จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1377 สละสิทธิ์
เสิ่นฉงหัวเราะอย่างเย็นชา และมองไปที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาที่เยือกเย็น
เฉินฉางเฟิงเองก็มีเลือดไหลไปทั่วทั้งร่างกาย สีหน้าขาวซีดอย่างที่สุด และพัดพับในมือนั้นก็แหลกละเอียดลงไปหมดแล้ว แต่ในขณะนี้เขาก็ยังคงยืนบังอยู่ด้านหน้าของเสิ่นฉงอย่างระมัดระวังและเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด
บริเวณโดยรอบไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักอริยสัจเลย
มีบางคนที่ถูกสังหารลงไปแล้ว
โดยยังมีหลงเหลืออีกไม่กี่คน แต่เพราะว่าพลังบำเพ็ญไม่เพียงพอ ซึ่งมีระดับเพียงแค่ขั้นยาทองระดับห้าและขั้นยาทองระดับหกเท่านั้น
ต่อให้พวกเขาต่อสู้อย่างสุดชีวิต ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
พวกนายคิดว่า แบบนี้ก็จะเอาชนะฉันได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? เสิ่นฉงพูดขึ้นอย่างเย็นชา สำนักอริยสัจของเราจะยอมรับการข่มขู่คุกคามจากพวกมดแมลงแบบพวกนายนี้น่ะเหรอ? ช่างน่าขันเสียจริง!
หากพวกนายแน่จริงก็ลงมือต่อได้เลย ฉันจะดูว่า พวกนายกล้าที่จะลงมือสังหารพวกเราทั้งสองคนจริง ๆ ไหม!
ฉันขอเตือนพวกนายไว้ก่อนนะว่า ในโลกคุนชางนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะมาล่วงเกินต่อสำนักอริยสัจของเรา หากผู้ใดกล้า ก็เตรียมตัวตายไว้ได้เลย!
ตอนนี้พวกนายรวมตัวกันเป็นหมู่มาก แต่หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้นไป พวกนายเหล่านี้ จะรวมตัวกันอยู่แบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นเหรอ?
ข่มขู่!
ข่มขู่ซึ่ง ๆ หน้าเลย!
แต่นี่ก็คือความจริง!
สำนักอันดับหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ของโลกคุนชาง และมีอิทธิพลอำนาจอันดับหนึ่ง จะมาทำเป็นเพิกเฉยไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องภายนอกจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ถ้าหากผู้ใดคิดว่าเป็นแบบนี้จริง ๆ ล่ะก็ เกรงว่าคงจะสมองเสื่อมไปเป็นแน่แล้ว
ถ้าหากว่าไม่มีการแก่งแย่งชิงดี เหมือนจะอยู่ในสถานะที่หลุดพ้นแล้ว แต่ทำไมเวลาผ่านมายาวนานขนาดนี้ ก็ยังคงรักษาตำแหน่งของสำนักอันดับหนึ่งเหมือนเดิมได้ล่ะ? นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ขัดแย้งกันหรอกเหรอ?
ผู้อาวุโสได้ยินดังนั้น ดวงตาก็กระตุกขึ้นโดยพลัน และพูดขึ้นอย่างดุดันว่า สำนักอริยสัจช่างเผด็จการจริง ๆ! สหายทุกท่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันอีกแล้ว สำนักอริยสัจในตอนนี้ ได้มองว่าทั้งโลกคุนชางนั้นเป็นของตนเองไปแล้ว!
เผชิญหน้ากับการกดดันบีบบังคับแบบนี้ พวกเราเองจะไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าหากวันนี้พวกเราหยุดลงมือแล้ว ต่อไปภายหน้าเมื่อประสบกับเหตุการณ์แบบนี้อีก โดยเมื่อลูกศิษย์ของสำนักอริยสัจปรากฏตัวขึ้น ก็จะกดขี่ข่มเหงพวกเราแบบนี้อีกอย่างนั้นเหรอ?
พวกเราจะยอมรับการถูกข่มขู่คุกคามแบบนี้ต่อไปอีกใช่ไหม?
ฉันไม่สนใจว่าสหายทุกท่านจะคิดเห็นอย่างไร แต่วันนี้ ฉันไม่ตอบตกลงอย่างเด็ดขาด!
เมื่อพูดจบลง ผู้อาวุโสก็นำหน้าบุกเข้าโจมตีก่อนเลย มีดยาวที่อยู่ในมือนั้นได้ปลดปล่อยลำแสงสีแดงที่น่ากลัวออกมา และพุ่งฟาดฟันไปที่เสิ่นฉงในทันที
ซึ่งหลังจากที่เขาโจมตีแล้วนั้น ผู้คนอีกจำนวนมากก็ทยอยลงมือโจมตีด้วยความโกรธแค้น
คำข่มขู่คุกคามของเสิ่นฉงนั้น พวกเขาไม่มีทางที่จะทนนิ่งดูดายได้อย่างแน่นอน
ในเมื่อลงมือแล้ว ก็ต้องสังหารให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!
ในเมื่อสำนักอริยสัจเผด็จการแบบนี้ ก็ทำลายกวาดล้างสำนักอริยสัจให้หมดสิ้นไปเลย!
สามารถทำได้ไหม?
ทำได้อย่างแน่นอน!
เวลานี้ในสุดหล้าทะเล กล่าวได้ว่าได้รวบรวมผู้บำเพ็ญเซียนที่เก่งกาจยอดเยี่ยมที่สุดของโลกคุนชางเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
พลังบำเพ็ญขั้นต่ำสุดก็ยังอยู่ในขั้นยาทองระดับสี่เลยทีเดียว!
คนจำนวนมากนับพันคน ต่อให้สำนักอริยสัจแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็คงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายจากการรุมสังหารได้
เพียงแต่ว่าความคิดนี้ช่างอาจหาญบุ่มบ่ามเกินไป ยกเว้นกลุ่มคนจำนวนน้อยมาก ซึ่งไม่มีผู้ใดกล้าที่จะจินตนาการเลย
การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนได้ถูกแสดงออกมากันอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากมีการโจมตีเพียงไม่กี่พลังหรือสิบกว่าพลัง เสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงเองก็คงไม่หนักใจอะไร
แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่สิบกว่าพลัง แต่มีนับร้อยนับพันพลังเลยทีเดียว
มันช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
มดจำนวนมากก็สามารถที่จะกัดจนช้างตายได้ ซึ่งบรรยายได้ถึงสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
เพียงพริบตาเดียว เฉินฉางเฟิงก็ถูกพลังโจมตีเข้าใส่จนกระเด็นไปไกล แต่แน่นอนว่า เขาก็ได้สังหารยอดฝีมือไปอีกนับสิบคน
ส่วนเสิ่นฉงที่อาศัยการป้องกันของเฉินฉางเฟิงนั้น ได้กวัดแกว่งกระบี่ยาวที่อยู่ในมือ พลังลำแสงที่สะเทือนเลือนลั่นก็ได้โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรง
แต่พวกยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเจ็ดนั้น ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกันไว้ล่วงหน้าแล้ว
โดยที่ไม่ได้ปล่อยโอกาสให้กับเสิ่นฉงอีก
ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเจ็ดจำนวนสิบกว่าคนได้ลงมือพร้อมกัน ต้านทานพลังโจมตีของเสิ่นฉง และยังได้ตอบโต้ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อันน่าสะพรึงกลัวกลับใส่เสิ่นฉงอีกด้วย
เสิ่นฉงกระเด็นไกลออกไปนับพันเมตรอีกครั้ง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาอย่างไม่หยุด
อาการบาดเจ็บยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก
แต่ในเวลานี้เอง สองเงาร่างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด ก็พุ่งตรงมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว
ในขณะที่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไร้ขอบเขตนั้นได้จู่โจมเข้าใส่ เงาร่างหนึ่งในนั้น ก็พลันชี้นิ้วออกไป พลังที่มองไม่เห็นก็ขวางกั้นอยู่ที่เบื้องหน้าของเสิ่นฉง
ตูม—-
เสียงสะเทือนเลือนลั่น ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า
ม่านพลังกั้นที่มองไม่เห็นได้แหลกสลายลงในพริบตา แต่ก็ขัดขวางพลังการโจมตีได้เป็นจำนวนมาก ทันใดนั้น ผู้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็มาอยู่ที่ด้านข้างของเสิ่นฉง พร้อมกับดึงตัวของเธอมาอยู่ที่ด้านหลังของตนเอง
เวลานี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งหยุดการโจมตีลงทั้งหมด
เพราะว่าพวกเขาเห็นแล้วว่าผู้ที่มานั้นคือใคร!
เจ้าสำนักอริยสัจ!
ส่วนเสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงที่อยู่ในอาการบาดเจ็บนั้น มองเห็นศิษย์พี่เจ้าสำนักของตนเองมาถึงแล้ว ในที่สุดก็ถอนหายใจยาว
สภาพจิตใจที่ตื่นตระหนกอย่างที่สุด ก็ผ่อนคลายเบาใจลงได้แล้ว
ในเมื่อศิษย์พี่ของตนมาถึงแล้ว ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว
ในสายตาของพวกเขา เจ้าสำนักของตนก็คือศิษย์พี่ ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาอะไร ก็สามารถที่จะได้รับการช่วยเหลือแก้ไขได้โดยง่ายดาย
เจ้าสำนักอริยสัจมองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ โดยที่สภาพการณ์บริเวณโดยรอบในเวลานี้นั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตื่นตะลึงไม่น้อยเลยทีเดียว
ต้องจำใจยอม เพราะสถานการณ์ที่ผู้บำเพ็ญเซียนนับพันคนกำลังทะเลาะแย่งชิงกันนั้น แม้แต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ช่างน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก
มองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เจ้าสำนักอริยสัจก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดขึ้นว่า พวกสหายทั้งหลาย วันนี้สำนักอริยสัจของเรา จุดประสงค์ไม่ได้อยู่ที่การแย่งชิงสมบัติล้ำค่านั้น แต่เป็นหลินชางฉอง ในเมื่อสหายทั้งหลายต่างสนใจในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ ถ้าอย่างนั้นสำนักอริยสัจของเราก็จะนำสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ออกมา มอบให้กับสหายทั้งหลายเพื่อไปแย่งชิงกันเองก็แล้วกัน!
ได้ยินที่เขาพูดแล้ว เสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็ตกอกตกใจขึ้นในทันที
เสิ่นฉงพูดขึ้นด้วยความเหลือเชื่อว่า ศิษย์พี่ สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าชั้นดิน จะส่งมอบออกไปได้อย่างไร?
เฉินฉางเฟิงเองก็พูดขึ้นว่า ถูกต้อง ศิษย์พี่ ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด!
เจ้าสำนักอริยสัจไม่ได้สนใจทั้งสองคนนั้น โดยหันหน้ามองไปที่เสิ่นฉงและพูดขึ้นว่า ศิษย์น้อง นำสมบัติล้ำค่านั้นมาให้ฉันเถอะ!
เสิ่นฉงไม่อยากที่จะทำแบบนั้น เพราะว่าเธอกับเฉินฉางเฟิงทั้งสองคน เป็นเพราะสมบัติล้ำค่าสูงสุดชิ้นนี้ ถึงขนาดต่อสู้อย่างสุดกำลังจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้แล้ว ซึ่งในตอนนี้จะต้องนำมันมอบออกไป ก็ยากที่จะทำใจยอมรับได้
ที่สำคัญกว่านั้นคือเสียหน้าเป็นอย่างมาก!
แต่เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของศิษย์พี่ ในที่สุดเธอก็ต้องนำตราประทับสีฟ้านั้นมอบออกไป
ตราประทับอยู่ในมือของเจ้าสำนักอริยสัจแล้ว
ทันใดนั้น แรงพลังรูปแบบอื่นก็เคลื่อนไหววนเวียนขึ้นมาอีกครั้ง
ถึงขนาดที่สามารถดึงดูดชักจูงดวงจิตของเขาได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สมบัติล้ำค่าสูงสุด!
สมบัติล้ำค่าสูงสุดที่แท้จริง!
หากจะพูดว่าถือกำเนิดขึ้นมาจากทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าชั้นดินนั้น อาจจะมองว่าเกินจริงไปบ้าง แต่ตราประทับสีฟ้านี้ มีระดับขั้นที่เหนือกว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของสำนักอริยสัจของพวกเขา
มิน่าล่ะที่ทำให้ทุกคนในที่นี่ต้องลงมือแย่งชิงกันขึ้น
มิน่าล่ะในตอนที่ถือกำเนิดขึ้น ถึงได้มีแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขนาดนั้น
เมื่อเห็นตราประทับสีฟ้านี้ เขาเองก็เข้าใจได้แล้ว
แต่ในเวลานี้ เขาเลือกตัดสินใจที่จะสละสิทธิ์!
นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด
ดังนั้น หลังจากที่หยุดชะงักลงไปเพียงชั่วครู่ เขาก็ได้นำตราประทับนั้นโยนออกไป ท่ามกลางสายตาที่สงสัยของทุกคน
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันขึ้น
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เจ้าสำนักอริยสัจจะมาถึงด้วยตัวเอง และยินยอมที่จะสละสิทธิ์ในการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ด้วย!
แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีเวลาที่จะไปคิดอะไรอื่นมาก
การที่สำนักอริยสัจยอมสละสิทธิ์แล้ว สำหรับพวกเขานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเลยทีเดียว
โดยทำให้พวกเขามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นอีก
จากนั้นผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากก็ตกอยู่ในสถานการณ์สู้รบแย่งชิงกันอีกครั้ง