จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1272 กลับมาเมืองมี่หยุนอีกครั้ง
ฉันไม่เคยพบเจอ และยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า มีอัจฉริยะแบบเขาอย่างนี้ด้วย!
สำหรับเรื่องอื่น ฉันคิดว่า เขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีน้ำใจไมตรีอย่างมากคนหนึ่งเลย
ตรงจุดนี้ถือว่าหาได้ยากทีเดียว
ฉันเคยคิดที่จะจับคู่เขากับชิงถงที่เป็นลูกสาวของฉันด้วย แต่เจ้าชิงถงนั้น เฮ้อ ช่างเถอะ……
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉินเหมยก็ยิ้มอย่างขมขื่น
สำหรับเรื่องนี้แล้ว เธอคงมีแต่ความเสียใจอย่างเดียวจริง ๆ
แน่นอนว่า นั่นคือความคิดในตอนที่เธอยังไม่ได้เห็นถึงพลังที่เก่งกาจอันน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของหลินหยุน
เมื่อเธอรับรู้ถึงพลังบำเพ็ญ พรสวรรค์ความสามารถ และระดับความเก่งกาจของหลินหยุนแล้ว ความคิดดังกล่าวนั้นก็สูญสิ้นไปอย่างหมดจด
น่าขันอย่างยิ่งที่ว่าลูกสาวที่หน้าโง่ของเธอนั้นกลับยังคงหมางเมินในตัวของหลินหยุน
เหอะเหอะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเย้ยหยันอย่างมากจริง ๆ เลย
ถ้าหากหลินหยุนสนใจและมองมายังลูกสาวของเธอบ้าง ก็จะถือว่าเป็นบุญวาสนาที่ลูกสาวของเธอนั้นสั่งสมมานานนับร้อยปีเลย!
แน่นอนว่านี่คงเป็นสิ่งที่เธอคิดเท่านั้น
สำหรับหลินหยุนเองแล้ว ฉินชิงถงนั้น ก็คงจะเป็นแค่คนที่ถูกมองข้าม
สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาจดจำได้นั้น ก็คงจะเป็นสถานะลูกสาวของน้าฉิน
แต่ไหนแต่ไรหลินหยุนเองไม่เคยมีความคิดอะไรสักเล็กน้อยต่อฉินชิงถงเลย
ดั่งคำกล่าวที่ว่าถูกงูกัดครั้งเดียว ก็กลัวเชือกไปสิบปี
หญิงสาวอย่างฉินชิงถงนี้ ชีวิตหนึ่งพบเจอเพียงครั้งเดียว ก็เพียงพอแล้ว
ได้ฟังที่ฉินเหมยพูด สามเยว่ก็พยักหน้า
จากที่เธอได้เคยสัมผัสกับหลินหยุนเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เธอเองก็มองออกว่า หลินหยุนนั้นมีความทะนงโอ้อวดอยู่ในจิตวิญญาณส่วนลึกของเขา
แต่เธอเองก็ไม่รับรู้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว
เห็นอาการเศร้าหมองขมวดคิ้วบนใบหน้าของฉินเหมย สามเยว่ก็หัวเราะเบา ๆ และพูดขึ้นว่า ไม่ต้องกังวลไป สำนักเทียนหยุนนั้นไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรที่หนักหนาได้ จากพลังความสามารถของสำนักเทียนหยุนในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะสร้างความแตกหักกับสำนักหยุนเยว่ได้จริงหรอก
พวกเขาไม่ได้โง่เขลาสักหน่อย
ตอนนี้ พวกเขากับสำนักหยุนเยว่ แทบจะถือว่าเป็นพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
หากจะต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกกับสำนักหยุนเยว่ แล้วทำให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ไปโดยง่าย พวกเขาไม่ทำเด็ดขาด!
ฉินเหมยดวงตาเป็นประกาย และรีบพูดขึ้นทันทีว่า อาหญิงสาม ที่พูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
สามเยว่พูดขึ้นว่า ง่ายนิดเดียว การประลองยุทธเก้าสำนักใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พลังความสามารถของสำนักเทียนหยุนในตอนนี้ ได้ถูกหลินหยุนบั่นทอนกำลังลงไปไม่น้อยเลย!
เมื่อพวกเขาสร้างความแตกหักกับสำยักหยุนเยว่อีก จากเดิมที่อยู่ในสถานะที่ยังไม่ล่อแหลมไม่อันตราย จะกลับกลายเป็นว่าตกอยู่ในสถานะที่ล่อแหลมและอันตรายเอาได้ ดังนั้นพวกเขาจะต้องพิจารณาไตร่ตรองอย่างมากเลยทีเดียว
ได้ฟังสามเยว่พูดแบบนี้ ฉินเหมยเองก็เบาใจลงได้บ้าง แต่ก็ยังคงไม่เชื่อมั่นอยู่ดี
เพราะว่า ฝ่ายตรงข้ามให้เวลาเราเพียงแค่สามวัน อาหญิงสามของพวกเราก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก ต่อให้อาหญิงคนอื่นมา ก็เกรงว่าจะไม่สามารถยับยั้งรับมือกับผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทียนหยุนนั้นได้!
สามเยว่ส่งเสียงฮึและพูดว่า แม้ไม่ได้จริง ๆ! แต่ว่า พวกเขาก็คงไม่ได้เปรียบอะไร! วางใจเถอะ! ฉินเหมยครุ่นคิดชั่วครู่ และพูดว่า อาหญิงสาม ตอนนี้ที่ฉันกังวลก็คือ หากหลินหยุนรับรู้ข่าวสารนี้ เขาคงจะมาที่นี่อย่างแน่นอน เมื่อเขามาถึงแล้วจริง ๆ ก็คงจะยุ่งยากไปกันใหญ่!
สามเยว่ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
โดยก่อนหน้านี้ที่เธอพักอาศัยอยู่กับตระกูลฉิน ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือตระกูลฉินต่อต้านแรงกดดันที่มาจากสำนักเทียนหยุน
โดยเป้าหมายสูงสุดก็คือ ช่วยเหลือหลินหยุน ป้องกันไม่ให้ข้อมูลของเขาหลุดออกไป
แน่นอนว่า มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาของตระกูลฉินอย่างมาก
ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่มากกว่านี้
แต่เมื่อหลินหยุนปรากฏตัวขึ้น ก็ขัดกับเป้าหมายความตั้งใจเดิมของพวกเธอแล้ว
คิดถึงตรงจุดนี้ สามเยว่ก็พูดขึ้นว่า เธอสามารถติดต่อกับเขาได้ไหม?
ฉินเหมยพยักหน้า และพูดว่า ติดต่อได้
เธอมียันต์สื่อสารของหลินหยุน แต่ว่าตั้งแต่ที่หลินหยุนออกจากตระกูลฉินไปนั้น ยังไม่เคยที่จะติดต่อด้วยตนเองเลย
ครั้งที่แล้ว ก็ติดต่อผ่านไปทางซิงเฟย
สามเยว่ครุ่นคิดเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า ติดต่อเขาไป และบอกเขากับโดยตรงว่า สำนักหยุนเยว่อยู่ที่นี่ ตระกูลฉินไม่มีปัญหา เขาไม่จำเป็นต้องมา!
ฉินเหมยได้ยินดังนั้น ก็รีบพยักหน้าและพูดว่า ตกลง!
ขณะที่พูด ก็หยิบยันต์สื่อสารออกมา
ในตอนนี้หลินหยุนกำลังขับเคลื่อนแผ่นทองเกล็ดมังกรเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองมี่หยุนอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง ยันต์สื่อสารในร่างกายก็กระพริบไฟขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็นฉินเหมยที่ส่งข้อความมา ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจขึ้น
เห็นเนื้อหาข้อความแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นก็เก็บยันต์สื่อสารขึ้น และมุ่งหน้าไปยังเมืองมี่หยุนต่อ
แผ่นทองเกล็ดมังกรเคลื่อนตัวรวดเร็วอย่างมาก โดยใช้อัตราความเร็วขั้นสูงสุด
แม้แต่รองเจ้าสำนักเทียนหยุนที่เป็นยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดก็ยังอยู่ในระดับเดียวกัน นั่นแสดงว่ามีความรวดเร็วอย่างแท้จริง
กี่วันผ่านไป เมืองมี่หยุนก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
หลินหยุนเก็บแผ่นทองเกล็ดมังกรขึ้น ในบริเวณที่ห่างจากเมืองมี่หยุนกว่าพันลี้ แล้วก็เหาะเหินบนอากาศ ลดอัตราความเร็วลง
แน่นอนว่าเขาเองก็เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าไปในเมือง
เมืองมี่หยุนในเวลานี้ ลมหายใจของยอดฝีมือปกคลุมไปทั่วทั้งหมด
ส่วนในท้องฟ้า ก็มีฟ้าร้องฟ้าผ่าปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชัดเจนว่า เมื่อไม่นานมานี้ ที่นี่เพิ่งจะเกิดการปะทะต่อสู้กันขึ้น
เวลานี้ ท้องฟ้าด้านบนบริเวณบ้านตระกูลฉินมีเมฆดำปกคลุมไปทั่ว สองเงาร่างซ่อนตัวอยู่ในอากาศ
ในขณะนั้นเอง ได้ยินเสียงตวาดของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้นในอากาศ สหายสามเยว่ เดิมทีสำนักเทียนหยุนของเรานั้นไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับสำนักหยุนเยว่! แต่การที่สหายสามเยว่ได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงขัดขวาง พวกเราจึงจำเป็นจะต้องลงมือ!
เก้าสำนักใหญ่ ล้วนเป็นสำนักชั้นยอดในโลกคุนชาง!
เป็นเพราะหลินชางฉองนั้นที่ทำให้สำนักเทียนหยุนของเรา เสียหน้าอับอายอย่างที่สุด จึงไม่สามารถที่จะประนีประนอมได้อย่างเด็ดขาด!
สหายสามเยว่ หากว่าสำนักหยุนเยว่ยังจะทำการขัดขวางอีก ฉันเองก็คงจะไม่เกรงใจแล้ว หวังว่าสามเยว่จะพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน!
เมื่อผู้อาวุโสใหญ่พูดจบ ภายในตระกูลฉิน ก็มีเสียงที่เย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น จางหลิงซู ทำไมจะต้องพูดไร้สาระมากมายขนาดนี้ด้วย!
สำนักเทียนหยุนของนายคิดจะทำอะไร ฉันมองไม่ออกอย่างนั้นเหรอ?
แต่ ไม่ว่าสำนักเทียนหยุนของนายกับหลินชางฉองจะมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ต่างก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักหยุนเยว่ของเราทั้งนั้น!
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉินกับสำนักหยุนเยว่ของเรา คนอื่นไม่รับรู้ แต่นายที่เป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทียนหยุนจะไม่รับรู้รับทราบอย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้กลับมาทำเป็นพูดกับฉันว่า ไม่อยากที่จะมีความบาดหมางกับสำนักหยุนเยว่ของเรา
นายว่าคำพูดไร้สาระของนายนี้ ฉันจะเชื่อไหมล่ะ?
ยังยืนยันคำเดิม หากนายมีความสามารถจริง ๆ ล่ะก็ เชิญยอดฝีมือสำนักของนายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นออกมาให้หมดเลย!
นายคิดว่าฉันเกรงกลัวนักหรืออย่างไร?
ได้ยินที่สามเยว่พูด ยอดฝีมือในเมืองมี่หยุนทั้งหมด ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปทันที
โดยทยอยใช้จิตญาณ สำรวจตรวจสอบกันอย่างเต็มที่
แต่กลับไม่พบเจอผู้บำเพ็ญเซียนอะไรเลยแม้แต่น้อย
และในเวลานี้เอง หลินหยุนก็สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน และหยุดฝีเท้าลง
แต่ว่าเขากลับไม่ได้ใช้จิตญาณไปสำรวจอะไร
เมื่อใช้จิตญาณขึ้น ย่อมดึงดูดความสนใจอย่างแน่นอน
บนท้องฟ้า ผู้อาวุโสใหญ่ได้ส่งเสียงฮึที่เย็นชาอย่างหนักแน่น
ทันใดนั้น ก็ทำลายจิตญาณที่กำลังสำรวจลงทั้งหมด
ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังบำเพ็ญไม่สูงนัก ที่ใช้จิตญาณทำการสำรวจนั้น ถึงกับกระอักเลือดออกมา
ผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า สหายสามเยว่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษว่าฉันไม่ไว้หน้าให้เกียรติกันเลย!
เมื่อพูดจบ ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ได้ยืดยาวลงมาจากท้องฟ้า และพุ่งตรงเข้าไปจับตัวคนภายในตระกูลฉิน
สามเยว่ตวาดขึ้นอย่างโมโห จางหลิงซู นายช่างกล้านัก!
ขณะที่พูด ก็ได้ทิ่มแทงกระบี่ออกไป ทำลายฝ่ามือยักษ์ที่มองไม่เห็นนั้นลงไปทันที