จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 199 ผู้ฝึกสอนก็สยบภายในหมัดเดียว
ไอ้หินไม่ได้คิดอะไรมาก มองไปที่หลินหยุนด้วยความตื่นเต้น เขารู้ว่าหลินหยุนทนไม่ได้ที่ผู้ฝึกสอนลำเอียงเอาใจหลิ่วซิงมากเกินไป ดังนั้นต้องการที่จะทวงคืนความยุติธรรมแทนเขา
“หลินหยุน ขอบคุณนายมาก! ” ไอ้หินแอบพูดอยู่ในใจ คำพูดที่ซึ้งใจแบบนี้ ไม่มีทางที่ไอ้หินจะพูดออกมาจากปากเป็นแน่
เถียนชุ่ยชุ่ยเดิมทีก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ได้แสดงท่าทางดีใจขึ้นอย่างหนักหน่วง “ฮ่าฮ่า ดีจริง ๆ เลย! เขา เขากล้าที่จะท้าประลองกับผู้ฝึกสอน! ยังคงรนหาที่ตายต่อไปอย่างไม่จบสิ้น! ”
หวางหยู่หันก็แสดงท่าทีที่ดีใจเช่นกัน มองไปที่กู้ซิวหรั่นแล้วพูดว่า “คุณชายกู้ คุณอย่าได้โมโหอีกเลย หลินหยุนที่ไร้ความสามารถผู้นั้นหลงระเริงอย่างที่สุดแล้ว กล้าที่จะท้าประลองกับผู้ฝึกสอน! ผู้ฝึกสอนจะต้องลงมือสั่งสอนเขาอย่างแน่นอน พวกเรารอดูเรื่องราวที่น่าติดตามกันต่อไป! ”
กู้ซิวหรั่นค่อย ๆ หรี่ตาลง พลังหมัดของหลินหยุนที่ร้ายกาจเมื่อสักครู่นั้น เขาคือผู้ที่เข้าใจเป็นอย่างดีที่สุด
ผู้ฝึกสอน จะสามารถเอาชนะหลินหยุนได้ไหม?
ผู้ฝึกสอนสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย มองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
เดิมทีเขาคิดจะลงมือสั่งสอนหลินหยุนสักหนึ่งยก แต่ใครจะคาดคิดว่าหลินหยุนกล้าที่จะพูดว่าสิ่งที่เขาได้อบรมสั่งสอนนั้นเป็นเพียงของเล่นสำหรับเด็ก
แต่ว่า เมื่อเห็นหมัดของหลินหยุนที่ใช้เอาชนะกู้ซิวหรั่นนั้น ผู้ฝึกสอนเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเลยทีเดียว
จากนั้น ผู้ฝึกสอนจึงคิดที่จะถอยร่นกลางคัน
แต่ เขาคาดไม่ถึงว่า หลินหยุนกลับที่จะเป็นฝ่ายขอท้าประลองกับเขาเอง!
ผู้ฝึกสอนพาลโกรธเคืองขึ้นทันควัน
เมื่อครู่เขาเพียงกังวลว่า ถ้าหากไม่สามารถเอาชนะหลินหยุนได้ อาจจะถูกนักเรียนเยาะเย้ยเอาได้
แต่ นี่ไม่ได้แสดงว่าเขาไม่มีความมั่นใจ เพราะแม้ว่าหลินหยุนจะเก่งกาจเพียงใดก็เป็นเพียงแค่นักเรียนคนหนึ่ง ส่วนตัวเขา ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างเชี่ยวชาญมาสิบกว่าปี
“เจ้าหนุ่มน้อย ข้ายอมรับว่านายมีฝีมือไม่เบา พวกนักเรียนเหล่านี้ไม่มีใครที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้กับนายได้อีกแล้ว! ต่อให้เป็นผู้ฝึกสอนทั่วไปก็ไม่สามารถเอาชนะนายได้”
“แต่ว่า นายมันหลงระเริงเกินไปแล้วจริง ๆ! ตอนนี้ ข้าจะสั่งสอนนาย ให้นายรู้ว่าเหนือคนยังมียอดคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า! ”
ผู้ฝึกสอนสีหน้าเย็นชา ค่อย ๆ เดินเข้าไปตรงหน้าหลินหยุน “เริ่มกันเถอะ! ”
“นายเป็นนักเรียน ข้ายอมให้นายก่อนสามกระบวนท่า” ผู้ฝึกสอนอยู่ในท่าทางที่ไม่มีใครอยู่สายตา
หลินหยุนยิ้มเยาะ พูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นหรอก ให้เกียรติในฐานะที่ท่านเป็นผู้ฝึกสอน ข้าให้โอกาสท่านลงมือก่อนได้เลย”
“หยิ่งผยองนัก! ” ผู้ฝึกสอนตวาดใส่เสียงดัง “ในเมื่อนายต้องการที่จะถูกโจมตีก่อน งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจกันแล้ว และอย่ามาพูดว่าข้ารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าก็แล้วกัน! ”
ผู้ฝึกสอนกระทืบเท้าลงไปอย่างแรง ร่างกายเปรียบเสมือนเสือชีตาห์ พริบตาเดียวก็พุ่งเข้ามายังเบื้องหน้าของหลินหยุน
“ฮึบ! ”
ผู้ฝึกสอนตวาดเสียงใส่ แล้วก็ชกหมัดไปที่หน้าอกของหลินหยุน
เพื่อนนักเรียนด้านล่างเวทีต่างพากันโห่ร้องเป็นระยะ “สมแล้วที่เป็นผู้ฝึกสอน หมัดนี้เสียงดังกึกก้องทะลุอากาศ ฝีมือเก่งกาจจริง ๆ!”
“ฉันรู้สึกว่าฝีมือของผู้ฝึกสอนเหมือนกับนักบู๊ผู้เก่งกาจในนิยายต่อสู้อย่างไรอย่างนั้น นายคิดว่าผู้ฝึกสอนมีวิชาตัวเบาเหาะเหินได้หรือไม่? ” ผู้หลงใหลในนิยายต่อสู้คนหนึ่งถามขึ้นด้วยความเลื่อมใส
“หากหลินหยุนถูกหมัดนี้ของผู้ฝึกสอนเข้าที่ร่างกาย เกรงว่าจะต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล! ”
กู้ซิวหรั่นแววตาเป็นประกาย ผู้ฝึกสอนมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งมากทีเดียว เดิมทีเขาคิดว่าระดับความสามารถของตนเองต่อให้เป็นรองผู้ฝึกสอน แต่คงจะเป็นรองเพียงไม่มาก
แต่ทว่า ที่เห็นอยู่ในขณะนี้ เขาเป็นรองอยู่มากโขทีเดียว
แต่ ทางผู้ฝึกสอนก็คงใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว ทว่า เหมือนกับยังเทียบไม่ได้กับพลังหมดของหลินหยุนเมื่อสักครู่นี้
หวางหยู่หันพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “คุณชายกู้ ผู้ฝึกสอนออกอาวุธอย่างเต็มกำลัง หลินหยุนที่ไร้ความสามารถคงจะโชคร้ายเป็นแน่ คุณสามารถระบายความอัดอั้นนั้นออกมาได้แล้ว! ”
กู้ซิวหรั่นไม่ได้สนใจในตัวเธอ สายตาของเขามีเพียงอีหลิง ซึ่งเมื่อเทียบกับหวางหยู่หันและจางเหมิงที่มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามนั้น มีเพียงอีหลิงเท่านั้นที่เป็นนางฟ้าในดวงใจของเขา
ท่ามกลางเวทีประลอง หลินหยุนจ้องไปยังพลังหมัดของผู้ฝึกสอน ส่ายศีรษะ “ท่าน อ่อนแอเหลือเกิน! ”
เมื่อพูดจบ หลินหยุนก็ชกหมัดออกมา โดยไม่มีพลังน่าเกรงขามอะไร เหมือนกับชกหมัดออกไปตามสบายอย่างนั้น
แต่ว่า ในสายตาของผู้ฝึกสอนแล้ว กลับรู้สึกว่าหมัดที่ชกออกมาของหลินหยุนนั้นเหมือนกับฟ้าดินกำลังมากดทับตัวเขา เขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ จะสามารถเผชิญหน้าต่อกรกับพลังที่น่าเกรงขามของฟ้าดินได้อย่างไรกัน!
สำหรับระดับความสามารถของหลินหยุนแล้ว ขณะที่ออกอาวุธแสดงท่าทาง ต่างก็สมเหตุสมผลตามความเป็นจริง แม้ว่าจะเป็นเพียงหมัดธรรมดาหนึ่งหมัด แต่ ผู้ฝึกสอนก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ซึ่งแรงสั่นสะเทือนของหมัดนั้นเขาไม่สามารถที่จะทนรับไหวได้อย่างแน่นอน
โครม!
ผู้ฝึกสอนกระเด็นลอยออกไป เหมือนกันกับกู้ซิวหรั่น กระแทกเข้ากับกำแพง จากนั้นก็ล้มลงมา
ทั่วทั้งเวทีประลอง เงียบสงบไปหมด!
หลินหยุนปรบมือ พูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า “บอกแล้วว่าเป็นเพียงของเล่นสำหรับเด็ก ท่านยังจะไม่เชื่ออีก ตอนนี้คงจะเชื่อแล้วสินะ! ”
พูดจบ หลินหยุนเดินอย่างไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกมายังเบื้องหน้าไอ้หิน พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม? ”
ไอ้หินตื้นตันใจ พยักหน้าไม่หยุด “ไม่เป็นอะไรตั้งนานแล้ว”
“งั้นก็ดีไป”
เมื่อหลินหยุนกับไอ้หิน และจางซือจู่กับพวกไม่กี่คนเดินกลับมายังตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ทุกคนต่างก็เพิ่งได้สติกลับคืนกันมา
“เขา เขาต่อสู้เอาชนะผู้ฝึกสอนได้! ”
“นี่มัน เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“เขาทำมันได้สำเร็จอย่างไรกัน! ”
ทุกคน คร่ำครวญด้วยความหวาดหวั่น ซึ่งหลินหยุนทำให้พวกเขาตกตะลึงได้มากมายจริง ๆ!
เดิมทีเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถซึ่งถูกทุกคนรังแกกลั่นแกล้ง ตอนนี้กลับสามารถเอาชนะผู้ที่เก่งกาจได้อย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเอาชนะกู้ซิวหรั่นได้ ในตอนท้าย แม้แต่ผู้ฝึกสอนก็ยังถูกสั่งสอนจนยับเยิน
“หลินหยุนเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ”
หลังจากที่ตกตะลึง เพื่อนนักเรียนต่างก็พากันเกิดความสงสัย
“หรือว่าหลินหยุนก่อนหน้านี้ที่อ่อนแอไม่สู้คนเป็นเพราะเขาแกล้งทำขึ้น? หรือเพราะว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกับผู้ที่รังแกกลั่นแกล้งเขาพวกนั้น? ”
เถียนชุ่ยชุ่ยกำหมัดอย่างแน่น แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่หวาดกลัว!
“นี่มัน ใช่ไอ้คนที่ไร้ความสามารถคนนั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้เขาคงหลอกลวงฉันเป็นแน่? ”
ภายในใจของเถียนชุ่ยชุ่ย แอบเสียใจอยู่บ้างเล็กน้อย เป็นเพราะว่าหลินหยุนในตอนนี้ เสมือนเป็นภาพลวงตาที่ให้เธอต้องเลื่อมใสยกย่อง
ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอที่อยู่เบื้องหน้าหลินหยุน จะรู้สึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ
เถียนชุ่ยชุ่ยส่ายศีรษะอย่างแรง “ไม่ เป็นไปไม่ได้! ฉันจะมารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจต่อหน้าผู้ที่ไร้ความสามารถได้อย่างไรกัน? คนที่จะน้อยเนื้อต่ำใจคงต้องเป็นเขา เขาเป็นเพียงเครื่องมือที่ฉันใช้ทำประโยชน์ก็เท่านั้น! ”
หวางหยู่หันสีหน้าซึมเศร้าท้อแท้อย่างมาก เธอไม่คิดเลยว่าหลินหยุนจะเก่งกาจแข็งแกร่งมากมายถึงระดับนี้ แม้แต่ผู้ฝึกสอนเองก็ยังพ่ายแพ้ในหมัดเดียว!
“ร่างกายของหลินหยุนผู้ที่ไร้ความสามารถนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกันแน่! ”
กู้ซิวหรั่นที่อยู่ด้านข้างก็ตะลึงงัน
ถ้าจะพูดว่าหลินหยุนเอาชนะเขาได้เพราะโชคช่วย ถ้าอย่างนั้นตอนนี้แม้แต่ผู้ฝึกสอนเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นี่แสดงว่าพลังความสามารถของหลินหยุนอยู่ในระดับขั้นที่เขาทำได้แค่เพียงยกย่องเลื่อมใสเท่านั้นแล้ว!
กู้ซิวหรั่นเป็นผู้ที่หยิ่งยโสอย่างมาก เรื่องทุกเรื่องเขาจะต้องแย่งชิงความเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าจะแย่งชิงไม่ได้ในบางครั้ง แต่เขาก็จะยิ่งมานะพยายาม จนสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้
แต่ว่า ความรู้สึกที่หลินหยุนให้เขาในตอนนี้ คือคงไม่มีผู้ใดจะทัดเทียมกับเขาได้เลย!
ไม่มีผู้ใดจะทัดเทียมกับเขาได้เลย!
เขารู้สึกว่าตลอดชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะหลินหยุนได้อย่างแน่นอน ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้ความมั่นใจของกู้ซิวหรั่นหดหายสูญสิ้นไปหมด จนทำให้ เขากลายเป็นผู้ที่มีจิตใจหงอยเหงาเศร้าซึม
“ทำไม? ทำไมเขาจึงแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้! ”
“หรือว่าเขาพูดว่าข้ากับเขามันอยู่กันคนละโลก ตลอดชั่วชีวิตของข้าทำได้เพียงเลื่อมใสในตัวเขา เหอะเหอะ ข้านึกว่าเขาเพียงแค่ใช้คำพูดของข้ามาว่ากล่าวโจมตีข้าเอง แต่ที่ไหนได้เขากลับกำลังพูดเล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่งอยู่”
ลมหายใจของกู้ซิวหรั่นที่หงอยเหงาเศร้าซึม ยิ่งหนักหน่วงรุนแรงขึ้นไปทุกที แม้แต่หวางหยู่หันที่อยู่ด้านข้างก็สามารถรับรู้สัมผัสได้แล้ว
“คุณชายกู้ คุณเป็นอะไรไป? ” เห็นสีหน้าท่าทางของกู้ซิวหรั่นที่หงอยเหงาเศร้าซึม กับท่าทางเดิมที่สง่างามหยิ่งยโสแล้วมันแตกต่างกันเหมือนเป็นคนละคน หวางหยู่หันถามขึ้นด้วยความกังวลใจ
“คุณชายกู้ คุณอย่าท้อแท้ใจไป แม้ว่าหลินหยุนจะเก่งกาจ แต่ก็แค่มีความสามารถด้านการต่อสู้ก็เท่านั้น และต่อให้เขาก็มีวิชาต่อสู้ที่เก่งกาจมากเพียงใด มันจะไปมีประโยชน์อะไร? รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่หงอยเหงาเศร้าซึมของกู้ซิวหรั่น หวางหยู่หันจึงได้ปลอบใจกู้ซิวหรั่นอย่างระมัดระวัง”
สีหน้าของกู้ซิวหรั่นเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย หวางหยู่หันดีอกดีใจ ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอนั้นได้ผลขึ้นบ้างแล้ว