จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1332 ชายที่จะเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชาง
ซิงเฟยมองหลินหยุนด้วยแววตาแปลกประหลาดครู่หนึ่ง
หลินหยุนเองก็เผยสีหน้าไม่คาดคิดเล็กน้อย
นี่นับว่าเป็นตำนานลับจริง
เรื่องนี้ พวกเขาสองคนเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน
และพวกเขาก็รู้จากคุณชายเทียนซิน
ทั้งคู่เองก็คิดไม่ถึง ว่าโจวฮ่าวคนนี้ที่เอาแต่พูดโวจะรู้ตำนานลับเรื่องนี้จริงๆด้วย
ทันใดนั้น
สายตาของซิงเฟยที่มองโจวฮ่าวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลินหยุนพยักหน้าให้เธอ
ซิงเฟยเข้าใจทันที พลันหันไปถามโจวฮ่าวว่า แล้วเผ่าสาปฟ้านี่ยังไง? ทำไมถึงพูดว่าเผ่ามนุษย์เราต้องคำสาปของพวกเขา?
โจวฮ่าวเอ่ยว่า เผ่าสาปฟ้าในสมัยโบราณกาล คนในเผ่าทุกคนต่างก็เป็นมหาปุโรหิต มีความสามารถในการสื่อสารกับฟ้า จำนวนคนในเผ่ามีไม่เยอะ แต่ตำแหน่งกลับสูงมาก
พวกเขาเป็นบริวารของจักรพรรดิชือโหยว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเผ่ามนุษย์!
หลังจากที่จักรพรรดิหยานตี้และหวงตี้ก่อสงครามขึ้น พวกเขาเองก็กลายเป็นศัตรูของเผ่ามนุษย์ไปโดยปริยาย!
จนท้ายที่สุดเผ่าสาปฟ้าก็ถูกขจัด
แต่ก่อนที่พวกเขาจะสูญสิ้น เผ่ามนุษย์ก็ต้องคำสาปเลือดของพวกเขา
รู้ไหมว่าคำสาปเลือดคืออะไร?
พูดไปพวกพี่ก็คงไม่รู้ ความหมายของมันก็คือคำสาปทางสายเลือดยังไงล่ะ!
ฉะนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เผ่ามนุษย์ของเราจึงไม่มีผู้บำเพ็ญเพียนจิตปฐมอีกต่อไป
นี่เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะเกินคาด
ที่รู้มาจากฉวี่เทียนซินก็มีเกี่ยวพันกับเผ่าสาปฟ้าบ้างเล็กน้อย
แต่ไม่มากเท่าที่โจวฮ่าวเล่ามาขนาดนี้
ฉวี่เทียนซินไม่ได้เล่ารายละเอียดพวกนั้นมาจนหมด กลับพูดรวบรัดเพียงคร่าวๆเท่านั้น
แม้ว่าฉวี่เทียนซินเองก็ได้เอ่ยถึงคำสาปของเผ่าสาปฟ้า
ทว่ากลับไม่ได้พูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจและฟังดูมีเหตุมีผลแบบโจวฮ่าว
เห็นซิงเฟยและหลินหยุนไม่ตอบ และเงียบลงกันทั้งคู่
โจวฮ่าวก็ยิ้มเหอะๆ เอ่ยว่า พี่หลิน แม่นางซิง พวกพี่รู้ไหมว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ฉันมางานประลองยุทธเก้าสำนักนี่คืออะไร?
ซิงเฟยอดถามไม่ได้ว่า อะไร?
โจวฮ่าวสูดหายใจเข้าลึก และตอบว่า ฉันจะเข้าไปยังส่วนลึกของสุดหล้าทะเลต่างหากล่ะ! ส่วนงานประลองยุทธเก้าสำนักนี่ก็แค่ทางผ่าน มาดูให้สนุกก็แค่นั้น!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นก็เบิกตาโพลง พลันเอ่ยเสียงตกใจว่า นายว่าอะไรนะ? นายก็……นายจะเข้าไปในส่วนลึกของสุดหล้าทะเลงั้นเหรอ? นายอยากรนหาที่ตายหรือไง?
เล่าลือกันว่าส่วนลึกของสุดหล้าทะเลนั้นอันตรายยิ่ง ผู้ใดที่เข้าไปต่างต้องตายสถานเดียว!
นายกล้าเข้าไปหรือไง?
โจวฮ่าวกลับยืดอกเอ่ยอย่างมั่นใจว่า หากต้องการกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง เขย่าโลกคุนชาง และอยู่เหนือคน ก็ต้องทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้อยู่แล้วสิ!
ฉันคิดมานานแล้วล่ะ!
จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้ยังไงน่ะเหรอ?
แน่นอนว่าก็ต้องบำเพ็ญเซียนให้เข้าสู่แดนจิตปฐมให้ได้ยังไงล่ะ!
ด้วยระดับของฉันในตอนนี้ จะให้ไปต่อกรกับบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ หรือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะ หรือจะเทพสังหารหลินชางฉองก็ต้องไม่ไหวอยู่แล้วล่ะ
แต่ฉันสามารถสู้ความอดทนกับพวกเขาได้นี่!
ขอเพียงแค่ฉันแก้คำสาปทางสายเลือดนี่ได้ แล้วกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนจิตปฐมแล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ หรือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะ หรือจะเทพสังหารหลินชางฉองอะไรก็ช่าง สุดท้ายก็ต้องตกเป็นผู้พ่ายแพ้สยบต่อฉันอยู่ดี!
ซิงเฟยเผยแววอึ้งตะลึงอีกครั้ง ทะเยอทะยานไม่เบาเลยนี่!
โจวฮ่าวหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า ก็แหงอยู่แล้วสิ ก็ท่านปรมาจารย์ที่เคยทำนายดวงชะตาให้ฉันตอนเด็กเคยบอกไว้นี่ ว่าฉันจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวของโลกคุนชาง ฉันเองก็ต้องพยายามเพื่อเป้าหมายนี้อยู่แล้ว!
หลินหยุนเอ่ยเสียงเรียบว่า นายพูดเรื่องพวกนี้ให้พวกฉันฟัง เพราะต้องการให้พวกฉันเข้าไปในสุดหล้าทะเลนั่นพร้อมกับนาย?
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้น ก็ชูนิ้วโป้งให้หลินหยุน แม้ว่าหลินหยุนจะไม่ค่อยชอบพูด แต่ก็เดาได้ไม่ผิด
ฉันก็คิดแบบนี้จริงๆนั่นแหละ!
ตลอดทางที่เดินทางจากตะวันตกเฉียงเหนือมายังใต้ ที่จริงฉันก็คอยสอดส่องหาเพื่อนพ้องที่สามารถไปสุดหล้าทะเลด้วยกันอยู่ตลอดเลยล่ะ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเตะตาฉันเลย!
ซิงเฟยอดถามไม่ได้ว่า งั้นทำไมนายถึงเลือกพวกฉันสองคน?
โจวฮ่าวทำท่าครุ่นคิดด้วยท่าทีลึกลับครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับซิงเฟยว่า อันนี้……ก็ต้องเป็นเพราะฉันมีเกณฑ์ของฉันเองอยู่แล้ว มีเพียงคนที่ถึงเกณฑ์เท่านั้นฉันจึงจะเข้าไปเชิญชวน
ซิงเฟยกลอกตาขึ้นบน เอ่ยเสียงหงุดหงิดว่า เลิกพูดจาเหลวไหลแล้วจริงจังสักที!
โจวฮ่าวยิ้มเอ่ยว่า อันนี้ ที่จริงก็เพราะพี่สองคนดูแล้วน่าจะเป็นคนดีน่ะ
ซิงเฟยตวัดหางตาแล้วเอ่ยว่า คนดีเหรอ? นายดูจากอะไรน่ะ?
โจวฮ่าวเอ่ยอย่างประหนึ่งเป็นเรื่องปกติว่า พ่อฉันเคยบอกฉันว่า ยามที่คนอื่นดูถูกเราได้แต่กลับไม่ได้ดูถูกเรา มีแค่สองกรณีเท่านั้น หนึ่งคืออีกฝ่ายต้องการอะไรบางอย่าง สองคืออีกฝ่ายนั้นเป็นคนดี!
ฉันกับพี่หลินและแม่นางซิงเพิ่งจะเคยเจอหน้ากันโดยบังเอิญ
ต่างฝ่ายต่างไม่รู้เบื้องลึกซึ่งกันและกัน แน่นอนว่าก็น่าจะต้องไม่หวังผลอะไรกันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นชัดเจนเลยว่าต้องเป็นแบบที่สอง พี่หลินกับแม่นางซิงต่างเป็นคนดี!
พลังบำเพ็ญของพี่หลินอย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในขั้นแดนยาทอง ฉันมองไม่ออก อยู่ต่อหน้าฉัน ก็คือผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทว่ากลับยอมพาฉันไปด้วย นี่ก็หมายความว่าฉันจะไม่มีอันตรายชีวิตอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายสุดท้ายของเราที่ไปยังสุดหล้าทะเลก็คือลบล้างคำสาปที่อยู่ในสายเลือดของเรา!
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมบัติของมีค่าแต่อย่างใด
ฉะนั้นก็ไม่มีทางที่เราจะหักหลังกัน!
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ดังนั้นฉันก็เลยยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่หลินและแม่นางซิงฟังอย่างหมดเปลือกเลยยังไงล่ะ!
ซิงเฟยกระพริบดวงตาคู่สวยปริบๆ
พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า งั้นแสดงว่า ที่ผ่านมาที่นายตัวไม่เต็มบาทเหมือนคนบ้าก็คือจงใจสินะ?
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็กลอกตาบนทันที และเอ่ยว่า ที่แม่นางซิงพูดนี่ฉันไม่เห็นด้วยนะ ฉันโจวฮ่าวน่ะออกจะหล่อเหลามีเสน่ห์ ใครเห็นใครก็ชอบ มาว่าฉันไม่เต็มบาทเหมือนคนบ้าได้ยังไง?
ฉันก็แค่ชอบพูดมากไปหน่อยแค่นั้นเอง!
ทำไมถึงมองว่าฉันไม่เต็มบาทเหมือนคนบ้าไปได้ล่ะ?
คำพูดแบบนี้แม่นางซิงพูดที่นี่ก็แล้วไป แต่ตอนมีคนอื่นอยู่ด้วยห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาดเลยนะ!
ไม่งั้นคนอื่นเขาจะหาว่าฉันโจวฮ่าวเป็นคนลับลมคมในเอาได้
ดวงชะตาฉันถูกลิขิตไว้แล้ว ว่าภายภาคหน้าฉันจะได้เป็นเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชาง เส้นทางของฉันคือเส้นทางแห่งราชา จะไปใช้เล่ห์เหลี่ยมกับคนอื่นได้ยังไงกัน?
ไม่เข้าท่าๆ!
คำพูดนี้ไม่เข้าท่าเลยสักนิด!
ซิงเฟยขี้เกียจเถียงขัดอีก จึงหันไปมองหลินหยุน
หลินหยุนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พลันปริปากเอ่ยเสียงเรียบว่า เรื่องเผ่าสาปฟ้า นายยังรู้อะไรอีกบ้าง? อย่างเช่น นายพอจะรู้วิธีลบล้างคำสาปทางสายเลือดนั่นหรือเปล่า?
สำหรับเรื่องนี้
บอกตามตรงว่าหลินหยุนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
เขาค่อนข้างเอนเอียงไปที่ข้อจำกัดของโลกคุนชาง ที่ไม่มีเงื่อนไขให้สามารถบรรลุแดนจิตปฐมได้
ไม่งั้นในปีนั้นที่เขาไปจากโลก ทำไมถึงกลายเป็นกษัตริย์เซียนได้?
หรือว่าคำสาปนั้นจะมีผลกับเฉพาะผู้บำเพ็ญเซียนในโลกคุนชางงั้นเหรอ?
นี่มันออกจะเหลวไหลเกินไปแล้ว
ทว่า
คนคนนี้กล้าบุกไปยังสุดหล้าทะเลทั้งที่พลังบำเพ็ญยังไม่ถึงแดนยาทอง
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่กลัวด้วยความไม่รู้
งั้นก็เป็นเพราะมีความอาจหาญเป็นอย่างมาก
หรือไม่งั้นก็คือเขารู้เรื่องเกี่ยวกับสุดหล้าทะเลนั่นเป็นอย่างดี
แต่ยังไงก็ตาม หลินหยุนไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเผ่าสาปฟ้าอะไรนั่นเลย
ที่เขาสนใจคือเขาลั่วจี
คือคฤหาสน์ของเผ่าโลหิต
คือสมบัติล้ำค่าในคฤหาสน์นั่นที่สามารถหล่อหลอมยาทองระดับเทพให้เขาได้