จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1333 ถึงจุดหมาย
สำหรับคำพูดของโจวฮ่าว ซิงเฟยก็ต้องมีท่าทีเย้ยหยันเป็นธรรมดา
นี่ก็โทษเธอไม่ได้
ไม่ว่าใครก็ตามหากมาได้ยินคนที่ยังไม่มีแม้แต่ยาทองพูดเองเออเองว่าตัวเองจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชางในอนาคตก็คงจะเย้ยหยันไม่ต่างกัน!
ทว่าหลินหยุนกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ตอนที่โจวฮ่าวเอ่ยคำพูดเหล่านั้น แววตาของเขานั้นมีแสงเปล่งประกาย
มันคือแสงแห่งความหวัง
และคือแสงแห่งความแน่วแน่
นี่คือคนที่จะไม่หยุดก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อความฝันของตัวเอง
ที่สำคัญคือ คนคนนี้ไม่ใช่คนไร้สมอง
แม้ภายนอกจะดูโผงผางเหมือนคนไม่มีสมองไปหน่อย
ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แบบนั้น
เขามีเกณฑ์ของตัวเองในการตัดสินคนและเรื่องราวอื่นๆ
จุดนี้เห็นได้จากการที่อีกฝ่ายเข้ามาทำความรู้จักกับตัวเขาและซิงเฟยก่อน
หลินหยุนค่อนข้างจะชื่นชมคนแบบนี้ด้วยซ้ำ
ครุ่นคิดไปสักพัก
หลินหยุนก็เงยหน้ามองไปที่โจวฮ่าว พลันเอ่ยถามว่า ทำไมพวกฉันต้องเข้าไปในที่อันตรายแบบนั้นกับนายด้วย? ถ้าเพียงเพราะต้องการลบล้างคำสาปทางสายเลือดก็น่าเสียดายที่พวกฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็อดเผยสีหน้าไม่คาดคิดและตาเบิกโพลงไม่ได้ พลางมองหลินหยุนด้วยสายตาประหนึ่งมองสัตว์ประหลาด ไม่จริงหรอกใช่ไหมพี่หลิน? อย่างน้อยพี่ก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนแดนยาทองเชียวนะ
ดูจากอายุของพี่หลินแล้ว มีพลังบำเพ็ญถึงขนาดนี้ได้ ก็น่าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาไม่ผิดแน่!
พี่หลินไม่มีความคิดที่จะลบล้างคำสาปทางสายเลือดเลยงั้นเหรอ?
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
พี่หลิน รู้ใช่ไหมว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้เราเข้าสู่แดนจิตปฐมในตำนานได้หากเราสามารถลบล้างคำสาปทางสายเลือดได้น่ะ!
โอกาสหายากแบบนี้ พี่หลินไม่คิดจะคว้าไว้จริงๆเหรอ ไม่รู้สึกหวั่นไหวใจเต้นเลยงั้นเหรอ?
หลินหยุนเอ่ยว่า ฉันจะเอาอะไรมาเชื่อ ว่านายจะทำได้?
โจวฮ่าวรีบเอ่ยทันทีว่า ก็เอาที่ตระกูลโจวบ้านฉันเป็นตระกูลที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลนี่ไง เอาที่ฉันโจวฮ่าวเข้าใจเกี่ยวกับสุดหล้าทะเลนั่นมารับประกันก็ยังไม่เพียงพออีกงั้นเหรอ?
หลินหยุนเอ่ยเสียงเรียบว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้บำเพ็ญเซียนที่เคยมีความคิดแบบนี้มีมากกว่าเป็นพันเป็นหมื่นคน แต่ท้ายที่สุดก็สลายเป็นฝุ่นดินถูกกลบฝังอยู่ในส่วนลึกของสุดหล้าทะเล ตระกูลที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลที่ว่าก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลนายเพียงผู้เดียว
นายคิดเหรอว่านายจะทำสำเร็จแน่ ๆ?
โจวฮ่าวชะงัก ก่อนจะเอ่ยอย่างจนใจว่า พี่หลิน ฉันพูดแบบนี้ดีกว่า คือฉันแค่คิดว่าพลังบำเพ็ญฉันก็ต่ำไปหน่อยจริงๆนั่นแหละ ถ้าเราไปด้วยกันสามคน ก็จะได้คอยดูแลซึ่งกันและกันด้วย
แต่ในเมื่อพี่หลินไม่อยากไปด้วย งั้นก็ช่างเถอะ!
ฉันไปเองคนเดียวก็ได้! พูดเสร็จ โจวฮ่าวก็หันไปมองซิงเฟยแล้วเอ่ยว่า แม่นางซิง พี่หลินไม่สนใจ เธอก็ไม่สนใจด้วยงั้นเหรอ?
ซิงเฟยแบมือเอ่ยว่า ฉันถูกเขาจับมา ถ้าเขาไม่ตกลง ฉันก็ไปไม่ได้!
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีกเว้นแต่ถอนหายใจยาว
ทันใดนั้น หลินหยุนก็พลันเอ่ยเสียงเรียบว่า นายลองว่ามาดูสิ ว่านายเข้าใจเกี่ยวกับสุดหล้าทะเลนั่นมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อจะร่วมมือกัน งั้นก็ต้องแสดงความจริงใจต่อกัน
สิ้นเสียง โจวฮ่าวก็เบิกตากว้าง และเอ่ยทันทีว่า ถ้าให้พูดตามตรงแบบไม่ปิดบังพี่หลิน ฉันก็พอจะเข้าใจเกี่ยวกับที่แห่งนั้นจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังบอกไม่ได้ แต่ฉันเองก็มั่นใจเหมือนกันว่าจะทำได้
ถ้าพี่หลินยอมมุ่งหน้าไปกับฉัน ถึงที่นั่นเมื่อไหร่ฉันจะบอกเอง
แต่ถ้าพี่หลินไม่ยอมไป งั้นก็ไม่ต้องถามแล้วล่ะ
หลินหยุนพยักหน้า พลันหยุดคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงแต่การเดินทางในครั้งนี้ห้ามมีใครเพิ่มมาอีก ต้องมีแค่เราสามคนเท่านั้น
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น พยักหน้ารัวๆและเอ่ยว่า มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว! พี่หลินว่ายังไงก็ยังงั้น! มียอดฝีมือแดนยาทองแบบพี่หลินอยู่ทั้งคนก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกแล้วล่ะ! ฮ่าๆๆๆ!
พูดเสร็จ
หลินหยุนก็หลับตาลงอีกครั้ง เริ่มนั่งสมาธิต่อ
เดินทางไปด้วยกันกับโจวฮ่าว
ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
แม้ว่าคนคนนี้จะปิดบังบางอย่าง ไม่ได้ดูตื้นเขินอย่างที่เห็น
ทว่าสำหรับเขาแล้ว เขาสามารถทำเป็นเมินได้อย่างสิ้นเชิง
ในมือของเขา
คนคนนี้ยังสร้างคลื่นลูกใหญ่อะไรไม่ได้
มุ่งหน้าเดินทางต่อไป
จนผ่านไปอีกสองวัน ก็เริ่มเห็นคนหนาตาขึ้น
และก็มีผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นไม่น้อย
ทั้งสามคนกำลังนั่งรถเมฆมุ่งไปข้างหน้า ผ่านยอดเขาลูกหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเงาคนสองร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผู้มาเยือนหยุดฝีเท้าลงก่อน!
ที่แห่งนี้อยู่ภายใต้อาณาเขตของสำนักซิงเหอของเราแล้ว อ้อมไปอีกทางเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เกรงใจ!
ซิงเฟยหยุดรถเมฆลง พลันมองไปยังหลินหยุนและโจวฮ่าวที่อยู่ข้างหลัง
โจวฮ่าวเอ่ยอย่างโมโหทันทีว่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? แม้แต่พวกกระจอกงอกง่อยอย่างสำนักซิงเหอยังบังอาจมายึดอาณาเขตขวางทางอีกแล้วงั้นเหรอ คอยดูเถอะ รอฉันลบล้างคำสาปทางสายเลือดได้เมื่อไหร่ เจ้าพวกนี้ได้เจอดีแน่!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็เบะปากเอ่ยอย่างดูแคลนว่า อย่างนายน่ะเหรอ? ออมแรงไว้ดีกว่าเถอะ!
โจวฮ่าวตอกกลับอย่างไม่พอใจว่า ขึ้นอยู่กับช้าเร็วเท่านั้นแหละ ฉันน่ะเป็นถึงชายที่จะขึ้นเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งโลกคุนชางในอนาคตเชียวนะ!
ซิงเฟยแค่นเสียงอย่างระอา แล้วหันไปเอ่ยกับหลินหยุนว่า จะอ้อมไปอีกทางเหรอ?
หลินหยุนพยักหน้า
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเรื่องบาดหมางกัน
รถเมฆหันไปอีกทาง เลี่ยงไปทางข้างหน้าที่มีสำนักซิงเหอขวางอยู่
ซิงเฟยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า ตอนนี้พิกัดของเรา อยู่ห่างจากสถานที่งานประลองยุทธเก้าสำนักนั่นประมาณสามวัน คิดไม่ถึงเลย ว่าการจัดระเบียบควบคุมของเหล่าสำนักใหญ่จะมาถึงที่นี่แล้ว
โจวฮ่าวเอ่ยว่า ก็เป็นงานประลองขนาดใหญ่นี่นะ มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ จากนี้ไปก็จะยิ่งเจอคนจากอีกหลากหลายสำนักมากขึ้น พวกฉันต้องระวังกันหน่อยแล้วล่ะ ด้วยพลังบำเพ็ญของพวกฉัน ทางที่ดีที่สุดก็อย่าไปมีเรื่องบาดหมางกับเจ้าพวกกระจอกนั่นดีกว่า!
ซิงเฟยเอ่ยว่า ก็จริง ก็ไม่รู้ว่าเราจะสามารถเข้าไปใกล้งานประลองนั่นได้หรือเปล่า
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเหอะๆ พลันเอ่ยว่า ต้องมีคนมาขวางทางแน่ ๆอยู่แล้วล่ะ แต่เรื่องแบบนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรยากเสียหน่อย!
ซิงเฟยอึ้งชะงัก เอ่ยถามว่า นายมีวิธีงั้นเหรอ?
โจวฮ่าวยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจว่า บนโลกนี้ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ด้วยเงิน ฉันไปถามมาแล้วล่ะ ที่จริงงานประลองยุทธเก้าสำนักนี่จะมีที่นั่งสำหรับร่วมชมพิธีการด้วยทุกครั้งเลยล่ะ
ที่นั่งสำหรับร่วมชมพิธีการที่ว่านี้ มีทั้งหมดหนึ่งหมื่นที่นั่ง
ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับที่แตกต่างกัน
ในหนึ่งหมื่นที่นั่งนี้ ต้องเสียเงินซื้อทั้งนั้น
ยิ่งจ่ายแพงมากเท่าไหร่
ระดับที่ได้ก็จะยิ่งสูง
เพียงแค่พวกเรายอมเสียเงินซื้อก็เข้าไปร่วมชมพิธีการได้แล้วล่ะ!
แน่นอนว่าราคาเองก็ต้องไม่ใช่เบาๆ
ขณะที่พูด
ดวงตาของโจวฮ่าวก็กะพริบใส่หลินหยุนและซิงเฟยปริบๆ
เห็นสีหน้าทั้งสองไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ก็พลันอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้
เห็นสภาพของหมอนี่แล้ว ซิงเฟยก็ถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิดและเอ่ยขึ้นว่า ดูจากท่าทางนายแล้ว คิดว่าพวกฉันจะให้นายช่วยซื้อที่นั่งให้หรือไง?
โจวฮ่าวยิ้มเหอะๆทันที พลันโบกมือเอ่ยปฏิเสธว่า จะเป็นไปได้ไงกัน ดูพี่หลินและแม่นางซิงเพียงแวบแรกก็รู้ ว่าทั้งสองท่านต้องไม่ใช่คนธรรมดา เงินเล็กน้อยแบบนี้ ต้องถึงกับให้ผมช่วยจ่ายให้สักที่ไหนกันล่ะ!
ซิงเฟยเองก็คร้านจะสนใจหมอนี่อีก
พวกเขามุ่งตรงไปข้างหน้าต่อ
ระหว่างทางก็พบผู้แข็งแกร่งไม่น้อย และก็เปลี่ยนเส้นทางอยู่บ่อยครั้ง
สามวันผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงงานประลองยุทธเก้าสำนักแล้วสักที