จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 206 ย้อนกลับมาตบหน้าตัวเอง
สถานการณ์ทุกอย่างเงียบสงัด !
ทุกคนต่างล้วนอ้าปากค้าง!
มันเหลือเชื่อจริงๆ!
ใครได้ยินก็ต้องตกใจทั้งนั้น!
แม้แต่ลูกพี่ใหญ่ของสถาบันที่อยู่หลังเวทีก็ยังตกใจงงไปหมด!
แม้กระทั่งหลินหยุนเองก็ตกตะลึงอยู่หลายวินาที สายตาที่สับสนมองไปยังสาวงามที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
อีหลิงรู้สึกเขินอายมาก เอาหัวซุกเข้าไปบนหน้าอกของหลินหยุน ได้สัมผัสลมหายใจของหญิงสาว รู้สึกอุ่นๆ และแฝงด้วยกลิ่นอายของความหอมเย็นชื่นใจ
“ขอโทษค่ะหลินหยุน คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันก็แค่ไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรที่เกี่ยวข้องกับกู้ซิวหรั่นเท่านั้นเอง ฉะนั้น เลยทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย!”
เข้าใจผิดเหรอ?
หมายความว่า……เป็นเพราะว่าตกอยู่ในสภาวะคับขัน เอาเขามาเป็นไม้กันสุนัขเหรอ?
แต่ว่า ไม้กันสุนัขแบบนี้ก็รู้สึกไม่เลวเลยทีเดียว!
ในใจหลินหยุนสัมผัสได้ อีหลิงเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเข้าใจคนอื่นได้ดี
ในเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ งั้นหลินหยุนก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดต่อไปอีกแล้ว
แต่ว่า ในความเป็นจริงมันเป็นเช่นนี้จริงเหรอ?
เกรงว่าก็มีแต่เขาสองคนเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ
มีคนเคยบอกว่าความรู้สึกระหว่างชายหญิงนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแต่ความเป็นเพื่อนอันบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว ถ้าแม้จะมีอยู่จริง นั่นก็จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมพูดความจริงออกมา และอีกฝ่ายหนึ่งก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ปรากฏการณ์ที่เห็นอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะสะท้อนคำพูดนี้ออกมาได้อย่างดีทีเดียว
ความรู้สึกลึกๆในใจระหว่างหลินหยุนและอีหลิงนั้น คนภายนอกก็ไม่สามารถรับรู้ได้
แต่ว่า การที่อีหลิงโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหลินหยุน แล้วยังประกาศให้ผู้คนรับรู้ไปทั่วว่าคนที่เธอชอบก็คือหลินหยุนนั่นเอง
นี่เป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน!
สถานการณ์ตอนนี้ ก็เหมือนกับเสาไม้ผุกร่อนที่กำลังพยุงตึกอาคารใหญ่อยู่ พร้อมที่จะล้มครืนลงมาได้ตลอดเวลา
กู้ซิวหรั่นสีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที เพิ่งจะสมหวังได้ปลื้มมาหมาดๆ อีกทั้งยังกำลังคิดจะสารภาพความในใจให้กับอีหลิงได้รับรู้
แต่นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวความสุขก็กลายเป็นความทุกข์ไปเสียแล้ว
แท้จริงแล้ว คนที่อีหลิงชอบไม่ใช่เขา!
กู้ซิวหรั่นไม่อยากจะเชื่อแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะด้วยฐานะวงศ์ตระกูลของเขา รูปร่างหน้าตา หรือว่าการศึกษาทุกอย่างล้วนทิ้งห่างไกลจากหลินหยุนเป็นหมื่นแปดพันลี้เลย อีหลิงทำไมจึงไปเลือกหลินหยุนแทนที่จะเลือกเขา!
“อีหลิง คุณกำลังพูดล้อเล่นอยู่หรือเปล่าครับ? ฐานะวงศ์ตระกูลของเขาก็ไม่ดี รูปร่างหน้าตาก็ไม่ดี การศึกษาก็ไม่มี เขาเป็นแค่ผู้ชายเฉิ่มๆคนหนึ่ง จะคู่ควรกับคุณได้อย่างไรกัน!” ตาทั้งสองข้างของกู้ซิวหรั่นแดงก่ำ ราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ เห็นคนเข้าใกล้ก็พร้อมที่จะเข้าไปกัดทำร้ายทันที
อีหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอเกลียดที่สุด กู้ซิวหรั่นมักจะชอบเอาฐานะวงศ์ตระกูลของตัวเอง รูปร่างหน้าตา การศึกษามาเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา เพื่ออวดโชว์ความโดดเด่นของตัวเองต่อหน้าผู้คน
ราวกับว่าทุกคนล้วนต้องชื่นชอบในตัวเขา และเทิดทูนบูชาคลั่งไคล้ในตัวเขา
“การที่ฉันชอบใครสักคน ชอบที่เป็นตัวของเขาเองเพียงอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับฐานะวงศ์ตระกูลรูปร่างหน้าตาหรือการศึกษาทั้งนั้น” อีหลิงตอบอย่างจริงจัง
นี่ก็ถือว่าเป็นคำตอบที่ให้กับกู้ซิวหรั่นแล้ว
เช่นเดียวกัน ก็เป็นพลังแรงสุดท้ายที่ผลักให้เสาไม้ผุกร่อนที่พยุงอาคารใหญ่นั้นอยู่ล้มครืนลงมา
“เม้งเอ๊ย นี่ฉันคงไม่ใช่ฝันอยู่นะ! เทพธิดากลับมาชอบหลินหยุนเจ้าเฉิ่มนั่น นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
“ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย! เทพธิดาจะชอบหลินหยุนได้อย่างไรกัน? อย่างน้อยฉันก็ดูดีกว่าหลินหยุนหน่อยนะ!”
“ฉันคิดว่าเทพธิดาพูดถูกต้องแล้ว หากจะชอบใครสักคนหนึ่ง ก็เป็นเพราะว่าชอบในตัวเขาเอง อย่าเอาเหตุผลซับซ้อนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชอบก็คือชอบ เพราะว่าชอบจึงชอบ มีเพียงแค่นี้เอง”
นักศึกษาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็กลายเป็นนกกระจอกแตกรังในชั่วพริบตาเดียว
เสียงที่โศกเศร้า เสียงที่ด่าทอสาปแช่ง เสียงที่ไม่พอใจต่างๆนานาหลอมรวมกันเข้าด้วยกันกลายเป็นบรรเลงเพลงรักอกหักที่โศกเศร้าอันยิ่งใหญ่ของวงดนตรีซิมโฟนีไปแล้ว
เถียนชุ่ยชุ่ยกัดฟันไว้แน่น ไม่อยากจะเชื่อในฉากที่เห็นอยู่ในขณะนี้ “นี่เป็นไปได้อย่างไร! หลินหยุนไอ้ขี้ขลาดนี่ถึงกับมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอีหลิงเชียวเหรอ!”
“ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยล่ะ?”
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เพิ่งพูดชมว่าสายตาของอีหลิงแหลมคมมากเพียงใด เถียนชุ่ยชุ่ยรู้สึกเหมือนมีคนเอารองเท้ามาตบหน้าเธออย่างแรง
คนที่พอมีมันสมองอยู่บ้างก็คงจะต้องเข้าใจ หญิงสาวคนหนึ่งเปิดเผยความในใจกับผู้ชายคนหนึ่ง ระหว่างเขาสองคนก็ต้องมีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นได้รับรู้อย่างแน่นอน
นั่นก็หมายความว่า หลินหยุนและอีหลิงรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ว่า ทั้งสถาบันไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
จางเหมิงราวกับว่าได้ฟังเรื่องขำขันที่สุดในโลก “เป็นไปได้อย่างไร! หลินหยุนเจ้าเฉิ่มนี้ถึงกับได้รับความชอบจากอีหลิง!”
หลังจากนั้น ก็นึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จางเหมิงก็ได้ยินเสียงถูกตบหน้าดังขึ้นรัวๆเหมือนกัน
สีหน้าของเสิ่นหย่งยิ่งดูมืดมน เขารู้สึกว่าตัวเองแย่งเถียนชุ่ยชุ่ยมาจากมือของหลินหยุนได้แล้ว ดังนั้นอยู่ต่อหน้าหลินหยุนก็แสดงท่าทีความเป็นผู้กำชัยชนะมาโดยตลอด
แต่ว่า ตอนนี้เสิ่นหย่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนขอทานคนหนึ่ง มายืนอวดความมั่งคั่งอยู่ท่ามกลางหมู่คนรวยทั้งหลาย
เขาหลินหยุนได้รับความชอบจากอีหลิงแล้ว จะมาสนใจอะไรกับเถียนชุ่ยชุ่ยคนนี้เล่า
เมื่อเปรียบเทียบเถียนชุ่ยชุ่ยกับอีหลิงแล้ว มันก็เป็นเหมือนกองขี้หมาบนพื้นดินเท่านั้น!
อีกทั้งตัวเขาเอง ก็ยังคิดเสมอว่าเก็บของวิเศษไว้ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนทุกครั้งก็ยังแสดงท่าทางผู้ชนะที่สูงส่งอีกด้วย
สงสัยว่าในใจของพวกหลินหยุน คงหัวเราะขำกลิ้งจนฟันร่วงหมดปากไปแล้ว!
ตอนนี้เสิ่นหย่งมองไปยังเถียนชุ่ยชุ่ยที่ยืนอยู่ข้างกาย รู้สึกดูเหมือนไม่มีอะไรที่น่าพิศวาสอยู่เลย
เดิมทีคิดว่าตัวเองมีความเพียบพร้อมมากพอ แย่งชิงเพื่อนสาวของคนอื่นมาได้ สุดท้ายก็เพิ่งรู้ว่า ที่แท้ตัวเองเก็บขยะที่คนอื่นไม่เอาทิ้งไว้ แล้วยังแอบเอามาชื่นชมด้วยความยินดีปรีดา
หวางหยู่หันมองดูฉากที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน รู้สึกมึนงงไปหมด
เธอทำเพื่อเอาใจกู้ซิวหรั่น จึงอาศัยหน้าที่ของความเป็นผู้ดำเนินรายการ แอบวางแผนไว้ทุกอย่าง
เธอรู้ว่าอีหลิงเป็นเทพธิดาที่ชายหนุ่มทุกคนหลงใหลใฝ่ฝันหา ดังนั้น เธอจึงจงใจที่จะ จับคู่ให้กู้ซิวหรั่นกับอีหลิง ต่อให้อีหลิงไม่ชอบกู้ซิวหรั่นก็ตาม แต่ด้วยนิสัยของเธอคงไม่กล้าปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน
เพียงแต่ขอให้เธอถือโอกาสนี้ทำให้หลินหยุนได้รับความอับอายก็พอแล้ว
ความจริงแล้ว เธอก็ทำได้แล้ว เมื่อครู่ที่เธอพูดต่อหน้าทุกคน ทำให้หลินหยุนขับอายขายหน้า พูดดูถูกหลินหยุนว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง
พูดดูถูกว่าหลินหยุนมีความสามารถเพียงแค่ตีรันฟันแทงไปทั่วเท่านั้น ทีหลังเมื่อก้าวออกไปสู่สังคมภายนอกแล้ว อย่างมากก็เป็นได้แค่บอดี้การ์ดให้กับคุณชายกู้เท่านั้นเอง
พูดชมว่าอีหลิงมีสายตาที่แหลมคมมากเพียงใด
แต่ว่า หวางหยู่หันยังไงก็นึกไม่ถึงว่า หลินหยุนและอีหลิงรู้จักกันมาตั้งแต่แรกแล้ว!
อีกทั้งอีหลิงยังชื่นชอบหลินหยุนอีกด้วย
ตอนนี้อีหลิงก็ประกาศให้สาธารณชนได้รู้แล้วว่าคนที่เธอชอบก็คือหลินหยุน นี่ก็เหมือนเอาเรื่องจริงมาตบหน้าตัวเอง ตบอย่างแรงจนเสียงดังลั่นเปี๊ยะ!
อีหลิงรู้สึกจะทนไม่ได้กับสายตาที่ขุ่นเคืองของชายหนุ่มทั้งหลาย มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่ซับซ้อน แล้วดึงชายกระโปรงยาวสีขาวขึ้น รีบหันหลังวิ่งออกไป
เธอเข้าใจแล้วว่า ตัวเองถูกหวางหยู่หันหลอกใช้ แต่ว่ายังดีที่เธอตอบโต้ได้ทันในเวลาอันคับขัน ตอนนี้ถึงเวลาที่หวางหยู่หันจะต้องปวดหัวบ้างแล้ว
หลังจากอีหลิงจากไปแล้ว กู้ซิวหรั่นถึงกับนั่งลงไปกับพื้นอย่างหมดสภาพ กลิ่นอายความท้อแท้ภายในตัวยิ่งมากยิ่งรุนแรง
ชีวิตนี้เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้อีกครั้งหนึ่ง
อีกทั้งยังต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนคนเดียวกัน
มองไปยังหลินหยุนที่สีหน้าเรียบเฉย ยังคงนั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดวงตาของกู้ซิวหรั่นแสดงออกถึงความอ่อนล้าหมดแรง เขารู้สึกว่าชาตินี้คงไม่มีทางที่จะเอาชนะหลินหยุนได้เลย
หลินหยุนอยู่ในใจเขา ได้กลายเป็นเงามืดที่ฝังลึกลงไปในจิตใจของเขาไปแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น นี่อาจจะเป็นแค่การอกหักครั้งแรก แต่ว่า กู้ซิวหรั่นนั้นเป็นคนที่เย่อหยิ่งทะนงตัวมากเกินไป
คนที่เย่อหยิ่งทะนงตัวมักจะมีอาการโรคเดียวกัน นั่นก็คือพวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถยอมรับผลกระทบจากความพ่ายแพ้ได้เลย
ดังนั้น หลังจากที่ได้พ่ายแพ้ให้กับหลินหยุนถึงสองครั้งแล้ว กู้ซิวหรั่นรู้สึกว่าหลินหยุนกลายเป็นเงามืดที่ฝั่งลึกอยู่ในจิตใจของเขาไปแล้ว
ถ้าคิดอยากจะหนีให้พ้นจากเงามืดในใจนั้น ก็มีเพียงแต่ต้องเอาชนะหลินหยุนให้ได้ จึงจะทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเองของกู้ซิวหรั่นกลับคืนมาเหมือนเดิมได้
กู้ซิวหรั่นก็จากไปแล้ว ด้วยสภาพที่ยับเยินราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
เหลือเพียงแต่หวางหยู่หันที่ยืนฉงนงงงวยอยู่ที่เดิมคนเดียว
หวางหยู่หันก็คิดจะหลบหนีไปเหมือนกัน แต่ว่าเธอยังต้องดำเนินรายการต่อไปอีก
ดังนั้น ตอนนี้มีเพียงเธอที่จะต้องยอมรับสายตาจากรอบด้านที่มองเธออย่างเย้ยหยัน
“หวางหยู่หันพวกประจบสอพลอนี้ คราวนี้ไม่เพียงแต่ยกหางคุณชายกู้ไม่สำเร็จแล้ว กลับทำให้เรื่องยิ่งแย่ลงไปอีก สมน้ำหน้าจริงเชียว!”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าหลินหยุนเป็นได้แค่บอดี้การ์ดของคนอื่น บอดี้การ์ดแล้วยังไงล่ะ? ก็ยังสามารถเอาชนะใจเทพธิดาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“น่าขำที่ว่าหวางหยู่หันอุตส่าห์คิดหาทางเอาใจกู้ซิวหรั่นเพื่อกระทบหลินหยุน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วกลับช่วยส่งเสริมให้หลินหยุนสมหวังในความรัก มันสะท้อนคำพูดที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กรรมยังไม่ตามสนอง เพราะยังไม่ถึงเวลา”