จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 192 ถ่ายทอด
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินหยุนก็หันกลับมาและมองที่อีหลิง “ฉันดูออกว่า ข่งอู่เป็นคนที่มีความจริงใจและรักความชอบธรรม พวกคุณสามารถอยู่ในตระกูลหานได้อย่างสบายใจ”
ในความเป็นจริง แม้ว่าหานเซี่ยนหัวรับตำแหน่งผู้มีอิทธิพลในลี่ชวน เขาก็ไม่กล้าทำอะไรอีหลิง เพราะยังไงอีหลิงก็เป็นลูกสาวบุญธรรมของควีนจิน
แม้ว่าอีหลิงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องราวทั้งหมด แต่ว่า เธอรู้สึกว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินหยุนเป็นอย่างมาก
เดิมทีวันนี้เธอและแม่ของเธอกำลังจะถูกขับไล่ออกจากบ้านอย่างน่าอับอาย การปรากฏตัวของหลินหยุน ได้พลิกวิกฤตกลับมาทันที
“ขอบคุณมาก หลินหยุน!”
เมื่อมองไปที่หลินหยุน อีหลิงรู้สึกใจสั่นหวั่นไหว
บางทีแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่เธอมีต่อหลินหยุน มันเปลี่ยนไปมาก
“ไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไร จำไว้ต้องบอกผม”
“ลาก่อน!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าให้กับควีนจิน และจากไปอย่างเรียบง่าย
เมื่อผ่านประตูไป ไม่แม้แต่จะมองเซี่ยหยู่เวยด้วยซ้ำ
“โอ้ โชคของไอ้เศษสวะคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ!” หลี่เหยนเยาะเย้ย
“ใช่แล้ว เดิมทีหานเซี่ยนหัวกำลังจะจัดการกับเขาแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าผู้มีอิทธิพลทั้งหลายและควีนจินมาถึงเสียก่อน ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่ผ่านพ้นวิกฤต แต่ยังสร้างจุดสนใจด้วย!”จ้าวกางรู้สึกอิจฉาริษยาและเกลียดชังเล็กน้อย
ในใจเซี่ยหยู่เวยมีความโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่หลินหยุนเดินผ่านเธอไป ไม่ยอมมองเธอด้วยซ้ำ
หลินหยุน ฉันไม่เชื่อว่านายจะราบรื่นทุกครั้ง ความบ้าคลั่งของนายสักวันนายจะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม!”
ควีนจินมองไปที่ข่งอู่และพูดว่า “ข่งอู่ ฉันขอถามนายอีกครั้ง ตำแหน่งผู้มีอิทธิพลในลี่ชวน” นายจะยอมรับหรือไม่?”
“แน่นอน ถ้านายไม่รับ ฉันจะบอกให้ปรมาจารย์หลินส่งคนอื่นมาแทน!”
ผู้มีอิทธิพลในสิบเจ็ดเมืองยอมรับนับถือปรมาจารย์หลิน เรื่องนี้ข่งอู่เข้าใจ พูดตามตรงคือควีนจินควบคุมดูแลหลิงหนานแทนปรมาจารย์หลิน ปรมาจารย์หลินเป็นเจ้าของที่แท้จริง
“ข่งอู่ รับไว้ซิ นายอยากให้ท่านหานนอนตายด้วยความกังวลใจหรือไง!” สมาชิกระดับสูงของตระกูลหานคนหนึ่งดวงตาแดงก่ำด้วยความกังวล
“รับไว้ซิ!” คนที่เหลือในตระกูลหานทุกคนกังวลใจจนอยากตอบตกลงแทนข่งอู่
ข่งอู่จนปัญญา ก้มหัวลงและพูดว่า “ขอบคุณควีนจินสำหรับความรักที่มอบให้ ข่งอู่จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลลี่ชวน!
ควีนจินพยักหน้า “ดีมาก!”
……
พลบค่ำ
ทะเลสาบเยว่หยา ตึกว่างเยว่วิลล่า
บนดาดฟ้า มีหนุ่มสาวชุดดำสองคนยืนอยู่
หนึ่งในนั้น มีลมหายใจแผ่วเบา แม้ว่ายืนอยู่ที่นั่นอย่างชัดเจน แต่เหมือนว่าไม่มีตัวตน ดูเหมือนจะถูกรวบรวมเข้ากับฟ้าดิน
อีกคนหนึ่ง หล่อเข้ม คิ้วชี้ขึ้น และดวงตาคมลึกเปล่งประกายดั่งดวงดาว ราวกับมีดที่พึ่งชักจากคมดาบ
“แผลหายดีแล้วเหรอ?” หลินหยุนถามเบาๆ
“ดีแล้ว” ซูหนันก้มหน้าลงแล้วตอบ
สายตาหลินหยุนจ้องไปที่ด้านล่าง แสงพระอาทิตย์ตกดินเป็นสีทองในทะเลสาบเยว่หยา มีสิ่งสวยงามมากมายจนดูไม่ทั่วถึง
“คุณมองไปที่ทะเลสาบเยว่หยา บอกฉันมาซิคุณเห็นอะไร?”
ซูหนันมองตามสายตาของหลินหยุนที่มองน้ำในทะเลสาบที่กำลังส่องแสงเปล่งประกาย โดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย ในสายตาของฉัน มีเพียงชี่ทิพย์จากฟ้าดินที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
หลินหยุนเอามือไขว้หลัง และเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ดูภูเขาไม่ใช่ภูเขา และดูน้ำไม่ใช่น้ำ (โลกแห่งความจอมปลอม)นี่คือแดนที่คุณอยู่!”
ทันใดนั้นซูหนันก็ตกตะลึงจนตัวสั่น ในความสับสนเหมือนกับได้จับต้องสิ่งของบางอย่าง แต่ว่า ในไม่ช้าความรู้สึกนั้นก็เลือนรางอีกครั้ง
“ภูเขาไม่ใช่ภูเขา และน้ำไม่ใช่น้ำ……” ซูหนันบ่นพึมพำกับตัวเอง
หลินหยุนพูดว่า “ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ สามารถมองเห็นจากหลักธรรมการเปลี่ยแปลงของชี่ทิพย์จากฟ้าดิน ภูเขาที่คุณเห็น คือพลังชี่ทิพย์จากฟ้าดิน น้ำที่คุณเห็นก็คือพลังชี่ทิพย์จากฟ้าดินเหมือนกัน”
“รวมถึงทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ แม้กระทั่งมนุษย์ ถูกเปลี่ยนแปลงหลักธรรมโดยพลังชี่จากฟ้าดิน”
“อย่าหมกมุ่นอยู่กับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จงมองให้ทะลุถึงแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง นี่คือภูเขาไม่ใช่ภูเขา และน้ำไม่ใช่น้ำ”
คำพูดแบบธรรมดาของหลินหยุน ซูหนันรู้สึกได้ปลงตก ทำให้สติปัญญาแหลมคมขึ้น
เมื่อกี้เหมือนจับต้องได้ แต่ก็รู้สึกเลือนหายไป ไม่นานก็รู้สึกชัดเจนขึ้น
รับรู้ความรู้สึกของกฎฟ้าดิน ชั่วขณะได้รับการอัปเกรดขึ้นมาหลายระดับ
บำเพ็ญเซียน พูดตามตรงก็คือการเข้าใจกฎของฟ้าดิน
มนุษย์เราไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ ขอเพียงทุ่มเทเต็มที่และรอโชคชะตา หากสามารถควบคุมพลังของฟ้าดิน ก็จะสามารถควบคุมพลังที่แท้จริงได้
แน่นอน หากต้องการควบคุมพลังฟ้าดิน ก่อนอื่นต้องควบคุมกฎของฟ้าดินก่อน
กฎของฟ้าดิน เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลกเชื่อมโยงระหว่างฟ้าดิน แผ่กระจายไปทั่วทุกมุมของฟ้าดิน
และฟ้าดิน โลกโดยธรรมชาติไม่ได้หมายถึงฟ้าดินบนโลก แต่เป็นฟ้าดินในพื้นที่ว่างเปล่า
การเข้าใจกฎของฟ้าดินแล้ว ก็หมายความว่าสามารถควบคุมทุกสรรพสิ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สามารถควบคุมได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าใจกฎนั้นลึกแค่ไหน
ซูหนันคุกเข่าด้วยขาข้างหนึ่ง และพูดด้วยความเคารพ “ขอบคุณอาจารย์สำหรับบุญคุณในการถ่ายทอดครั้งนี้!”
ซูหนันถูกครอบงำโดยวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า และรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่คนธรรมดาไม่รู้จัก รู้ว่าโลกในยุคสมัยที่ผ่านมา มีอารยธรรมการบำเพ็ญที่เจริญรุ่งเรือง
และการดำรงอยู่ของวิญญาณบรรพบุรุษนั้น แท้จริงแล้วได้สืบทอดให้ซูหนันแห่งสำนักยินซือเท่านั้น จะเห็นว่า สำหรับการถ่ายทอดนั้น ล้ำค่าขนาดไหน!
ตามคำกล่าวที่ว่า เต๋า ถ่ายทอดมั่วซั่วไม่ได้!
และหลินหยุน ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเต๋า แต่ยังไขปริศนาได้อีกด้วย
อาจารย์ ถ่ายทอดและสอนการแก้ไขปริศนา
ดังนั้น ซูหนันจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพเหมือนดั่งอาจารย์
“ลุกขึ้นเถอะ!” หลินหยุนยกมือขึ้น มีพลังความอ่อนโยนแตะซูหนัน ทำให้ซูหนันยืนขึ้น
แดนปัจจุบันของคุณ อยู่เหนือกว่านักบู๊มากแล้ว มันค่อนข้างคล้ายกับผู้ฝึกชี่ในแบบโบราณ เพียงแต่ว่า ยังไงก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะนับถือฉันในฐานะอาจารย์!”
“ตรงที่ฉัน มีวิชาที่เหมาะสมสำหรับการบำเพ็ญของคุณ แต่คุณต้องไปถึงแดนที่ว่าภูเขาเป็นภูเขา และน้ำคือน้ำ(ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นความจริง) ถึงจะฝึกฝนได้”
ซูหนันตกใจมาก สิ่งที่หลินหยุนบอกว่าเหมาะสมมาก มันต้องเหมาะสมมากแน่ๆ
“เมื่อไหร่ที่คุณเข้าใจว่า ภูเขาคือภูเขา และน้ำก็คือน้ำ ฉันสามารถรับคุณเข้าสำนักอย่างเป็นทางการ” หลินหยุนพูดเบาๆ
ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของซูหนัน “ภูเขาก็คือภูเขา และน้ำก็คือน้ำ?”
สำหรับแดนที่หลินหยุนพูดนั้น ซูหนันไม่เคยเข้าใจสักนิด
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนบอกว่าเธอไม่มีคุณสมบัติที่จะนับถือเขาเป็นอาจารย์ ซูหนันก็เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย
วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋านั้นมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด ซูหนันเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ว่า เขายังคงถูกหลินหยุนฆ่าอย่างง่ายดาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด!
อาจกล่าวได้ว่าความเกรงกลัวและความนับถือที่ซูหนันมีต่อหลินหยุน ไม่ได้ด้อยกว่าซูจื่อเหลียง
“ฉันเข้าใจแล้ว” ซูหนันโค้งคำนับและพยักหน้า โดยไม่มีความโศกเศร้าหรือความยินดี
“ในอนาคต คุณสามารถฝึกฝนที่นี่ได้ ถ้าฉันไม่อยู่ ก็ช่วยดูแลตรงนี้” หลินหยุนพูดเบาๆ
“ค่ะ!”
วันรุ่งขึ้นหลินหยุนกลับมาที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว
ในหอพักจางซือจู่และคนอื่นๆหน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับว่าประสบปัญหาบางอย่าง
“ฉินโส่ว ในวันนี้ถึงเวลาที่นายจะต้องไปลาให้หลินหยุน!” จางซือจู่พูด
ฉินโส่วซึ่งนอนอยู่บนเตียงและกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือลืมตาโต “เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของฉัน นายไปหาสิบแปดมงกุฎ”
จางซือจู่ใช้เท้าเตะสิบแปดมงกุฎที่นอนอยู่บนเตียง และตะโกน “สิบแปดมงกุฎได้ยินไหม วันนี้ถึงตานายแล้ว!”
สิบแปดมงกุฎก้มหัวด้วยความอาย เหมือนพระที่กำลังนั่งสมาธิ!
“แม่งเอ้ย!”
จางซือจู่มองเลยเฉียงที่กำลังกินซาลาเปาอีกครั้ง “เทพฟ้าผ่า วันนี้ให้นายช่วยคิดวิธี ข้อแก้ตัวต่างๆก็ใช้ไปหมดแล้ว ถ้าให้ฉันไปลาให้หลินหยุนอีก ฉันจะต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตายแน่ๆ”
เทพฟ้าผ่ายิ้ม และแสดงกล้ามของเขาให้จางซือจู่เห็น “ ไอ้หมอ เรื่องของการใช้สมอง นายก็รู้ มันไม่ใช่ฉัน!”
“พวกนาย พวกนาย ทำไมฉันจะต้องมารู้จักคนอย่างพวกนาย!” จางซือจู่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง โมโหจนอยากตัดสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน
ในที่สุดจางซือจู่มองหลี่หลิวเฉิงที่อยู่ตรงมุมห้อง และพูดด้วยรอยยิ้ม ที่รัก นายช่วยพี่ชายของนายหาหนทางได้ไหม ถ้าหลินหยุนกลับมา ให้เขาเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่!
ไอ้หินมองจางซือจู่ที่กำลังขอร้อง รู้สึกใจอ่อน และพูดว่า “โอเค วันนี้ฉันจะหาวิธีแก้ไข!”
ฉินโส่วพูดอย่างเบื่อหน่าย “ไอ้หมอ ครอบครัวอย่างไอ้หิน ถ้านายปล่อยให้เขาถูกลงโทษเพราะเรื่องแบบนี้ ต่อไปนายก็เอาชื่อเล่นของฉันไปใช้เลย!”