จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 178 ลองทดสอบดู
กลุ่มคนพวกลูกพี่ใหญ่หลายคนก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา รีบแอบด่าขึ้นมาว่า “เม้ง ไอ้จางกั๋วเหาคนนี้หัวไวชะมัดเลย ถ้าจัดการปรมาจารย์หลินได้ เป็นผลงานชิ้นโบแดงเลยนะ!”
“เอามาเป็นความดีความชอบที่ใช้อ้างในการแปรพักตร์เข้าสำนักยินซือ อาจไม่แน่ว่าถ้าเจ้าสำนักเกิดดีใจขึ้นมา จะตกรางวัลวิชาเพลงฝึกบู๊สักเล่มก็ได้ ต่อไปพวกเราก็จะได้เดินยืดอกกันได้แล้ว!”
ลูกพี่ใหญ่คนอื่นที่เหลือ ต่างก็คิดเสียดาย แอบด่าว่าจางกั๋วเหาเจ้าเล่ห์เพทุบาย
สำหรับเมื่อครู่ที่หลินหยุนหยุดยั้งการเปิดศึกรบของทั้งสองฝ่าย โดยใช้วิชายิงตะวันยิงลูกศรลำแสงสีเขียวข้ามมา พวกเขาก็ลืมที่จะนึกถึงตัวหลินหยุนเลย
ชายหนุ่มชุดดำกวาดสายตาไปยังจางกั๋วเหาที่อยากทำผลงาน ดวงตาเปล่งประกาย ตอบตกลงว่า “ได้”
จางกั๋วเหาก็ดีใจหัวเราะเสียงดังลั่น มองไปยังกลุ่มลูกพี่ใหญ่คนอื่นที่เหลือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ
“ท่านทั้งหลาย ผลงานชิ้นนี้ ฉันขอรับไปก่อนนะ!”
“ยินดีด้วยลูกพี่ใหญ่จาง!” พวกลูกพี่ใหญ่คนอื่นพูดด้วยน้ำเสียงพิกล เมื่อมองเห็นสายตาริษยาของกลุ่มผู้คนทั้งหลาย จางกั๋วเหายิ่งรู้สึกสะใจ หันไปสั่งลูกน้องฝีมือดีที่สุดสองคนว่า
“อะหลงอะหู่ พวกแกสองคนลุยเข้าไปพร้อมกัน ไปจับไอ้ปรมาจารย์หลินนั้นมา มอบให้เจ้าสำนักจัดการ!”
“ครับ!”
อะหลงกับอะหู่มองไปยังหลินหยุนที่อยู่ตรงข้าม ใบหน้าแสดงความเหยียดหยามอย่างมาก
“ไอ้หนูน้อยสร้างเรื่องโกหกหลอกลวง บุญวาสนาของแกแต่ชาติไหน ถึงกับต้องให้พวกฉันสองคนพี่น้องต้องลงมือเอง กลัวทำให้มือของพวกฉันเปื้อนจัง!”
อะหลงบ่นไปด้วยท่าทีดูถูกเหยียดหยาม
อะหู่เตือนว่า “อย่าถือโทษโกรธเลย อย่าประมาท รีบทำงานในหน้าที่ให้เสร็จสิ้น ป้องกันความผิดพลาด!”
“รู้แล้ว!” อะหลงตอบแบบรำคาญใจ ในใจก็แอบยิ้มเยาะว่าอะหู่ก็ระวังตัวเกินเหตุไป
อะหลงมองไปยังหลินหยุน ตะโกนอย่างไม่ใส่ใจ “ไอ้หนูน้อย แกจะยอมให้จับดีๆ หรือจะให้ฉันลงมือเก็บแกด้วยตัวฉันเอง?”
หลินหยุนค่อยๆเดินเข้าไป ชุดกีฬาสีขาวดูโดดเด่นเป็นพิเศษ มีความรู้สึกว่าราวกับนกกระเรียนในฝูงไก่
“พวกแกทั้งสองคนมาพร้อมกันเลย!” สีหน้าหลินหยุนไร้ความรู้สึกน้ำเสียงเรียบเฉย ก็เหมือนกำลังพูดว่า ผักกาดขาวนี้ราคากิโลกรัมละเท่าไหร่?
อะหลงพูดด้วยเสียงเย็นชา “จะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเสแสร้งแกล้งทำดูดี! วันนี้ฉันจะเปิดโปงแกเอง!”
อะหลงสีหน้าดูถูก ชกหมัดออกไป
ถึงแม้ว่าอะหลงไม่ใช่นักบู๊ แต่ก็เคยฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์มาเจ็ดปี คนเดียวสู้กับคนธรรมดาทั่วไปสิบกว่าคนก็ไม่เป็นปัญหา
หมัดนั้น ถึงแม้ว่าไม่มีพลังชี่แท้ แต่ก็ดูเหมือนพลังแรงที่ยิ่งใหญ่โหมกระหน่ำเข้ามา
จางกั๋วเหาที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะด้วยความสะใจ “ทุกท่าน ปรมาจารย์หลินก็จะถูกจับได้ในทันที พวกท่านคิดว่า เจ้าสำนักจะตกรางวัลอะไรให้ฉันล่ะ?”
จางกั๋วเหามีความมั่นใจสูงมาก เกือบจะต้องเตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะแล้ว แต่ว่า เขารู้สึกว่าสีหน้าของพวกลูกพี่ใหญ่ดูแปลกไปทันควัน จึงรีบหันหน้าไปดูที่สนามต่อสู้
พอดีได้เห็น ร่างของอะหลงกระเด็นข้ามมา เสียงดังแป๊ะ ตกลงมาตรงหน้าตัวเองพอดี ส่วนศีรษะถึงกับหมุนได้เป็นรอบ
“โอ๊ย!”
จางกั๋วเหาตกใจร้องเสียงดัง แล้วรีบถอยหลังออกไป
อาฮู่หน้าถอดสีทันที รีบเดินเข้าไปดูศพของอะหลง เมื่อเห็นว่าอะหลงตายแล้ว อะหู่ก็เสียใจมาก
“ก็บอกแกแต่แรกแล้วว่าอย่าประมาท แกก็ไม่ฟัง!”
อะหู่เอามือยื่นไปปิดตาของอะหลง
หันหน้ามา อะหู่จ้องหน้าหลินหยุนด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“เอาชีวิตน้องฉันคืนมา!”
อะหู่เหมือนเสือชีตาห์ตัวหนึ่ง กระโจนข้ามมา พุ่งตรงไปยังส่วนใต้เอวของหลินหยุน
สีหน้าหลินหยุนเรียบเฉย รอให้อะหู่เข้ามาใกล้ แล้วยกขาเตะออกไป
โป้ง!
ร่างของอะหู่ก็เหมือนว่าวที่สายขาดกลางอากาศ กระเด็นถอยออกไป
ทั้งสนามต่อสู้ก็เงียบสงัด!
พวกผู้คนที่เคยหัวเราะเยาะปรมาจารย์หลินเมื่อครู่นั้น ทุกคนล้วนตกใจตาค้าง
“มันเป็นไปได้อย่างไร!”
“สองคนนั้นฉันรู้จัก เป็นมือปืนฝีมือดีของลูกพี่ใหญ่จางกั๋วเหาของเมืองหวยหยาง คราวก่อนฉันเคยเห็นเขาคนเดียวสู้กับสิบกว่าคน ทำไมแค่กระบวนท่าเดียวของปรมาจารย์หลินก็รับไม่ไหวแล้ว?”
“หรือว่าปรมาจารย์หลินเหมือนที่เขาลือกันเป็นเรื่องจริง ความเก่งกล้าสามารถครอบคลุมไปทั่วหล้า!”
“ก่อนหน้านี้พวกเราพูดดูถูกปรมาจารย์หลินไว้ เขาจะโกรธแค้นรึเปล่า?”
พวกกลุ่มคนทั้งหลายต่างตกใจขวัญกระเจิง
จางกั๋วเหาสีหน้ามึนงง กว่าจะตั้งสติขึ้นมาได้ มองดูศพทั้งสองบนพื้น ลูกพี่ใหญ่แห่งเมืองหวยหยาง ถึงกับร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กเล็กก็ไม่ปาน
“เป็นไปได้อย่างไร! เป็นไปได้อย่างไร? อะหลงอะหู่เป็นลูกน้องฝีมือเก่งสุดของฉัน ถูกปรมาจารย์หลินฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว!”
จางกั๋วเหาและลูกพี่ใหญ่เมืองทางเหนือทั้งสิบคนอื่นๆ มองไปยังหลินหยุน ไม่มีสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป
กลับแทนที่ด้วยความรู้สึกที่เคารพยำเกรงอย่างสุดซึ้ง!
ลูกน้องปลายแถวของเมืองทางใต้ทั้งเจ็ด ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“ชนะแล้ว ชนะแล้ว?”
“ปรมาจารย์หลินสุดยอดจริงๆ! ใช้แค่หมัดเดียวก็ชกอะหลงอะหู่ตายได้ เมื่อสองวันก่อนพวกเราประมือกับพวกเขาสองคน พวกเราสิบกว่าคน ถูกพวกเขาสองคนกระทืบจนย่ำแย่กันไปหมด!”
“มิน่าล่ะ ถึงว่าลูกพี่พวกเราต่างก็นอบน้อมต่อปรมาจารย์หลินกันทั้งนั้น ฉันนึกว่าลูกพี่พวกเราถูกหลอกเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์หลินจะมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้!”
“เมื่อกี้พวกเราด่าว่าปรมาจารย์หลิน ไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือเปล่า”
ลูกน้องปลายแถวบางคนรู้สึกใจไม่ดี
ซูจื่อเหลียงและพวกควีนจิน ไม่มีอาการตกใจใดๆทั้งสิ้น สองคนนั้นไม่ใช่นักบู๊ แล้วจะสู้กับหลินหยุนได้อย่างไร?
ถูกหลินหยุนสังหารชั่ววิเดียว เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว
ชายหนุ่มชุดดำมองไปยังหลินหยุน สายตาล้ำลึก กำลังจะเดินเข้าไป ลูกน้องสองคนก็พูดขึ้นว่า“ท่านอาจารย์ คนนี้พลังล้ำลึกจนยากที่จะหยั่งถึง ได้ข่าวว่าเขาเป็นคนของสำนักอัคคี สามารถควบคุมเพลิงไฟได้!”
“คนที่ฆ่าศิษย์พี่ใหญ่ และศิษย์น้องห้าศิษย์น้องเก้า ต้องเป็นเขาแน่นอน!”
“ศิษย์จะเข้าไปทดสอบดูตื้นลึกหนาบางของเขาก่อน แล้วอาจารย์ค่อยลงมือทีหลัง!”
ชายหนุ่มชุดดำพยักหน้า สายตาแสดงความอุ่นใจ “ไปสิ ระวังตัวด้วย!”
“ครับ!”
เจ้าสองเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านปรมาจารย์หลิน ขอคำชี้แนะด้วย!” พูดจบ เจ้าสองก็ร่ายมนตร์วิชาศพทองแดง กลายร่างเป็นผีดิบที่สูงกว่าสองเมตร พลังความเร็วการปกป้องภัยก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ถึงแม้เคยเห็นการกลายร่างของเจ้าสามแล้ว แต่เมื่อได้เห็นการแปลงร่างของเจ้าสองแล้ว ทุกคนก็ยังอดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้
มองดูท่าทางเหมือนเตรียมเผชิญศึกใหญ่ของเจ้าสองแล้ว หลินหยุนยิ้มอย่างเรียบง่าย “แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก เรียกอาจารย์แกออกมา!”
เจ้าสองก็ตอบด้วยเสียงต่ำว่า “มันก็ไม่จำเป็น!”
หลินหยุนไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดฝ่ามือออกไป
“สิบแปดท่าต้าเต๋า ท่าสยบเขา!”
การจู่โจมของหลินหยุน ดูเหมือนไม่มีพลังอะไรมากมาย ไม่ช้าและไม่เร็ว ราวกับชายชราที่กำลังร่ายรำไท้เก๊กอยู่ในสวนสาธารณะ แต่ว่า ในใจของเจ้าสองรู้สึกเหมือนมีคลื่นลมแรงใหญ่ถาโถมเข้ามา
ในสายตาของเขา ฝ่ามือของหลินหยุนราวกับเป็นมือที่ทำให้ท้องฟ้าแตกร้าว สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
“กรงเล็บเมฆา”
เจ้าสองไม่กล้ารีรอแม้แต่นิดเดียว รีบงัดท่าไม้ตายออกมาทันที
โป้ง!
ฝ่ามือของหลินหยุนจู่โจมอย่างง่ายดาย เหมือนไม่มีอะไรขวางกั้นอยู่ ทะลุแนวปกป้องภัยของเจ้าสอง ประทับรอยฝ่ามือลงบนหน้าอกของเจ้าสอง
เจ้าสองกระเด็นปลิวออกไปทั้งตัว
“ท่าที่สอง ท่าแยกน้ำ”
เสียงของหลินหยุนดังขึ้นอีกครั้ง
เจ้าสองตัวล่องลอยอยู่กลางอากาศ รู้สึกถึงความอันตรายที่ร้ายแรงที่สุด
“แย่แล้ว!”
เจ้าสองขับเคลื่อนพลังชี่แท้ทั่วร่าง ปกป้องหัวใจและส่วนสำคัญไว้ แล้วทดฝืนรับปะทะเต็มแรง
“โป้ง!”
เจ้าสองถูกฝีมือที่เหนือชั้นกว่าของหลินหยุน ฟาดลงไปจนลึกถึงชั้นใต้ดิน พื้นดินก็เกิดเป็นหลุมใหญ่รอยร่างคนขึ้นมา
ท่าสยบเขา ไม่ใช่สยบเฉพาะเขา แต่สยบสิ่งกีดขวางข้างหน้าทุกสิ่งทุกอย่าง
ท่าแยกน้ำก็เหมือนกันไม่เพียงแต่แยกน้ำ แต่เป็นการทำลายทุกสิ่งที่กีดกันอยู่ ทะลวงไปถึงจุดเป้าหมาย
แนวปกป้องภัยของเจ้าสองนั้น ในสายตาของหลินหยุน ไม่มีผลอะไรต่อเขาทั้งนั้น
เจ้าสองถูกฟาดลงดินไปแล้ว หลินหยุนก็ไม่ได้ลงมือต่อ แต่กลับหันไปยังชายหนุ่มชุดดำ แล้วพูดอย่างเรียบง่ายว่า
“ถึงคิวแกแล้ว!”
เงาร่างของชายชุดดำเริ่มขยับ แวบเดียวก็มาถึงข้างกายเจ้าสอง พยุงร่างเจ้าสองที่บาดเจ็บสาหัสสลบไสล ไปยังข้างหน้าของพวกกลุ่มเจ้าสาม
“ดูแลเขาให้ดีด้วย!”
พูดจบ หันหลังกลับค่อยๆเดินมายังหลินหยุน
ดำหนึ่ง ขาวหนึ่ง เงาร่างทั้งสองเผชิญหน้ากัน
บรรยากาศรอบๆตอนนี้มันดูเหมือนถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มชุดดำพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จากนี้ไปอีกหมื่นปี ทุกคนจะต้องจดจำชื่อฉันได้”
“ชื่อของฉันคือ ซูหนัน”