จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1288 อนาคตที่ไม่แน่นอน
สองเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง แต่เธอเข้าใจคำพูดของสามเยว่
อันที่จริง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เธอกังวลเหมือนกัน
สี่เยว่มีนิสัยที่หัวดื้อมากจนเกินไป
วิธีจัดการปัญหาของสี่เยว่ ทำให้เธอไม่ไว้วางใจเลย
สองเยว่รู้จักข้อเสียของนิสัยตัวเอง ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้จักข้อเสียของสี่เยว่เหมือนกัน
เธอไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสีย เธอไม่กล้าเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่สี่เยว่กลับมีนิสัยเหล่านี้
ขณะที่สี่เยว่มีนิสัยเหล่านี้อยู่ เพราะเธอกล้าทำทุกอย่าง อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมาทีหลังแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่เธอไม่วางใจสี่เยว่
เธอในเวลานี้ จิตใจส่วนลึกของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสับสน
สามเยว่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยังไงซะ คุณต้องคิดให้ดีๆ! ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง การจากไปของไอ้เฒ่าเทียนหยุนในครั้งนี้ เขาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาตัวเจ้าพระคุณให้เจออย่างแน่นอน
ถ้าเขาหาเจ้าพระคุณจนเจอ พวกเราก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะยืนดูเจ้าพระคุณตกไปอยู่ในมือของสำนักเทียนหยุนเฉยๆเหรอ?
สี่เยว่ไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปยุ่งเรื่องนี้อย่างแน่นอน!
เมื่อสักครู่เธอเปิดเผยฐานะเจ้าพระคุณต่อหน้าไอ้เฒ่าเทียนหยุน เพราะเธอก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน!
เธออยากจะบอกให้ไอ้เฒ่าเทียนหยุนรับรู้ ในสำนักเทียนหยุนมีคนยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณ แต่เธอไม่ยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณ เธอส่งสัญญาณให้ไอ้เฒ่าไปลงมือจัดการเจ้าพระคุณได้เลย!
ทำให้ไอ้เฒ่าเทียนหยุนไม่พูดอะไรเลยและรีบจากไปทันที!
ฉันคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้น คงเป็นช่วงเวลาวิกฤตที่สุดของสำนักเรา!
ถ้าจัดการปัญหาได้ไม่ดี บางทีอาจจะเกิดการแบ่งแยกสำนักก็ได้!
สำหรับเรื่องเหล่านี้ คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย!
สองเยว่ส่ายหัวเบาๆและพูด แยกสำนัก……คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก บางทีสี่เยว่อาจจะข่มขู่และบีบบังคับ! เรื่องนี้เป็นไปได้สูง! เมื่อถึงเวลานั้นคงมีแค่หนทางเดียว
ฉันลาออกจากตำแหน่งผู้แทนสำนัก และมอบตำแหน่งนี้ให้เธอ มันก็คงไม่เกิดการแบ่งแยกสำนักอย่างแน่นอน!
แล้วถ้าฉันไม่ยอมละ……
เมื่อสามเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถ้าคุณไม่ยอม คุณก็น่าจะเดาออก เธอน่าจะเลือกเส้นทางไหน? คุณยังมั่นใจอีกเหรอ ว่าจะไม่เกิดการแบ่งแยกสำนัก?
สองเยว่ส่ายหัวทันที
สำหรับเรื่องนี้ เธอไม่มั่นใจอยู่แล้ว
สองเยว่นิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าของเธอมีแต่ความอ้างว้าง
เธอพูดเบาๆ ช่างมันเถอะ! ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเจ้าพระคุณกล้าทำแบบนั้น มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เขามั่นใจในตัวเองสูงมากๆ!
อีกอย่าง สำนักเทียนหยุนค้นหามาตั้งนาน แต่ก็หาตัวเจ้าพระคุณไม่เจอ ฉันคิดว่าโอกาสที่พวกเขาจะหาเจ้าพระคุณจนเจอนั้นยากมากๆ!
เจ้าพระคุณอาศัยพลังของตัวเองเพียงคนเดียวก็สามารถสังหารผู้อาวุโสหลายๆคนของสำนักเทียนหยุนได้ และสามารถหนีรอดอย่างปลอดภัยจากน้ำมือของรองเจ้าสำนัก มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลังของเจ้าพระคุณลึกล้ำจนยากจะคาดเดาได้!
ฉันคิดว่าเจ้าพระคุณน่าจะมีพลังเทียบเท่ายอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด!
ด้วยพลังของเจ้าพระคุณในตอนนี้ ถ้าอยากจะหลบซ่อนไม่ให้สำนักเทียนหยุนหาเจอ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเลย
เมื่อสามเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเร็วด้วยความตกใจ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ!
เจ้าพระคุณอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีพลังที่น่ากลัวมากๆ
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ!
ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นเจ้าพระคุณของสำนักเทียนหยุน!
ฉันคิดว่าด้วยพรสวรรค์ของเจ้าพระคุณ เขาต้องไม่ด้อยกว่าบุตรอริยสัจของสำนักอริยสัจ พระบุตรของสำนักพระธรรมและบุตรธยานะของสำนักธยานะอย่างแน่นอน
สองเยว่พยักหน้าและพูด หวังว่าเจ้าพระคุณจะไม่เป็นอะไร!
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันเยอะมากๆ ทำให้เธอที่มีนิสัยที่นิ่งสงบ รู้สึกว่าตัวเองจะต้านรับเรื่องพวกนี้ไม่ไหวแล้ว
และหลังจากนี้ ยังมีการประลองของเก้าสำนักใหญ่ด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สองเยว่ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพูด ยังมีเวลาอีกครึ่งปี ก็ถึงการประลองเก้าสำนักใหญ่แล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมตัวได้แล้ว! อย่างไรก็ตาม……พลังของอิ้งเยว่ก็ยังไม่สามารถบรรลุอีกขั้นได้ สำหรับการคัดเลือกคนที่จะไปเข้างานประลอง มันคงกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสำนักของเรา !
เมื่อได้ยินสองเยว่พูดถึงงานประลองเก้าสำนักใหญ่ สีหน้าของสามเยว่ก็ดูแย่ลงทันที
เธอพูดอย่างจำใจ ลูกศิษย์รุ่นนี้ของสำนักเรา มีเพียงอิ้งเยว่ที่เป็นลูกศิษย์ของพี่สองยังโอเคหน่อย สำหรับคนอื่นๆ พวกเธอคงไม่มีสิทธิ์เข้างานประลองด้วยซ้ำ!
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆดวงตาของสามเยว่ก็เปล่งประกายทันทีและพูด อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้ของสี่เยว่ เธอได้พาลูกศิษย์คนหนึ่งกลับมาด้วย ลูกศิษย์คนนี้มีพรสวรรค์มากๆ
ฉันจำได้ ตอนที่ลูกศิษย์คนนี้กลับมา ยังฝึกฝนไม่ถึงแดนยาทองเลย
แต่ตอนนี้ ลูกศิษย์คนนี้ได้สร้างรากฐานยาทองไปสองครั้งแล้ว
มีลูกศิษย์ในสำนักพูดว่าเธอน่าจะฝึกฝนจนใกล้จะถึงแดนยาทองระดับสามแล้ว!
และอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วย
ถ้ามีลูกศิษย์คนนั้นกับอิ้งเยว่เข้าร่วมงานประลอง!
น่าจะสามารถเอาชนะได้!
สำหรับอิ้งเยว่นั้น ถ้าไม่ได้จริงๆ คงต้องใช้วิธีอื่นแล้ว!
เจียงอิ้งเยว่เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของสองเยว่!
ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสาม อายุเกินสามสิบแล้ว
ถ้าเอาไปเทียบกับวัยรุ่นรุ่นเดียวกัน พลังของเธออ่อนแอหรือเปล่า?
พลังของเธอไม่ได้อ่อนแออยู่แล้ว ตรงกันข้าม เธอแข็งแกร่งมากๆ!
แต่ความแข็งแกร่งของเธอนั้น ก็ต้องดูว่าเอาไปเปรียบเทียบกับใคร
ถ้าเอาไปเทียบกับลูกศิษย์อัจฉริยะของเก้าสำนักใหญ่ที่เข้าร่วมงานประลอง เธอเทียบไม่ติดจริงๆ
ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพูดไว้แล้ว สำนักหยุนเยว่สืบทอดมาหลายพันปี เมื่อเอาสำนักของพวกเธอไปเปรียบเทียบกับเก้าสำนักใหญ่ สำนักของพวกเธอก็ดูเหมือนอ่อนแอมากๆ แต่เมื่อเอาเทียบกับสำนักอื่นๆ สำนักของพวกเธอก็ดูแข็งแกร่งมากๆเช่นกัน
ใช้วิธีอื่นๆ สามารถทำให้พลังของอิ้งเยว่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้
ยังมีเวลาอีกครึ่งปี ยังมีโอกาสที่จะทำให้พลังของอิ้งเยว่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีแบบนี้ มันก็ต้องแลกด้วยสิ่งของอย่างอื่นเหมือนกัน
เจียงอิ้งเยว่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่พรสวรรค์ของเธอสู้พรสวรรค์ของสุดยอดอัจฉริยะไม่ได้
แต่อนาคตข้างหน้าของเธอ ถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับเธอละก็ เธออาจจะเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจก็ได้
แต่ถ้าใช้วิธีนั้นทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้น อนาคตข้างหน้า เธอก็คงเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจได้ยาก
นี่คือข้อเสีย มันคือการตัดอนาคตของเธอไปเลย
เมื่อสองเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นเธอก็ส่ายหัวเบาๆและพูด สำหรับเรื่องของอิ้งเยว่ ยังไม่ต้องไปสนใจ คัดเลือกลูกศิษย์คนอื่นๆที่จะเข้าร่วมการประลองออกมาก่อน!
เมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว สามเยว่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
ถึงแม้การกระทำแบบนี้จะเป็นผลดีต่อสำนัก แต่เจียงอิ้งเยว่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของเธอ เธอพูดมากก็ไม่ดี
เมื่อพูดจบ พวกเขาก็ขยับตัวและจากไปทันที ต่างฝ่ายต่างกลับไปยังหุบเขาของตัวเอง
หลินหยุนในเวลานี้ เขาอยู่ห้องพักในโรงเตี๊ยมและกำลังฟังคำแนะนำของซิงเฟยอยู่
เขาได้ยินซิงเฟยพูด ฉันคิดว่าเวลานี้ไม่เหมาะที่คุณจะลงมือจัดการมู่หง คุณควรรออีกหน่อยจะดีกว่า แค่สำนักเทียนหยุนเพียงสำนักเดียว คุณก็รับมืออย่างยากลำบากแล้ว ถ้าในเวลานี้ คุณยังกล้าลงมือทำร้ายคนของสำนักฉีซานอีก พวกเราคงหาที่หลบซ่อนได้ยาก!
หลินหยุนพูดเบาๆ ฉันไม่ได้รีบร้อน! ถ้ามีโอกาสก็ลงมือเลย ถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่เป็นไร สำหรับเมืองฉีซาน เป็นสถานที่ไม่เลวเหมือนกัน ดีกว่าเมืองเทียนหยุนมากๆ!
เมื่อซิงเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอหมดคำพูดไปเลย เธอคิดในใจว่าเขาชอบที่นี่จริงๆเหรอ?
ซิงเฟยขมิบปากและพูด ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันอาจจะไปเข้าร่วมการประลองเก้าสำนักใหญ่ คุณคิดว่าไง?
หลินหยุนนิ่งไปชั่วครู่และพูด มีข้อดีอะไรเหรอ?