จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1350 หาเจอแล้ว
หลินหยุนไม่พูดอะไร
ยังคงครุ่นคิดอยู่ในใจ จวนลับที่ผู้มีความสามารถของเผ่าโลหิตคนนั้นบอก อยู่ที่ไหนกันแน่
พูดตามเหตุผลแล้ว อย่าว่าแต่เขาแทบจะหาทีละนิ้วๆ ถึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ใช้พลังยาทองในการค้นหาเพียงอย่างเดียว ถ้าจวนนั่นมีอยู่จริง ก็ต้องรับรู้ถึงอะไรบ้างสิ
แต่ในความเป็นจริง กลับไม่มีอะไรเลย
นี่จึงทำให้หลินหยุนยากที่จะเข้าใจ
หลินหยุนกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง
สุดท้าย
สายตาของเขาหยุดลงบนทะเลดำ
ใจของเขาสั่นไหว
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
อย่าบอกนะว่า……
จวนแห่งนั้น จะอยู่ในทะเลดำอย่างนั้นเหรอ
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
แค่โอกาสมีไม่มากเท่านั้น!
สูญเสียยอดฝีมือไร้เทียมทานไปในทะเลดำแห่งนี้หนึ่งคน ถ้าผู้มีความสามารถเผ่าโลหิตคนนั้น สร้างจวนระหว่างที่ยอดฝีมือไร้เทียมทานคนนั้นตาย อาจมีโอกาสเป็นไปได้
แต่ถ้าหลังจากสูญเสียยอดฝีมือไร้เทียมทานคนนั้นไป น่าจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้แล้ว
ทะเลพลังจิตแห่งนี้ มีความสามารถที่จะก่อตัวเป็นแก้วหินวิญญาณ
ต้องเป็นยอดฝีมือสูงสุด ในระดับชั้นมหากษัตริย์แน่นอน
คนเผ่าโลหิตคนนั้น เพิ่งเข้าสู่แดนกษัตริย์เท่านั้น
ถึงสูญเสียไป แค่เพียงพลังจิตญาณที่แตกสลายเท่านั้น เขาก็ไม่สามารถรับมือได้แล้ว
โดยเฉพาะสถานการณ์ในตอนนั้น
ระดับพลังจิตญาณในตอนนี้ ไม่สามารถเทียบได้อย่างแน่นอน
แต่
ภายในนี้ยังมีคำถามหนึ่ง
ถ้าบอกว่าจวนเผ่าโลหิต สร้างก่อนที่ยอดฝีมือไร้เทียมทานคนนั้นจะตาย งั้นที่นี่ต้องเคยผ่านการสู้รบครั้งใหญ่
ไม่งั้นยอดฝีมือไร้เทียมทานคนนั้น จะเสียชีวิตได้อย่างไร
แต่การสู้รบใหญ่แบบนั้น ไม่ว่าอะไรก็ต้องโดนทำลายจนหมด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจวนเพียงแห่งเดียว
วิเคราะห์อยู่ครู่ใหญ่
หลินหยุนก็ยังไม่สามารถตัดสินได้
มีโอกาสที่จวนจะอยู่ในทะเลดำ แต่น้อยมาก
แต่ตอนนี้นอกจากทะเลดำ ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้แล้ว ก็ไม่มีสถานที่อื่น จะมีโอกาสเป็นที่ตั้งของจวนอีกแล้ว
หลินหยุนกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง
ทันใดนั้น เขาเลิกคิ้วขึ้นมา
ไม่ใช่สิ!
ยังมีอีกสองที่ อาจจะมีโอกาสเป็นไปได้
ที่แรกคือเขาใหญ่สองลูกในหุบเขานั่น
ภายในเขา
ที่ที่สองคือพื้นดินใต้เท้าแห่งนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหยุนหันไปมองซิงเฟย พูดอย่างเคร่งขรึมว่า รอฉันที่นี่!
เมื่อพูดจบ หลินหยุนหายไปจากที่เดิม และมุดลงไปใต้ดิน
เพิ่งมุดลงมาใต้ดิน มาถึงฝั่งที่ใกล้กับทะเลดำ หลินหยุนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
เป็นพลังอันบ้าคลั่งของสะเก็ดวิญญาณเทพ
หลินหยุนไม่สนใจทางนั้น ปลดปล่อยพลังยาทองออกมาอีกครั้ง
ขณะนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเล็กน้อย
หนังตากระตุกขึ้นมา
หลินหยุนหันไปทางที่มีความรู้สึกทันที
มันอยู่ในหุบเขา
ตำแหน่งอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูกใหญ่
หลินหยุนอดขมวดคิ้วไม่ได้
นั่นเป็นศูนย์กลางที่แท้จริงของเผาสาปฟ้า!
ถึงเผ่าโลหิตจะมีฐานะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางมีความสามารถ ไม่มีทางกล้าไปสร้างสิ่งที่ตัวเองเรียกว่าจวนลับที่นั่นอย่างแน่นอน!
แต่หลินหยุนไม่คิดอีก ร่างกายแวบไปทางตำแหน่งนั้น
ไม่นาน ด้านหน้าหลินหยุน มีพื้นที่ใต้ดินซึ่งไม่นับว่ากว้างเท่าไร ตำแหน่งตรงพื้นที่ใต้ดินระหว่างภูเขาทั้งสองลูก ลึกลงไปประมาณร้อยกว่าจั้ง
พื้นที่ไม่ได้ใหญ่มาก
ตอนมาถึงที่นี่ สัมผัสระหว่างสายเลือด ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งในพื้นที่วงกลมประมาณ 9 เมตรกว่า กลับไม่มีอะไรทั้งนั้น
มีเพียงทางขึ้นไป เพียงทางเดียวเท่านั้น
การมีอยู่ของทางเดินนี้ ยิ่งทำให้หลินหยุนไม่เข้าใจ
นี่แสดงว่า
ที่นี่มีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา
ไม่ใช่สถานที่ลึกลับอีกด้วย
แล้วที่เรียกว่าจวนนั่นล่ะ
หลินหยุนยังคงไม่เจออะไร แรงเหนี่ยวนำของพลังสายเลือด ยังคงรุนแรงสุดขีด แต่กลับไม่เจอร่องรอยอะไรอยู่เลย
หลินหยุนมองพื้นที่แคบๆ อย่างประเมิน
มันก่อขึ้นมาจากอิฐสีเขียวธรรมดาๆ
และเป็นรูปแปดเหลี่ยม
นอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
หลินหยุนขมวดคิ้ว
จากความรู้สึกสายเลือดที่รุนแรง จวนที่ว่านั่น น่าจะอยู่ที่นี่สิ
อย่าบอกนะว่าเป็นค่ายกลระดับสูงมากอย่างนั้นเหรอ
แต่ถึงระดับจะสูงแค่ไหน แค่เป็นค่ายกล ต้องมีความเคลื่อนไหวสิ
แววตาหลินหยุนวูบไหว ถึงเป็นค่ายกลซ่อนเร้น ก็น่าจะมีความเคลื่อนไหวสักนิด
ครุ่นคิดครู่หนึ่ง
หลินหยุนระเบิดพลังยาทองออกมาอีกครั้ง
ความรู้สึกนั้นก็เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
แต่กลับมาเจอร่องรอยอะไรสักอย่าง
สัมผัสอยู่นาน หลินหยุนแผดเสียงออกมา จากนั้นกระทืบเท้าลงบนพื้นหินสีเขียว
ทันใดนั้น พลังหนึ่งถูกปลดปล่อยออกมา
เหมือนทำลายโดนอะไรสักอย่าง
อยู่ฝั่งตรงข้ามหลินหยุน นั่นก็คือทางเดินขึ้นไปด้านบน ที่อยู่ตรงข้าม ในที่สุดมีประตูหินปรากฏออกมา
เมื่อประตูหินปรากฏออกมา ความรู้สึกระหว่างสายเลือดยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
ค่ายกลซ่อนเร้นที่แข็งแกร่งขนาดนี้ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
ค่ายกลซ่อนเร้นที่มองไม่เห็นแบบนี้ ชาติก่อนหลินหยุนเคยสัมผัสมา แต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้
เป็นสิ่งที่อยู่ในด้านเทพอำพราง
อันที่จริงค่ายกลแบบนี้อ่อนแอมาก แทบจะไม่มีพลังป้องกันอะไรเลย
แต่มีพลังซ่อนเร้นแข็งแกร่งมาก
ขณะนั้น จู่ๆ ประตูหินข้างหน้า เปิดออกช้าๆ
ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ลอยออกมาจากด้านในด้วย
ดวงจิตของหลินหยุนโผล่ออกมาทันที และเข้าไปข้างในประตูหิน
ทันใดนั้น สภาพด้านในนั้นปรากฏขึ้นในหัวของเขาทั้งหมด
หลินหยุนก้าวเข้าไปช้าๆ
นี่เป็นวิหารขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ยาว6จั้ง กว้าง3จั้ง
ภายในวิหารธรรมดามาก
มีโต๊ะหินตัวหนึ่ง วางชิดผนังฝั่งตรงข้าม มีเก้าอี้ทั้งสองด้าน ด้านบนโต๊ะหิน หรือบนผนัง มีภาพขนาดใหญ่แขวนอยู่
เป็นภาพเต็มตัวของผู้หญิง
ผู้หญิงคนนี้รูปร่างผอมบาง ใบหน้างดงามไม่มีใครเปรียบได้ สวมชุดกระโปรงยาวสีดำดูมีเอกลักษณ์
มองภายนอกดูกล้าหาญ แต่การแต่งกายนี้ ทำให้เธอดูสูงส่ง
ถึงอยู่ในรูปภาพ แต่ราวกับผู้หญิงคนนี้มีชีวิต
เมื่อเห็นภาพของผู้หญิงคนนี้ สีหน้าของหลินหยุน อดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้
มิน่าล่ะ
เผ่าโลหิตนั่น ถึงเอาจวนลับมาอยู่ที่นี่ได้
ดูเหมือนว่าจะมีสาเหตุ
หลินหยุนเดาว่า ต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงในภาพเป็นอย่างมาก!
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเผ่าสาปฟ้า
ถึงหลินหยุนไม่เคยเจอคนที่เรียกว่าเผ่าสาปฟ้าอะไรนั่น ในสมัยนี้ ก็ไม่มีเผ่าสาปฟ้าอยู่อีกแล้ว
และเขาก็ไม่ได้ตัดสินผ่านการแต่งกายด้วย
แต่เขายังแน่ใจว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนของเผ่าสาปฟ้า
และฐานะไม่ต่ำต้อยอีกด้วย
ต้องรู้ว่าที่นี่คือศูนย์กลางสำคัญของเผ่าสาปฟ้า
สามารถอยู่ในที่แบบนี้ได้
ฐานะของผู้หญิงคนนี้จะธรรมดาได้เหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้
หลินหยุนรู้สึกชื่นชมเผ่าโลหิต
การมีอยู่แบบเผ่าสาปฟ้า โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางเกี่ยวข้องกับนอกเผ่า
พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับพลังของสายเลือดมาก
แต่เผ่าโลหิต กลับทำได้ ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์