขาเป็นหลินชางฉองจริงๆ แต่ยังไงเจ้าเด็กนี่ ก็มีแต่ตายกับตายแน่นอนแล้ว!”
เจี่ยงสงเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณฉี วิชาศพทองแดงนี่มันร้ายกาจมากเลยเหรอ?”
คุณฉีตอบด้วยสีหน้าหวาดผวาว่า “หากผ่านการฝึกฝนจนสำเร็จ ทั้งร่างจะแข็งแกร่งคงกระพัน สามารถต้านทานดาบและปืนได้ ร่างกายแข็งแกร่งราวกับทองแดง นอกจากว่าตัวของผู้ใช้เองจะลดการป้องกันลง ที่เหลือไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของเขาได้
“นี่ … ” เจี่ยงสงสูดลมหายใจเย็นๆเฮือกหนึ่ง “คุณหลิน หวังว่าคุณจะไม่ทำให้เราผิดหวังนะ!”
ใบหน้าของหลินหยุนสงบนิ่ง ในน้ำเสียงเจือแววดูถูกเหยียดหยามในที “แค่ฝีมือต่ำต้อย ความสามารถน้อยนิดแค่นี้ อย่าเอามาพูดอวดอ้างไปหน่อยเลย!”
“วันนี้ฉันจะสอนให้แกรู้เอง ว่าศาสตร์วิชาบู๊ที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
หลินหยุนก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ร่างพลันปรากฏปราณทอประกายเแสงจิดจ้า เหมือนทะเลที่เดิมทียังสงบราบเรียบอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดปั่นป่วนโหมคลั่งด้วยคลื่นลมพายุอันรุนแรงเกินควบคุม!
“กระบวนท่านี้ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ทุกคนต่างตกตะลึง กับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหลินหยุนอย่างมาก!
เสียงของหลินหยุนที่เปล่งออกมาฟังดูแผ่วเบา อีกทั้งคลุมเครือไม่ชัดเจน คล้ายกับว่ามันดังมาจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลมาก ๆ อย่างไรอย่างนั้น
“กระบวนท่าแรกของสิบแปดท่าต้าเต๋า ท่าสยบเขา!”
ทันใดนั้น เงาร่างของหลินหยุนก็หายวับไปทันที วินาทีต่อมา เขาก็มาปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ สับฝ่ามือฟาดลงข้างล่าง!
อันตราย!
นี่มันอันตรายอย่างยิ่ง!
นี่เป็นครั้งแรกที่ปรมาจารย์กู่ รู้สึกถึงอันตรายที่รุกไล่เข้ามาอย่างรุนแรงขนาดนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของหลินหยุนก็เร็วมากเกินไปจริง ๆ เขาหลบหลีกไม่ทันแล้ว!
“หลบไม่พ้น งั้นก็ต้องรับมันตรงๆอย่างนี้นี่แหล่ะ!”
ย้ากกกกกกก!!!
ทุ่มสุดตัวไปเลย!
ปรมาจารย์กู่รับท่านี้ ด้วยการต่อยออกไปหมัดหนึ่งเช่นกัน
ตู้ม!
ปรมาจารย์กู่ถูกฟาดจนกระเด็นปลิวออกไปทันที กระทั่งพื้นสังเวียนประลอง ก็ถูกฟาดจนแตกเป็นร่องลึก
ไม่ทันรอให้ปรมาจารย์กู่ได้หายใจหายคอ เสียงเรียบเฉยของหลินหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“กระบวนท่าที่สองของสิบแปดท่าต้าเต๋า ท่าแยกน้ำ!”
ความเร็วในการเคลื่อนตัวของหลินหยุนนั้นรวดเร็วมาก แต่ความเร็วของหมัดนี้กลับช้าอย่างไม่น่าเชื่อ ช่างเหมือนชายชราที่ใกล้จะตายมิตายแหล่ พยายามออกหมัดเพื่อต่อยใครสักคนด้วยท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ ก็ไม่ปาน
เป็นครั้งแรกที่ปรมาจารย์กู่คิดจะหนี แม้ว่าหมัดนี้จะช้ามาก แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณอันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าหมัดแรกที่ต่อยมาเมื่อครู่นี้อย่างมาก
แต่เมื่อปรมาจารย์กู่ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนีจากหมัดนี้ ความเจ็บปวดที่เกิดก็ทำให้เขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้ เขาถูกหมัดนี้ล็อกตายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นว่าหมัดของหลินหยุนค่อยๆพุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว มันเหมือนกับการเฝ้ามองยมทูตที่ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ ความหวาดกลัวที่ได้เผชิญหน้ากับความตาย มันเป็นอะไรที่ทรมานใจอย่างที่สุดแล้วจริงๆ
ทันใดนั้น ปรมาจารย์กู่ก็หลับตาปี๋ พลางตะโกนว่า “หยุดก่อน! ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้!”
ที่ด้านล่าง ผู้ชมทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ปรมาจารย์กู่ที่เมื่อครู่ยังเย่อหยิ่ง โหดร้ายวางท่าใหญ่โต มั่นใจว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน กลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากยอมแพ้เอง!
ความต่างที่มันห่างไกลใหญ่โตถึงขนาดนี้ ทำให้ทุกคนที่ดูอยู่ราวกับตกอยู่ในความฝัน ไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง
หลินหยุนหยุดมือ ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าปรมาจารย์กู่ เอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า “บอกฉันมาว่าสำนักของแกอยู่ที่ไหน?”
หลินหยุนพร้อมจะยอมทนลำบากสักครั้ง เพื่อจากนี้จะได้สบายใจได้ซะที ไม่อย่างนั้นพวกนี้ก็มีแต่จะโผล่มาตามล้างแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ในที่สุดปรมาจารย์กู่ก็มีโอกาสได้หายใจหายคอ ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ เป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก!
“สำนักของฉันอยู่ที่ ….. ”
“อยู่ที่……”
ทันใดนั้น ปรมาจารย์กู่ก็ระเบิดความเร็วแบบเต็มพิกัด พุ่งตัวไปในทิศทางของประตูทางออก
“หลินชางฉอง แกคอยดูเถอะ สำนักยินซือของฉันไม่มีวันปล่อยแกไปง่ายๆแน่!”
ไม่จริงมั๊ง? ปรมาจารย์กู่หนีจริงๆเหรอเนี่ย!
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง จ้องมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง
ปรมาจารย์กู่ ผู้ดุร้ายเย่อหยิ่งยิ่งใหญ่สุดอหังการ วิ่งหนีหางจุกตูดไปอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนหมาตัวหนึ่ง!
หานกั๋วเฉียงรีบลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหาไม่รู้จบแน่!”
เจี่ยงสงก็ลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนอย่างร้อนใจว่า “ใช่แล้วคุณหลิน! อย่าปล่อยเสือเข้าป่าเด็ดขาด!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว!”
หลังจากที่หลินหยุนพูดประโยคนี้จบ จู่ๆ เขาก็วาดมือเป็นวงกลมที่ระดับหน้าอกของเขา พลังจากกฎพลังวัตรบางอย่างที่มองไม่เห็นถูกเรียกออกมา จากนั้นเขาก็ต่อยหมัดขึ้นไปบนท้องฟ้า
เสียงราบเรียบเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง “กระบวนท่าที่สามของสิบแปดท่าต้าเต๋า ค้อนดาวร่วง!”