จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 155 สงสัย
บทที่ 155 สงสัย
พ่อของจางเหมิงจ้องมองจางเหมิง ด้วยท่าทีที่เข้มงวด “ดีนะที่ในสายตาของแกยังมีพ่อคนนี้!”
“ใครพาแกไปขี่รถด้วยความเร็วสูง?”
จางเหมิงก้มหน้าลงทันที คิดไม่ถึงว่าพ่อจะรู้เรื่องไวขนาดนี้
จางเหมิงไม่พูดไม่จาอะไร เพื่อนคนอื่นๆต่างก็รีบก้มหน้าลงทันที
พูดความจริง พ่อของจางเหมิงสมกับเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่าหลายพันล้าน มีลักษณะท่าทางที่เป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า
พวกนักเรียนเหล่านั้นกลั้นลมหายใจไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย
“พูดสิ?ใครเป็นคนพาแกไปขี่รถด้วยความเร็วสูง?” พ่อของจางเหมิงถามออกไปอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวด
น้ำเสียงของจางเหมิงเบาเหมือนกับยุง “เป็นหนูเองค่ะ”
“ฮึ พูดมั่วซั่ว แกขี่รถไม่เป็นด้วยซ้ำ!ยังจะมาโกหกพ่อนะ!” พ่อของจางเหมิงพูดตำหนิ
ในเวลานี้ ที่ประตูก็มีเสียงที่ห่วงใยแพร่ซ่านเข้ามา “เหมิงเหมิง คุณเป็นยังไงบ้าง?ผมจ่ายค่าแอดมิทที่โรงพยาบาลให้แล้ว คุณพักฟื้นอย่างสบายใจได้เลยนะ……”
เหยียนเสวเหวินก้าวเท้าเข้ามา ในอ้อมแขนยังกอดหมวกกันน็อคไว้
ทันใดนั้นเบื้องหน้าของจางเหมิงก็คล้ำมืด อยากตายขึ้นมาแล้ว
นี้ถือว่ามาถึงที่เลยใช่ไหม?
ฉินโส่วเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว เกือบจะหัวเราะออกมา
เหยียนเสวเหวินมาได้บังเอิญพอดี!
ทันใดนั้นสีหน้าของพ่อจางเหมิงก็ขรึมลงทันที สายตาที่มองไปยังเหยียนเสวเหวิน เยือกเย็นเหมือนเกล็ดน้ำแข็งในเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติยังไงอย่างนั้น
“นายมาได้เวลาพอดีเลย นายเป็นคนทำให้ลูกสาวของฉันได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
น้ำเสียงนี้ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสะทกสะท้านเลย
ปกติเหยียนเสวเหวินเป็นคนที่หยิ่งผยองมาก แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงเด็กมหาวิทยาลัยที่ยังไม่จบ เมื่ออยู่เบื้องหน้าพ่อของจางเหมิงเจ้านายที่อยู่ตำแหน่งสูงมาเนิ่นนานแบบนี้ จากที่เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็กลายเป็นแกะน้อยเลย
“คุณอา คุณอาครับ เหมิงเหมิงยินยอมเองนะครับ!” เหยียนเสวเหวินโดนพลานุภาพของพ่อจางเหมิงจนตกใจ ในเวลานี้คิดได้แค่ให้ตัวเองพ้นมลทิน คำพูดที่พูดออกมาไม่ได้กลั่นมาจากสมองเลย
จางเหมิงตกตะลึง มองไปยังเหยียนเสวเหวินอย่างเหลือเชื่อ เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังพูดได้เพราะเสนาะหูอยู่เลย สาบานว่าไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ยอมทำเพื่อฉัน
ตอนนี้พอเจอผู้ปกครองแล้ว ก็ทิ้งเธอเลย
ฉินโส่วและพวกก็ดูถูกทันที คิดไม่ถึงว่าเหยียนเสวเหวินที่ปกติเป็นคนที่เย่อหยิ่งมาก พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆจู่ๆก็จะขี้ขลาดขนาดนี้
พ่อของจางเหมิงสาดส่องสายตาที่มืดครึ้มเข้ามา สีหน้ากลับว่าเงียบสงบมาก
“อ้อ ความหมายของนายก็คือที่ลูกสาวของฉันได้รับบาดเจ็บเป็นเพราะเธอรนหาที่เองใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก แต่เมื่อได้ยินกลับเหมือนว่ากำลังลับมีดอยู่ นาทีถัดไปก็เตรียมพร้อมที่จะฆ่าคนแล้ว
เหยียนเสวเหวินอึ้งไปชั่วขณะ ในเวลานี้ถึงได้ตระหนักถึงว่าเมื่อกี้ที่ตัวเองตอบกลับไปนั่นช่างโง่เหลือเกิน
ที่พ่อของจางเหมิงถามก็เป็นแค่เรื่องที่จางเหมิงได้รับบาดเจ็บ แต่เขากลับว่าเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนออกไปแล้ว
ในความจริงนั้น ก็คือผลกรรมของการมีมารร้ายอยู่ในใจ เหยียนเสวเหวินก็แค่อยากจะเล่นๆกับจางเหมิงเท่านั้น ที่พูดคำสาบานออกไปก็เป็นเรื่องจอมปลอมทั้งหมด
ตอนนี้จู่ๆก็โดนพ่อของจางเหมิงถามซึ่งๆหน้า ทันใดนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นทันที คิดว่าพ่อของจางเหมิงตำหนิที่เขาล่อลวงจางเหมิง ดังนั้นถึงได้พูดไปว่าจางเหมิงยินยอมเอง
หรือกว่าอีกนัยหนึ่งว่าดึงจางเหมิงออกมารับผิดชอบแทน
ความหมายที่แอบแฝงอยู่ก็คือ ลูกสาวของคุณยินยอมเอง คุณจะมาจัดการผมไม่ได้หรอกนะ!
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าพ่อของจางเหมิงไม่ได้ตำหนิที่ตัวเองล่อลวงลูกสาวของเขาเลย แต่ตำหนิว่าทำไมเขาไม่ระวังความปลอดภัย
เหยียนเสวเหวินมีความคิดที่อยากจะเอาหัวโขกให้ตายไปเลย
ตอนนี้กลบเกลื่อนคำโกหก ไม่รู้จะสามารถได้รับการให้อภัยจากพ่อของจางเหมิงได้หรือเปล่า?
ไม่ว่ายังไง ก็ต้องลองทำให้เต็มที่
เหยียนเสวเหวินก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โตขึ้นมาทันที ร้องพูดด้วยน้ำหมูกน้ำตาไหลว่า “คุณอาครับ ผมจริงใจกับจางเหมิงจริงๆนะ ผมสาบานต่อฟ้าได้เลย ผมชอบจางเหมิงด้วยใจจริง ถ้าหากผมโกหกแม้แต่คำเดียว ขอให้ฟ้าผ่าเลยครับ! ”
โครมคราม!
ฟ้าผ่าตอนกลางวัน!
เหยียนเสวเหวินตกใจจนฉี่แทบไหลแล้ว คุณพระ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้!
แต่ว่าก็ยังคงต้องแสดงละครต่อไป ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เรื่องที่ใกล้จะสำเร็จแต่กลับว่าล้มเหลวเลย ยังจะทำให้พ่อของจางเหมิงดูถูกตัวเองด้วย
ฉินโส่วและพวกมีสีหน้าที่ดูถูก แสดงละคร แสดงต่อไป แสดงได้เก่งมากจริงๆ!เหยียนเสวเหวินเหมือนว่าไม่ได้อยู่สาขาการแสดงนะ น่าเสียดาย เขาน่าจะอยู่สาขาการแสดงจริงๆ!
แต่ว่า จางเหมิงกลับว่าหลงเชื่อแล้ว ที่ว่ากันว่าผู้หญิงที่มีความรักไอคิวของเธอมันต่ำจนน่ากังวลมาก คำพูดนี้เป็นเรื่องจริงด้วย
“พ่อ หนูชอบเสวเหวินจริงๆนะ คุณอย่าทำให้เขาตกใจเลย!”
จางเหมิงมีสีหน้าที่คับแค้นใจ หมายความว่าคุณดูสิคุณทำให้ว่าที่ลูกเขยในอนาคตตกใจกลัวจนเป็นแบบนี้แล้ว!
แต่ว่า การแสดงคุณภาพต่ำของเหยียนเสวเหวินตบตาได้แค่จางเหมิง กลับว่าตบตาพ่อของจางเหมิงไม่ได้
“ฮึ ไอ้คนแบบนี้ คู่ควรที่จะคบหาลูกสาวของฉันเหรอ?ฝันไปเถอะ!”
จางเหมิงมองออก พ่อของเธอไม่ชอบเหยียนเสวเหวินอย่างแท้จริง
ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงพูดความจริงออกมา
“พ่อ เหยียนเสวเหวินช่วยเหลือครอบครัวเราไว้นะ!” จางเหมิงเอ่ยพูดเสียงดัง
พ่อของจางเหมิงอึ้งไปแล้ว เหล่ตาเล็กน้อย และมองไปที่เหยียนเสวเหวินอีกครั้ง
แต่ว่า ไม่ว่าจะมองยังไงเหยียนเสวเหวินก็ไม่เหมือนคนที่มีอิทธิพลสั่งการเจี่ยงสงได้
จางเหมิงรู้ว่าพ่อของเขาไม่เชื่อ เอ่ยพูดต่อว่า “ วันนั้นหนูขอความช่วยเหลือเพื่อนๆเหยียนเสวเหวินก็ให้พ่อของเขาไปหาเพื่อนที่สำนักภาษี และหนูก็ได้ทำการยืนยันแล้ว เพื่อนของพ่อเขาคนนั่นที่อยู่สำนักภาษี แซ่หลิน!”
ในเวลานี้ พ่อของจางเหมิงเชื่อนิดหน่อย
เขาตามหามาโดยตลอดว่าใครเป็นคนช่วยครอบครัวของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลยสักนิด และในสถานการณ์ของเหยียนเสวเหวินก็สอดคล้องกันมาก
และถ้าหากเป็นผู้บัญชาการหวางของสำนักภาษีที่ออกหน้ามาช่วยเหลือจริงๆ บางทีท่านเจี่ยงอาจจะเห็นแก่หน้าจริงๆ
แต่ว่า พ่อจางเหมิงไม่ใช่คนที่หลอกลวงได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผู้มีพระคุณของครอบครัวพวกเขา ไม่อาจทำแบบสุกเอาเผากินได้
พ่อจางเหมิงมองยังเหยียนเสวเหวิน พูดถามว่า “เป็นนายเหรอที่ช่วยเหมิงเหมิง?”
เหยียนเสวเหวินรีบพยักหน้าทันที
“พ่อของนายบอกนายเองกับปากเลยเหรอ?” พ่อจางเหมิงเอ่ยถามต่อ
เหยียนเสวเหวินส่ายหน้า “พ่อผมไม่ได้บอกผม แต่ว่าเขาไปหาเพื่อนแซ่หลินคนนั้นที่สำนักภาษีให้ช่วยเหลือจริงๆ และอาหลินก็ตอบตกลงแล้ว”
“งั้นนายโทรหาพ่อของนายตอนนี้เลย ยืนยันอีกครั้ง!” พ่อจางเหมิงพูดอย่างเข้มงวด
“พ่อ คุณจะทำแบบนี้ได้ไง!หนูถามไปตั้งนานแล้ว นอกจากเหยียนเสวเหวิน ไม่มีทางเป็นเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆแน่นอน!คุณให้เขาโทรไปถามเรื่องนี้ จะทำให้ลุงเหยียนคิดว่าเราสงสัยเขานะ !”
พ่อจางเหมิงเงียบขรึมแล้วที่จางเหมิงพูดก็มีเหตุผล แต่ว่า……
“ไม่ได้ เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา จะต้องยืนยันให้ชัดเจน!”
จางเหมิงร้อนใจจนอยากจะลุกขึ้นจากเตียง นี้ยังไม่ชัดเจนพอเหรอ?ยังจะต้องยืนยันอะไรอีก!
ในเวลานี้ หลินหยุนถือผลไม้ที่อยู่ในตะกร้าครึ่งวงกลมที่เหลือจากที่Dilufic เดินเข้ามา
สำหรับจางเหมิง หลินหยุนมีเพียงความรู้สึกเกลียดชัง ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของฉินโส่ว เขาก็คงไม่มา
ดังนั้น หลินหยุนก็ไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร ถ้าหากไม่ใช่ว่ามามือเปล่าแล้วดูไม่ดี แม้แต่ผลไม้ในตะกร้าครึ่งวงกลมที่เหลือนั่นก็คงไม่เอามาด้วย
แน่นอนว่า จางเหมิงก็รู้สึกเกลียดชังหลินหยุนมากๆเหมือนกัน นักศึกษาจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ไปเป็นบริกรที่ผับบาร์ ในเมื่อไม่มีเงินก็ไม่ต้องมาเรียนที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์สิ!
ทำไมยังจะต้องไปทำงาน น่าขายหน้าชะมัด!
ดังนั้น เมื่อจางเหมิงเห็นหลินหยุน ขมวดคิ้วแน่นเลย
โดยเฉพาะที่เห็นหลินหยุนถือตะกร้าผลไม้ครึ่งวงกลมมา และผลไม้นั่นก็ไม่รู้ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร นี้ทำให้เห็นได้ชัดว่ามาทำให้อับอายไม่ใช่เหรอ?
จางเหมิงกำลังเป็นกังวลที่ไม่มีวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของพ่อได้ เมื่อเห็นหลินหยุน ทันใดนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างเฉียบไว พูดตะโกนอย่างโมโหว่า “หลินหยุน นายมาทำไม?”
“ในมือของนายเอาอะไรมาด้วย?”
“ตะกร้าผลไม้ครึ่งวงกลมที่คนกินเหลือ!”
“นายตั้งใจมาทำให้ฉันอับอายใช่ไหม?”
เมื่อจางเหมิงแผดเสียง ทันใดนั้นก็ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลินหยุนแล้ว
ฉินโส่วปิดหน้าเลยทันที หลินหยุนนะหลินหยุน ถ้านายไม่มีเงินก็บอกฉันสิ ฉันจะโอนไปให้นายเอง นายมาเยี่ยมคนป่วยนะ ยังไงก็เสแสร้งหน่อยสิ ถือตะกร้าผลไม้ครึ่งวงกลมมา แถมยังเป็นผลไม้ที่คนอื่นกินเหลืออีก แม้แต่ฉันเองยังรู้สึกขายขี้หน้าเลย!