จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 154 Dilufic
บทที่ 154 Dilufic
อาเฟิงเปิดประตูรถให้หลินหยุนเอง แล้วขับรถไป
รถคันดังกล่าวไปหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ในเขตชานเมืองหลินโจว
ชายหนุ่มวัยรุ่นที่สวมใส่ชุดสูทสีดำสามสี่คนวิ่งเข้ามา ช่วยอาเฟิงขับรถไปจอดไว้ที่จอดรถ
ส่วนชายหนุ่มอีกสองคน เคารพนบนอบอาเฟิงและหลินหยุนที่เดินเข้าประตูใหญ่ไป
ในคฤหาสน์หลังนี้ วิวทิวทัศน์งดงามมาก ยังสามารถเห็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากมาย สนามม้า สนามกอล์ฟ เป็นต้น
หลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว สองหนุ่มนั่นก็กลับไป หลังจากนั้นอาเฟิงก็พาหลินหยุนเดินเข้าไปข้างในต่อ
“นี่คือที่ไหน?” หลินหยุนเอ่ยถาม
อาเฟิงตอบกลับด้วยความเคารพว่า “นี่คือDilufic โรงแรมที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีเกียรติสูงสุดในเมืองหลินโจว ”
หลินหยุนเคยได้ชื่อของDiluficมาก่อน ว่ากันว่าเป็นโรงแรมที่ลึกลับที่สุดในเมืองหลินโจว ใช้สำหรับต้อนรับลูกค้าวีไอพี คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาได้เลย
และเป็นเพียงโรงแรมเดียวที่สามารถกดขี่อิมพีเรียลคอร์ทได้
รอบๆของห้องพักมีการตกแต่งที่มีสไตล์มาก แต่กลับว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงความหรูหรา ไม่เหมือนกับในอิมพีเรียลคอร์ทนั่น ไม่ว่าตรงไหนก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหรูหรางดงาม ราวกับว่าเตือนสติลูกค้าที่เข้าไปอยู่ตลอดเวลา ในนี้เป็นระดับไฮเอนด์ ทรงเกียรติภูมิมาก
ผ่านรอบนอกของห้องพักแล้ว อาเฟิงพาหลินหยุนไปถึงห้องที่ยิ่งจะกว้างขวางมาก ในนี้มีเครื่องดนตรีโบราณอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงทันสมัยอีกมาก
เป็นการผสมผสานระหว่างโบราณและปัจจุบันได้อย่างลงตัว
ตรงกลางเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่หนึ่งตัว ยาวประมาณ 8 เมตร กว้าง 2 เมตร ฝีมือประณีตไร้ที่ติ
ทั้งสองข้างเป็นเก้าอี้สีขาวเนียน ฝีมือประณีตไร้ที่ติเช่นกัน
รวมถึงอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะเหล่านั้น คาดว่าน่าจะทำมาจากงาช้างของแท้
เมื่อเทียบที่นี่กับอิมพีเรียลคอร์ท ช่างเถอะ อิมพีเรียลคอร์ทเทียบไม่ติดเลย
อิมพีเรียลคอร์ทเปรียบเทียบได้กับคนที่เพิ่งร่ำรวยเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ออกไปโอ้อวดว่าตัวเองเจ๋งสุดๆ ครั้งแรกที่ได้เห็นรู้สึกสูงส่งร่ำรวย แต่คนที่มีรสนิยมที่แท้จริง รังเกียจที่จะไปสถานที่แบบนั้น มีแต่จะทำให้ลดรสนิยมของตัวเองให้ต่ำลง
และDiluficก็เปรียบได้กับชนชั้นสูงที่สืบทอดกันมากว่าพันปี ไปที่ไหนก็ถ่อมตัวไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจแต่ไม่สูญเสียคุณงามที่อยู่ภายใน อีกทั้งยังทำให้คนรู้สึกถึงความสง่างามของชนชั้นสูง และก็ไม่ทำให้คนรู้สึกถึงว่าหรูหรา งดงามและละเอียดอ่อนไปทั่วทุกที่
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นการเปรียบเทียบที่หยาบคายหน่อย อิมพีเรียลคอร์ทก็เปรียบได้กับโสเภณีที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้า โชว์เรือนร่างของตัวเองให้ผู้คนดูอย่างเหิมใจ
และ Diluficก็เปรียบกับหญิงงามในโบราณที่มีผ้าคลุมหน้า ทำให้ผู้คนอดใจไม่ได้ที่จะดื่มด่ำกับมัน
ในเวลานี้ มีคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ทั้งสองฝั่งของโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เจี่ยงสง เส้เทียนหัว หานกั๋วเฉียง เจิ้งเทียนหว้า เป็นต้น และยังมีอีกสองท่านที่หลินหยุนไม่รู้จัก คิดแล้วน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลในฉินโจวและผู้ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ในชิ่งโจว
แน่นอนว่า ผู้มีอิทธิพลทั้งสองท่านนี้ถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหลินหยุนแล้ว
เมื่อเห็นหลินหยุนเดินเข้ามา ทุกคนก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ยินดีต้อนรับปรมาจารย์หลิน!”
หลินหยุนตรงไปที่นั่งตำแหน่งหลักเลย พูดอย่างเรียบง่ายว่า “นั่งกันเถอะ!”
“ขอบคุณปรมาจารย์หลิน!”
กลุ่มคนถึงจะนั่งลง
หานกั๋วเฉียงมองไปยังหลินหยุนอีกครั้ง ในใจซับซ้อน คิดไม่ถึงว่าหนุ่มที่เขาเคยดูถูกคนนั้น ในเวลานี้เขาทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้นมอง
เจี่ยงสงตบมือแล้ว ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก มีบริกรสาวรูปร่างสูงสวมชุดกี่เพ้าสามสี่คนทยอยกันเดินเข้ามา
ในมือของแต่ละคนถือจานขาวหยกที่ละเอียดอ่อนมา วางลงบนโต๊ะ
รับประกันว่าตรงหน้าของแต่ละคนจะมีทั้งหมดสี่จาน
ในจานก็จะมีพวกผลไม้ที่แปลกๆ ดูแล้วสีฉูดฉาด เหมือนดอกไม้สีชมพู เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ผลิตโดนชนชาติจีน
เจี่ยงสงยิ้มพร้อมพูดด้วยความเคารพว่า “ปรมาจารย์หลิน ผลไม้เหล่านี้เป็นผลไม้สดใหม่ที่ส่งมาทางอากาศจากอเมริกาใต้ คุณลองชิมดู!”
“โอเค” หลินหยุนก็ไม่เกรงใจ ถ้าหากเขาไม่กิน เชื่อว่าคนเหล่านี้ที่นั่งกันอยู่ก็ไม่มีใครกล้ากิน
บอกว่าเป็นงานเลี้ยงฉลอง สู้บอกว่าเหล่าผู้มีอิทธิพลมารายงานสถานการณ์ให้หลินหยุนฟังน่าจะดีกว่านะ
“อำนาจของบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปได้ถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปได้ถอนตัวออกจากหลินโจวทั้งสิ้น แต่ว่าบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากว่าหลายพันล้าน ยังไม่สามารถฆ่าพวกมันให้สิ้นซากได้”
“แต่ว่า แม้ว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งในที่อื่น ก็ทำได้เพียงยืดชีวิตไปวันๆ ไม่คุณค่าพอที่จะกังวล”
เจี่ยงสงเป็นผู้รายงานก่อน
หลินหยุนฟังการรายงานจากผู้มีอิทธิพลสามสี่คนในDiluficที่ทั้งชีวิตของคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย มีเรื่องบางอย่างเกิดที่โรงเรียนแล้ว
เหยียนเสวเหวินพาจางเหมิงขี่รถด้วยความเร็วสูง เกิดอุบัติเหตุแล้ว โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต
แต่ว่าทั้งสองคนก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลเซ็นเตอร์แห่งหลินโจวแล้ว
หลังจากที่เพื่อนๆหอพักเดียวกับจางเหมิงรู้เข้า ก็ซื้อของ ไปเยี่ยมแล้ว
โหลวจิ้งโยวโทรศัพท์หาฉินโส่วแล้ว เธอคิดว่าเพื่อนผู้ชายในหอพักของฉินโส่วก็น่าจะไปเยี่ยมเหมือนกัน ถึงยังไงก็เคยกินข้าวด้วยกันสองมื้อ ถ้าไม่ไปก็อาจจะดูไม่ดี
โดยเฉพาะโหลวจิ้งโยวที่ยืนอยู่ตรงกลางนั่น
แฟนสาวกำชับแล้ว ฉินโส่วจะต้องทำตามสิ่งที่สั่งให้สุดความสามารถ
แต่ว่านายปล่อยให้ไอ้หมอและสิบแปดมงกุฎแล้วก็ไอ้หิน กินมาม่าเพื่อเลี้ยงชีพอยู่บ่อยๆเช่นนี้ ซื้อของขวัญไปเยี่ยมจางเหมิง!
ภารกิจเช่นนี้เหมือนว่าค่อนข้างลำบากนะ
ต้องโทษที่จางเหมิงปกติแล้วชอบหยิ่งผยองจอมบงการ ไม่งั้นแม้ว่าคนพวกนี้จะจนแค่ไหน ก็สมควรที่จะไปเยี่ยม
ดังนั้น ฉินโส่วทำได้เพียงซื้อของขวัญให้ทุกคนไว้เรียบร้อยด้วยตัวเอง หลังจากนั้นพูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด เพื่อนๆในหอพักถึงจะตอบตกลงที่จะไปเยี่ยมจางเหมิง
แต่ว่าขาดไปหนึ่งคน หลินหยุนออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา
ฉินโส่วเพื่อทำให้แฟนมีความสุข จัดการอย่างสุดกำลังจริงๆ โทรศัพท์หาหลินหยุนทันที ถามหลินหยุนว่าอยู่ที่ไหน?
และแน่นอนว่า จะต้องขอร้องให้หลินหยุนไปเยี่ยมจางเหมิงที่โรงพยาบาลเซ็นเตอร์ นี้ไม่ใช่การเยี่ยมผู้ป่วยที่ธรรมดาๆ แต่เป็นการยกระดับเกียรติยศและความอัปยศอดสูของฉินโส่ว
หลินหยุนจำใจยอม ทำได้เพียงตอบรับปากไปก่อน เพื่อให้ฉินโส่วสงบนิ่งชั่วคราว
ภายในDilufic ผู้มีอำนาจทั้งเจ็ดเมืองใหญ่ต่างก็เงียบกริบ รอหลินหยุนวางสายโทรศัพท์ ถึงจะพูดต่อ
ถ้าหากฉินโส่วเห็นภาพฉากนี้ คาดว่าให้กล้าดียังไงก็คงไม่กล้าให้หลินหยุนมาเยี่ยมจางเหมิงที่โรงพยาบาลเซ็นเตอร์
เมื่อคุยสายกับฉินโส่วเสร็จแล้ว หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะเงียบเล็กน้อย ตอนที่เขามาจางเหมิงยังพูดเรียกอย่างกับผีกับเขาที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่เลย นี้เพิ่งจะเท่าไหร่เองก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
นี้ถือว่าเป็นกรรมตามสนองหรือเปล่า?
ทางหลินหยุนยังคงฟังพวกผู้มีอิทธิพลรายงานต่อไป ฉินโส่วและพวกได้มาถึงโรงพยาบาลเซ็นเตอร์แล้ว ไปหาห้องผู้ป่วยของจางเหมิง
โหลวจิ้งโยวและจางเหมิงพร้อมเพื่อนร่วมหอพักสามสี่คนของจางเหมิง ห้อมล้อมอยู่รอบกายจางเหมิง บางคนก็ปลอกแอปเปิลให้จางเหมิง บางคนก็ป้อนน้ำให้จางเหมิง
“เหมิงเหมิง ฉินโส่วพวกเขามาเยี่ยมแกแล้ว!”
เมื่อเห็นฉินโส่วและพวกเข้ามา โหลวจิ้งโยวก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้นมาทันที แล้วมองไปยังฉินโส่วด้วยสายตาที่เห็นดีเห็นชอบ
ทันใดนั้นฉินโส่วก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเหนื่อยแล้ว
“จางเหมิง เป็นยังไงบ้าง?ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” ฉินโส่ววางของเยี่ยมลง เดินเข้าไปถามไถ่
ไอ้หมอ เทพฟ้าผ่าและพวก ทำเพียงวางของเยี่ยมลง ยื่นอยู่ข้างๆไม่พูดอะไรออกมา
ท่าทีที่จางเหมิงมีต่อหลินหยุนและพวกเขาก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังโดยสิ้นเชิง ถึงอย่างไรของเยี่ยมก็เป็นฉินโส่วเองที่ซื้อมา พวกเขาก็แค่เอามาให้แทนฉินโส่วเท่านั้น
จางเหมิงก็ไม่ได้สนใจ หรือว่าไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
“ไม่เป็นไร ก็แค่แผลถลอก พวกนายไม่ต้องมาเยี่ยมก็ได้!” จางเหมิงเอ่ยพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอบคุณที่พระเจ้าใส่ใจดูแล!” ฉินโส่วแสดงออกมาเหมือนมีความสัมพันธ์อันดีกับจางเหมิงยังไงอย่างนั้น เทพฟ้าผ่า ไอ้หมอและพวกที่เห็นต่างก็ดูถูกไปชั่วขณะ
พูดซะดิบดีว่าจะยอมเป็นโสด และจะไม่เป็นคนที่คนขี้ประจบ ฉินโส่ว คุณธรรมของนายมันหายไปไหนแล้ว?
“จริงด้วย เสวเหวินล่ะ?เขาเป็นยังไงบ้าง” จางเหมิงมองไปยังโหลวจิ้งโยวและพวก เอ่ยพูดว่า
“ไม่ต้องห่วง เขากำลังไปดำเนินเรื่องอยู่ข้างนอกนะ?เขาสวมหมวกกันน็อค ก็แค่ผิวหนังที่มือถลอกนิดหน่อย พยาบาลใช้ไอโอดีนล้างให้เขาแล้ว” โหลวจิ้งโยวเอ่ยพูดออกมา
“งั้นก็ดี!” จางเหมิงเหมือนยกภูเขาออกจากอก
คิดไม่ถึงว่าจางเหมิงจะรู้จักเป็นห่วงคนอื่นแล้ว ดูแล้วว่าครั้งนี้จางเหมิงน่าจะติดกับดักของเหยียนเสวเหวินแล้วจริงๆ
“ดีอะไร?”
ทันใดนั้น เสียงของชายที่กำยำดังขึ้นจากด้านนอกประตู
เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายที่อายุใกล้จะห้าสิบปี
สีหน้าของจางเหมิงเปลี่ยนไปทันที ก้มศีรษะและตะโกนเรียกว่า “พ่อ!”