จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1271 เขาเป็นคนอย่างไร
หลินหยุนพยักหน้า
เรื่องนี้ ไม่ได้เกินเลยในสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้
ได้ยินชื่อของเขา ได้ยินเรื่องราวของเขากับสำนักเทียนหยุน มู่หงก็ย่อมเกิดความรู้สึกถึงวิกฤตอันตรายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
นี่คือเรื่องปกติ
คิดถึงจุดนี้ หลินหยุนเองก็ยับยั้งอารมณ์ที่ร้อนรนในการที่จะลงมือสังหารมู่หงลงบ้างเล็กน้อย
หลินหยุนมองไปที่ซิงเฟย และพูดขึ้นว่า เธออยู่ที่นี่ต่อไปแล้วกัน ฉันจะไปที่เมืองมี่หยุนหน่อย!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นก็พลันตื่นตกใจ และพูดขึ้นว่า อะไรนะ? นายยังจะไปอีกเหรอ? นายทำเป็นหูทวนลมต่อคำพูดของฉันเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม?
นายรู้ไหมว่า หากนายไปในตอนนี้ มันจะอันตรายมากแค่ไหน?
การจะรนหาที่ตายนั้นไม่มีใครทำกันแบบนายอย่างนี้หรอก!
หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ฉันก็แค่ไปดูสถานการณ์ก็เท่านั้น! ไม่มีปัญหาอะไรหรอก!
ซิงเฟยยังคิดที่จะพูดโน้มน้าวอีกบ้างเล็กน้อย
แต่วินาทีต่อมา ร่างของหลินหยุนก็กะพริบ แวบหายไปจากห้องแล้ว โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย
ซิงเฟยโมโหมากจนถึงกับกระทืบเท้า แต่ก็จำใจทำอะไรไม่ได้
เธอคิดที่จะรีบตามไปในทันที แต่เพราะพลังบำเพ็ญของเธอ ไม่อนุญาตให้กระทำแบบนั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากตอนนี้เธอออกไปจากสำนักฉีซานแล้ว ก็เท่ากับว่าความพยายามที่ทุ่มเทลงไปล้วนสูญเสียไปเปล่า ๆ และยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกด้วย
หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว แม้ว่าเธอจะกังวลเป็นอย่างมาก แต่ก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตามหลินหยุนไป
ส่วนหลินหยุนที่ออกมาจากเมืองฉีซาน ก็ได้นำแผ่นทองเกล็ดมังกรออกมา และเหาะเหินไปยังเมืองมี่หยุนอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ เมืองมี่หยุนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ
โดยที่ไม่ใช่เมฆดำที่แท้จริง แต่เป็นเพราะยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนกับยอดฝีมือสำนักหยุนเยว่ ได้ทำการเปิดศึกสู้รบกัน
ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทียนหยุน สามเยว่สำนักหยุนเยว่ ทั้งสองคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง
การสู้รบกันในครั้งนี้ รุนแรงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งปฐพี
โชคดีที่เป็นการสู้รบกันกลางอากาศ ไม่ใช่ภายในตัวเมือง
ไม่อย่างนั้นแล้ว เกรงว่าทั้งเมืองมี่หยุน คงจะถูกทำลายจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง กลายเป็นซากปรักหักพังไปทั้งหมด
การสู้รบในครั้งนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
แน่นอนว่า สิ่งที่ทุกคนให้การจับตามากที่สุด ก็คือผลลัพธ์ของการต่อสู้
ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทียนหยุนเอาชนะสามเยว่สำนักหยุนเยว่ได้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
แต่ว่า สามเยว่สำนักหยุนเยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่า
สุดท้ายได้มีนางเยว่ปรากฏตัวขึ้น และช่วยชีวิตเธอไป
แต่ แม้ว่าสามเยว่กับนางเยว่อีกคนหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังคงพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉินเหมือนเคย
คนของสำนักเทียนหยุนสองคน โดยมีผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้นำ ได้แผ่ลมหายใจปกคลุม โอบล้อมตระกูลฉินทั้งหมดเอาไว้ เพื่อต้องการจะสอบถามเรื่องราวของหลินหยุนให้ได้
การสู้รบของทั้งสองสำนักเรียกได้ว่าแทบจะเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดพร้อมปะทะกันได้ทุกเมื่อ
ตอนนี้สำนักหยุนเยว่กำลังเสียเปรียบ ซึ่งจะให้หยุดลงมือนั้นก็คงจะเป็นเรื่องแปลก!
ตระกูลฉินในเวลานี้ ผู้คนทั้งหมด จำนวนนับร้อยคน ต่างก็มีสีหน้าที่ขาวซีด
รับรู้สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งที่ปกคลุมอยู่ในอากาศ จิตใจของทุกคนต่างก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
หมดหนทาง เพราะฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งทรงพลังอย่างมาก
พวกเขาก็เหมือนกับมดแมลง ที่กำลังรอผู้อื่นเหยียบย่ำ
สำหรับที่ว่าสำนักหยุนเยว่จะต่อสู้อย่างสุดความสามารถกับสำนักเทียนหยุน เพื่อตระกูลฉินจริง ๆ หรือไม่นั้น พวกเขาไม่มีใครที่จะมั่นใจได้ และยิ่งไม่ทราบด้วยว่าทำไมสำนักหยุนเยว่ถึงได้มาช่วยเหลือพวกเขาตระกูลฉิน
แม้ว่ามีเรื่องราวมากมาย ที่พวกเขาไม่เข้าใจ ไม่ชัดเจน แต่พวกเขาทราบอยู่สิ่งหนึ่งว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นเพราะหลินหยุนทั้งนั้น
ถ้าหากไม่ใช่หลินหยุน ตระกูลฉินก็คงจะไม่ต้องประสบกับภัยพิบัติ พวกเขาคงไม่ต้องฝ่าฟันอันตรายถึงขั้นความเป็นความตายแบบนี้
พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของตระกูลก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าอันตรายรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่ก็โชคดีที่รอดพ้นกันมาได้
คนทั้งหมดของตระกูลฉิน ต่างก็คิดว่าเหตุการณ์แบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะว่าไอ้ตัวปัญหานั้น ได้จากไปแล้ว
แต่ก็คาดคิดไม่ถึงว่า จะไปก่อปัญหากับสำนักเทียนหยุนผู้ยิ่งใหญ่จนนำความเดือดร้อนมาอีก
นั่นเป็นถึงสำนักเทียนหยุน ที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่แห่งโลกคุนชางเลยทีเดียว!
ใครจะไปคาดคิดว่าจะกลายเป็นสถานการณ์แบบนี้ไปได้!
ไม่ว่าอย่างไร คงจะไม่ใช่พวกเขาตระกูลฉินที่มีขนาดเล็กราวกับมดแมลงจะไปต้านทานได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นจิตใจของพวกเขาทุกคนจึงได้โกรธแค้นหลินหยุนอย่างที่สุด
มีคนจำนวนไม่น้อย ที่อยากจะสังหารฟาดฟันหลินหยุนจนแหลกละเอียด
แต่ก็มีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น นั่นก็คือฉินเหมย
เธอในเวลานี้ สีหน้าก็ยังคงซีดขาวอย่างที่สุด อาการบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่หายดี ทำได้เพียงเคลื่อนไหวไปมาเล็กน้อยเท่านั้น
พลังบำเพ็ญของเธอยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ หากว่าผู้ที่ลงมือนั้นใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว เกรงว่าตอนนี้เธอคงจะสิ้นชีวิตลง ไม่ใช่บาดเจ็บสาหัสแบบนี้แน่นอน
จิตใจของเธอในตอนนี้ ก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งเช่นเดียวกัน
ทั้งกังวลกับการลงมือขั้นต่อไปของสำนักเทียนหยุน และก็กังวลว่าซิงเฟยจะสามารถรั้งตัวหลินหยุนเอาไว้ได้หรือไม่
ตอนที่เธอได้ส่งข้อความมาหาซิงเฟยนั้น ได้กำชับอย่างหนักแน่นว่า จะต้องรั้งตัวหลินหยุนเอาไว้ให้ได้
สำหรับการที่จะปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้
สำนักเทียนหยุนกับสำนักหยุนเยว่รวมตัวกัน ก่อเรื่องสร้างสถานการณ์ความรุนแรง
คงจะกลายเป็นจุดสนใจของทั่วทั้งโลกคุนชางอย่างแน่นอน
เรื่องแบบนี้ ไม่สามารถที่จะปกปิดเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนเธอเองก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่า ที่สำนักเทียนหยุนมาในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะล่อลวงให้หลินหยุนปรากฏตัว
ซึ่งหลินหยุนจะมองไม่ออกอย่างนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง!
หลินหยุนจะมองดูตระกูลฉิน ประกับปัญหาภัยพิบัติขนาดนี้เพื่อตัวเขา โดยที่เขาไม่ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งเขาจะสามารถสงบนิ่งอดทนอยู่ได้อย่างนั้นเหรอ?
คงไม่มีทางแน่นอน!
นี่คือสิ่งที่ฉินเหมยกังวลมากที่สุด
แต่ตอนนี้นอกจากเธอจะทำได้เพียงแค่อธิษฐานแล้ว ก็คงไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีก
โธ่! ฉินเหมยถอนหายใจยาว ส่ายศีรษะอย่างเศร้าใจ และเดินกลับเข้าไปในห้อง
บนเตียง มีหญิงวัยกลางคนไม่กี่คนที่มีสีหน้าขาวซีดนอนพักอยู่
เห็นฉินเหมยเดินเข้ามา หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า เธอมาแล้วเหรอ!
ฉินเหมยพยักหน้า และพูดว่า อาหญิงสาม ท่านอาการดีขึ้นบ้างไหม?
นับตามลำดับศักดิ์ทางฝ่ายแม่แล้ว ก็จะต้องเรียกขานตามนี้
สามเยว่ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า คงไม่หายดีเร็วขนาดนี้หรอก! ไอ้แก่นั้นมีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ!
ฉินเหมยเดินเข้าไปหา และพูดว่า หากอาหญิงไม่ยื่นมือเข้าช่วย เกรงว่าตระกูลฉินในตอนนี้คงจะพินาศย่อยยับไปแล้ว!
สามเยว่พูดขึ้นว่า เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ของแม่ของเธออยู่ ดังนั้นไม่สามารถที่จะทนเห็นตระกูลฉินของพวกเธอประสบกันอันตรายได้!
ฉินเหมยสูดหายใจลึก และพูดว่า ลำบากอาหญิงสามเป็นอย่างมากเลย!
สามเยว่พูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ ใช่แล้ว เธอเข้ามานั่งใกล้ ๆ หน่อย และบอกกับอาหญิงหน่อยว่า หลินหยุนนั้น ตกลงเป็นคนอย่างไรกันแน่?
หลินหยุนเคยไปที่สำนักหยุนเยว่สองครั้ง เธอเคยพบเจอแค่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นโชคชะตา โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก ก็จึงไม่ค่อยเข้าใจอะไรในตัวเขาเท่าไร
ฉินเหมยได้ยินดังนั้นก็ตกใจขึ้นทันที
เดิมทีหลินหยุนก็คือผู้ที่สำนักหยุนเยว่ส่งตัวมา
ตามหลักการแล้ว สามเยว่น่าจะรับรู้เข้าใจในตัวเขามากกว่าเธอถึงจะถูก
แต่เท่าที่ดูจากตอนนี้แล้ว กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น กลับกลายเป็นว่าต้องมาสอบถามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลินหยุนจากตัวเธออีก
เรื่องนี้ทำให้ฉินเหมยคาดคิดไม่ถึงอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ฉินเหมยจึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า อาหญิงสาม หลินหยุนไม่ใช่พวกคุณ……
สามเยว่เองก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ตั้งสติกลับมา และพูดขึ้นว่า เป็นทางอาหญิงกี่คนนั้นดำเนินการ ฉันเองก็ไม่ค่อยที่จะเข้าใจ ดังนั้นจึงต้องการสอบถามเธอดู!
ฉินเหมยถึงเข้าใจได้ทันที และพูดขึ้นว่า เป็นอย่างนี้นี่เอง!
หยุดชะงักไปชั่วครู่ ครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า หลินหยุนคนนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย วางตัวเหมาะสม ไม่มีความเย่อหยิ่งอะไร โดยไม่ค่อยสนใจกับเรื่องอะไรสักเท่าไร
แต่ว่า ฉันรู้สึกได้ว่า จิตใจของเขานั้นค่อนข้างโอ้อวดเป็นอย่างมาก
ที่ทำเป็นว่าไม่สนใจใคร ไม่สนใจเรื่องอะไรเลยนั้น นั่นเป็นเพราะที่จริงแล้วเขาไม่ได้เห็นใครอยู่ในสายตาเลย!
แน่นอนว่า เขามีคุณสมบัติมีสิทธิที่จะเป็นแบบนั้นได้!