จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1340 ประหลาด
หลินหยุนพยักหน้า ก่อนจะเหาะเหินเดินอากาศไปต่อ
โจวฮ่าวและซิงเฟยเองก็รีบตามหลังไป
ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน
ก็ตามมาด้วยการมาเยือนของสำนักหยุนเยว่
และเรื่องที่หลินหยุนถูกคนของสำนักหยุนเยว่พาเข้ามาก็แพร่สะพัด
กลิ่นอายที่ผิดแปลกบางอย่าง ก็เริ่มค่อยๆกระจายออกไปทีละนิด
ทว่า คนของสำนักเต๋าเฉินเซียว ก็ไม่ได้ไปซักถามเรื่องของหลินหยุนกับสำนักหยุนเยว่
ในขณะที่คนไม่น้อยต่างนึกว่าเรื่องนี้อาจได้รับคำอธิบายอะไรบางอย่างก็เป็นได้ เมื่อเวลาผ่านไป งานประลองยุทธเก้าสำนักเองก็ใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงอีก
สองวันผ่านไป คนของสำนักเทียนหยุนเองก็มาถึงแล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูก คือรองเจ้าสำนักมาถึงแล้ว
ส่วนหวงฉาวที่ถูกเล่าลือกันว่าจะไม่เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น
หวงฉาวคือสุดยอดอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ปรากฏตัวขึ้นคนแรก
การมาเยือนของเขา พลันทำให้บรรยากาศในงานยิ่งตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
แต่นอกจากหวงฉาว
พวกบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ หรือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่พ้นโลกแล้วก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว
ส่วนเหล่าสำนักผู้กุมอำนาจใหญ่
สิบแปดสำนักเต๋าก็มาถึงกันพร้อมหน้าแล้ว
ขณะที่ใกล้งานประลองยุทธเก้าสำนักไม่ถึงสิบวัน คนที่ควรจะมาเยือนก็มาถึงกันหมดแล้ว
ก่อนที่งานประลองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ก็ต้องประกอบพิธีบวงสรวงที่ยิ่งใหญ่ตามธรรมเนียมโบราณ
ทว่า
แม้ว่าเรื่องของหลินหยุน สำนักเต๋าเฉินเซียวจะมีท่าทีนิ่งเฉย
แต่กลับดึงดูดความสนใจของสำนักเทียนหยุน
หลังจากที่ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับมาถึง ก็พลันส่งคนไปจับตาดูสำนักหยุนเยว่
แน่นอนว่าการกระทำตุกติกเหล่านี้ย่อมไม่อาจพลาดสายตาสำนักหยุนเยว่ไปได้
สองเยว่เองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้คนของสำนักเทียนหยุนจับตาดูต่อไป
ส่วนพวกหลินหยุนเองก็ไม่มีทางรับรู้เรื่องราวเหล่านี้
พวกเขาเข้าไปยังสุดหล้าทะเลแล้ว
ในสุดหล้าทะเลแห่งนี้นั้นเขียวชอุ่ม ชี่ทิพย์นั้นเข้มข้นเป็นอย่างมาก
ดูไม่เหมือนดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย กลับกันเหมือนดินแดนศักด์สิทธิ์เสียมากกว่า
และยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งมากด้วย
อย่างน้อยในโลกคุนชาง ที่แบบนี้ก็คงจะมีน้อยและหายากมาก ประหนึ่งขนนกฟีนิกซ์และเขากิเลน
หลินหยุนเองก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย
นี่คือดินแดนต้องห้ามงั้นหรือ?
ไม่มีสภาพของดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย
โจวฮ่าวเองก็มองความเคลือบแคลงของหลินหยุนออก
จึงเอ่ยปากเสียงเบาว่า เผ่าสาปฟ้าในตอนนั้น แม้ว่าจะมีจำนวนคนน้อย แต่ตำแหน่งกลับสูงมาก อีกทั้งยังมีอำนาจใหญ่อยู่ในมือ ที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แบบนี้ ก็ย่อมต้องไม่มีทางแย่อยู่แล้ว
แต่พี่หลินเองก็อย่าได้ดูเบาความอันตรายของที่แห่งนี้เชียว
จากคำร่ำลือเพียงไม่กี่ประโยคที่ถูกเล่าขานกันมาของตระกูลโจวฉัน ที่แห่งนี้นับว่ามีแต่ภยันตรายเต็มไปหมด
ฉะนั้นเราจึงควรต้องระมัดระวังกันอย่างดีที่สุด
หลินหยุนพยักหน้า ไม่พูดอะไร ส่วนซิงเฟยที่อยู่อีกข้างกลับปริปากเอ่ยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า นายเลิกพูดพร่ำทำเพลงสักที บอกที่นายรู้เกี่ยวกับที่แห่งนี้มาให้หมดซะก็สิ้นเรื่อง!
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเสียงขำลำบากใจ เอ่ยว่า แม่นางซิง บันทึกที่ตระกูลโจวฉันเก็บไว้ก็มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ที่ฉันสามารถพูดได้ แท้จริงฉันก็พูดไปเกือบหมดแล้วล่ะ!
ส่วนที่ว่าฉันยังรู้อะไรอีก นั่นก็ถือว่ายกยอฉันเกินไปแล้ว
สุดหล้าทะเลนี่ คือที่อยู่ของเผ่าสาปฟ้า ตระกูลโจวฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาในเผ่ามนุษย์ก็เท่านั้น จะไปเข้าใจรู้ลึกเกี่ยวกับสิ่งใหญ่โตมโหฬารแบบนั้นได้ยังไงกัน
แน่นอนว่าฉันก็พอจะรู้เกี่ยวกับคำสาปทางสายเลือดมากกว่านี้จริงๆนั่นแหละ
ทว่าเรื่องนี้ ยังไงฉันก็ไม่มีทางจะพูดตอนนี้แน่ ๆ
ฉันคิดว่าแม่นางซิงเองก็น่าจะเข้าใจได้สิถึงจะถูก
แม้ว่าคำพูดของเขาจะกล่าวกับซิงเฟย แต่จริงๆแล้วกลับพูดให้หลินหยุนฟังต่างหาก
ความหมายก็ชัดเจนมากๆ
อย่าได้มีเจตนาอื่นเชียวนะ
ฉันรู้เกี่ยวกับความลับบางอย่างของคำสาปทางสายเลือด
หากกำจัดฉันทิ้งงั้นความลับก็จะไม่มีอีกต่อไป!
หลินหยุนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
เมื่อมาถึงยอดเขาหนึ่ง พวกเขาก็กวาดตามองไปโดยรอบ
เขากำลังคิด ว่าคฤหาสน์ของเผ่าโลหิตนั่นอยู่ที่ไหน
กระทั่งจนเขาเริ่มสงสัยแล้ว ว่าคำพูดของเผ่าโลหิตนั่นเป็นจริงหรือไม่
ทะเลสุดหล้านี่มันยังไงกันแน่
ที่ผ่านมาหลินหยุนไม่รู้ก็จริง
แต่เผ่าโลหิตนั่นย่อมต้องรู้แน่ ๆ
หรืออีกฝ่ายจงใจหลอกให้เขามาที่นี่งั้นเหรอ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเจตนาของการทำแบบนี้คืออะไร?
หรือเผ่าโลหิตคนนั้น จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับเผ่าสาปฟ้าในตอนนั้น ก็เลยสร้างคฤหาสน์หลังหนึ่งอยู่ที่นี่งั้นหรือ?
แม้ว่าพวกเขาจะมาเยือนบนโลก แต่ยังไงก็นับว่าเป็นเผ่าพันธุ์นอก
ต่างก็อยู่ภายใต้การปกครองของชือโหยว
หากมีความสัมพันธ์บางอย่าง หรือมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว งั้นก็พอว่าไปได้
ทว่ารายละเอียดคืออะไร
นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินหยุนสามารถอธิบายได้แล้ว
จะให้เขาถ่อไปถามอีกฝ่ายที่ทะเลกวางยักษ์อีกครั้งก็คงไม่ได้
ทะเลกวางยักษ์นั่น แม้คราวก่อนที่ไปจะดูราบรื่น แต่แท้จริงแล้วหลินหยุนก็ยังคงรู้สึกไม่ดีมากนัก
เสมือนว่าในนั้นยังซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจมีใครรับรู้
เห็นหลินหยุนเงียบไม่พูดอะไร โจวฮ่าวก็เอ่ยว่า พี่หลิน หาอะไรอยู่งั้นเหรอ? จากนี้ไป พวกเราต้องเข้าไปยังส่วนลึกสุดอย่างระมัดระวัง ที่นั่นเป็นที่อยู่ที่แท้จริงของเผ่าสาปฟ้า!
หลินหยุนพยักหน้า เอ่ยว่า งั้นไปกันเถอะ!
ทั้งสามคนไม่เหาะเหินเดินอากาศไปกันอีก
พวกเขาค่อยๆเดินช้าๆเข้าไปยังส่วนลึกนั่น
หลินหยุนใช้ดวงจิตสำรวจทาง
ในระยะนับร้อยเมตรยังถือว่าปกติดี
แต่ตอนที่สำรวจถึงพันกว่าเมตร ก็เหมือนถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง
ดวงจิตใช้การไม่ได้
สถานการณ์แบบนี้
ต่างจากตอนอยู่ทะเลกวางยักษ์โดยสิ้นเชิง
ตอนที่อยู่ทะเลกวางยักษ์ ดวงจิตจะถูกบีบจนแหลก
แต่ตอนนี้ กลับเหมือนถูกดูดกลืนลงไปในท้องทะเล
ประหนึ่งถูกจมอยู่ใต้น้ำ
ทว่าหลินหยุนก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก
ที่แบบนี้ จะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย
ทั้งสามคนมุ่งหน้าเดินไปอย่างเชื่องช้า
ครึ่งวันผ่านไป พวกเขาก็ผ่านปากถ้ำหนึ่ง
ทันใดนั้น
จู่ ๆก็มีกลิ่นอายแกร่งกล้าบางอย่างแพร่กระจายเข้ามา
สีหน้าทั้งสามเปลี่ยนไปในทันที
โจวฮ่าวเอ่ยขึ้นมาทันควันว่า แย่แล้ว! มีศัตรู!
ต้องให้ถึงคราวเขาพูดสักที่ไหน
วินาทีที่กลิ่นอายนั่นเริ่มแพร่กระจายเข้ามา หลินหยุนก็พลันรับรู้แล้ว
จากนั้นเงาร่างสีดำผอมแห้งร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมา
เงาสีดำนั่นไม่สูง ผอมเล็กมาก
สวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งตัว และหมวกสานสีดำใบหนึ่ง
ใบหน้าถูกปิดบังด้วยผ้าโปร่งสีดำ ในมือกุมดาบกระดูกเล่มยาว
บนกระดูกนั่น ล้อมรอบไปด้วยแสงสีดำ
กลิ่นอายที่ฉกาจและประหลาดถึงที่สุดถูกแผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่าย
เห็นการปรากฏตัวของเงาดำ
โจวฮ่าวก็พลันอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้ พลางเบิกตาโพลงเอ่ยว่า นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? ที่นี่จะมีผู้พิทักษ์คอยคุ้มกันอยู่ได้ยังไง?
การแต่งกายสีดำ และอาวุธดาบนั่น
แตกต่างจากผู้บำเพ็ญเซียนแห่งโลกคุนชางในตอนนี้โดยสิ้นเชิง
แม้กระทั่งกลิ่นอายเองก็ยังให้ความรู้สึกโบราณและคร่ำครึที่ผ่านพ้นกาลเวลามานาน
โจวฮ่าวพูดเสร็จ ก็พลันหลบไปอยู่ด้านหลังหลินหยุนอย่างฉับพลัน แล้วเอ่ยเสียงเบากับหลินหยุนว่า พี่หลิน คนคนนี้ ไม่ธรรมดา ฉันรู้สึกว่ากลิ่นอายบนตัวเขาประหลาดมาก พี่หลิน พี่ต้องระวังหน่อยนะ
หลินหยุนมองไปยังเงาสีดำ
ก็เหมือนที่โจวฮ่าวพูด
เขาเองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย
ชะงักครู่หนึ่ง หลินหยุนก็เอ่ยว่า พวกนายถอยไปก่อน
โจวฮ่าวกับซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็หันมาสบตากัน ก่อนจะถอยหลังไปยังตรงปากถ้ำ