จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 207 ช่วยชีวิตเด็กพวกนี้ด้วยเถอะ
จางซือจู่มองไปยังหลินหยุน สีหน้าแปลกประหลาดมาก เหมือนว่าจะร้องไห้ แต่ก็ดูเหมือนจะหัวเราะ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
มองดูสีหน้าที่ขุ่นเคืองของจางซือจู่แล้ว หลินหยุนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ไอ้หมอ ถ้าแกเสียใจ งั้นก็ร้องไห้ออกมาเลย!” ไอ้หินที่อยู่ข้างๆพูดเตือนขึ้น
จางซือจู่ชกไปที่หน้าอกของหลินหยุนอย่างแรง “หลินหยุน แกนี่ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนกันเลย ที่แท้แกกับเทพธิดาก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว ยังมาปิดบังพวกเราจนถึงทุกวันนี้!”
หยางเทียนโย่วก็แสดงสีหน้าคับแค้นใจ “พูดถูกที่สุดเลย หลินหยุนปิดบังเรื่องนี้ได้ลึกลับมาก เดิมทีพวกเรายังเป็นห่วงแกที่ยังไม่หายเสียใจที่ถูกเทจากเถียนชุ่ยชุ่ย นึกไม่ถึงเลยว่าแกกลับแอบไปจีบเทพธิดาอีหลิงมาได้แล้ว”
หลินหยุนมองดูสองคนนั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พวกแกไม่โกรธฉันเหรอ?”
จางซือจู่พูดด้วยความโมโหว่า “ทำไมจะไม่โกรธล่ะ? แกแย่งเทพธิดาของฉันไป ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็จะเข้าไปสู้ตายกับเขาเลย”
“แต่ว่า พอนึกถึงตอนที่กู้ซิวหรั่นนั่งแบะท่าหมดสภาพอยู่กับพื้น ด้วยอาการท่าทางที่ขวัญหนีดีฝ่อ ฉันก็เลยยอมให้อภัยแกแล้ว”
“ฮ่าๆ กู้ซิวหรั่นปกติชอบวางท่าเหมือนลูกพี่ใหญ่เที่ยวดูถูกคนอื่น แล้วยังประกาศไปทั่วว่าเทพธิดาอีหลงเป็นเพื่อนสาวที่เขาจองไว้แล้ว หน้านี้คงถูกตบจนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บไปแล้วมั้ง!”
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนพยายามต่อสู้ตามที่คาดหวังไว้ ก็ล้วนไม่ได้มา แต่กลับได้รับคำชมเชยจากเพื่อนเลวๆไม่กี่คน
แต่ว่า เวลาต่อจากนี้ไป มีหลายคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถึงกับบังคับให้หลินหยุนเล่ารายละเอียดทุกขั้นตอนเกี่ยวกับเรื่องที่เริ่มรู้จักกับอีหลิง
หลินหยุนออกจากงานฉลองของสถาบันเร็วขึ้นกว่ากำหนด ไม่เช่นนั้นแล้วต้องถูกผู้คนรุมล้อมจนหายใจไม่ออกอย่างแน่นอน
หลินหยุนไม่ได้กลับเข้าห้องพัก แต่กลับไปที่ทะเลสาบเยว่หยา
เพื่อนเลวๆที่สถาบันเขาก็ไปพบมาแล้ว ตอนนี้ควรจะเป็นเวลาที่ฝึกฝนบำเพ็ญตนแล้ว
เมื่อกลับมาถึงทะเลสาบเยว่หยาแล้ว ซูหนันกำลังฝึกบำเพ็ญตนอยู่ในสวน หลินหยุนไม่อยากรบกวนเขา จึงค่อยๆย่องขึ้นไปบนดาดฟ้า
ด้วยพละกำลังของหลินหยุนตอนนี้ ภายในหนึ่งเดือนไม่ต้องกินอาหารไม่ต้องดื่มน้ำก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
วันรุ่งขึ้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนโจวชิงเหอโทรศัพท์เข้ามาหา
“หมอเทพหลิน ท่านอยู่ที่ไหนครับ?” น้ำเสียงของโจวชิงเหอดูเหนื่อยล้ามาก แต่เต็มไปด้วยความหวัง
“ผู้อำนวยการโจว เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?” หลินหยุนถามอย่างเรียบง่าย
“หมอเทพหลินครับ คราวนี้คุณจะต้องมาช่วยแล้ว ช่วยชีวิตของเด็กยี่สิบแปดคนด้วย! นอกจากคุณแล้ว ผมนึกไม่ออกจริงๆว่ายังมีใครที่สามารถช่วยได้อีกแล้ว” น้ำเสียงของโจวชิงเหอเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและจนหนทาง
หลินหยุนสีหน้าหวั่นไหวเล็กน้อย “งั้นเจอหน้าแล้วค่อยคุยกันครับ!”
ตอนเช้าเวลาสิบโมง หลินหยุนและโจวชิงเหอนัดเจอกันที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง
ดวงตาของโจวชิงเหอแดงก่ำ สีหน้าซีดเซียว ถุงใต้ตาห้อยลง ดูราวกับว่าแก่ไปสิบปีเมื่อเทียบกับเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?” หลินหยุนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
น้ำเสียงของโจวชิงเหอสั่นเครือ “หมอเทพหลินครับ แผนกเด็กแรกเกิด ของโรงพยาบาลประชาชน มีเด็กยี่สิบแปดคนเกิดอาการปอดติดเชื้ออักเสบ แต่ว่าได้ใช้ยาฆ่าเชื้อทุกชนิดแล้ว อาการก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย”
“ทางเมืองหลวงนั้นก็ได้รวบรวมนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากมาย จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา ได้มาถึงเกือบสามวันแล้ว แต่ก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เช่นเดิม มองดูเด็กๆทั้งยี่สิบแปดคนนั้นค่อยๆ…..”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ โจวชิงเหอก็แทบจะทนพูดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
หลินหยุนเข้าใจจิตใจของโจวชิงเหอดี รู้ว่าเขาเป็นหมอที่ดีมีจรรยาบรรณวิชาชีพคนหนึ่ง
“พาผมไปดูหน่อยเถอะครับ!”
โจวชิงเหอรู้ว่าหลินหยุนเป็นคนชอบเงียบสงบ เดิมทีคิดจะไปขอร้องหลินหยุนให้ช่วยเหลือ ไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก หลินหยุนก็ตกลงแล้ว
“ได้ครับ หมอเทพหลินเชิญตามผมมาครับ!”
ภายในห้องประชุมใหญ่ โรงพยาบาลประชาชน
ภายในห้องประชุมผู้คนนั่งเต็มไปหมด ล้วนแต่เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุห้าสิบปีขึ้นไปทั้งนั้น ทุกคนในที่นี่้ ก็ล้วนมีตำแหน่งระดับสูงในวงการแพทย์ของประเทศจีนทั้งนั้น
ตอนนี้ สีหน้าของทุกคนล้วนแสดงท่าทีจนปัญญาไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ผู้สูงวัยที่ผมหงอกครึ่งศีรษะในชุดจีนสีดำคนหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก กวาดสายตาที่น่าเกรงขามมองไปยังทุกคนแล้วพูดว่า “ถ้าหากยังหาสาเหตุของโรคไม่พบ ชีวิตเด็กทั้งยี่สิบแปดคนนี้ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
“อย่าเพิ่งพูดว่าผู้ปกครองของเด็กพวกนี้จะเสียใจขนาดไหน เพียงแค่การรายงานข่าวของพวกสื่อมวลชน ก็มากพอที่จะทำให้วงการแพทย์ของประเทศจีนขายหน้ากันไปทั่วแล้ว”
“นี่มันจะต้องเป็นความอัปยศอดสูงที่ร้ายแรงในประวัติศาสตร์การแพทย์ของประเทศจีนของพวกเราเลยทีเดียว!”
ทุกคนในห้องประชุมแทบจะไม่กล้าหายใจออกมาแรง นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตของเด็กยี่สิบแปดคนเชียวนะ! เมื่อนึกถึงเสียงร้องห่มร้องไห้ของพวกผู้ปกครองที่อยู่ข้างนอกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ก็รู้สึกขนลุกขนพองไปหมด!
แล้วยังมีผู้สื่อข่าวที่รอเตรียมยิงคำถามรัวๆเข้าใส่ ล้วนแต่ยื่นคอมารอฟังผลสรุป ถ้าหากการรักษาล้มเหลว ก็จะกลายเป็นข่าวฉาวในวงการแพทย์ไปทั่วเมืองจีน หรือแม้กระทั่งในระดับโลกเลยทีเดียว
พวกผู้คนที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่นั้น ก็จะต้องส่งเสียงด่าทอสาปแช่งดังไปทั่ว!
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมานั้น ทุกคนก็ล้วนแต่หวาดผวาจนตัวสั่น!
ผู้เฒ่าชุดสีเทาคนหนึ่งค่อยๆพูดขึ้นว่า “ท่านรองประธานครับ ตอนนี้พวกเราแทบจะใช้วิธีการรักษาทุอย่างจนหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลที่ดีขึ้นเลย สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือรอให้ ผลการเพาะเชื้อออกมาก่อน แล้วจึงใช้ยาที่ถูกต้องช่วยในการรักษา”
รองประธานสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนถังกั๋วหัว สีหน้าดูย่ำแย่มาก
“ตอนนี้อาการของเด็กทั้งยี่สิบแปดคนนี้ไข้สูงไม่ได้ลดลงเลย ถ้ารอให้ผลการเพาะเชื้อออกมา มันก็สายเกินไปแล้ว!”
“วันนี้ จำเป็นจะต้องสรุปแนวทางการรักษาที่ได้ผลออกมาให้ได้!”
“ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเราก็นั่งรอให้ประชาชนมารุมด่าก็แล้วกัน! อีกหน่อยถ้าออกไปไหน ก็อย่าพูดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ทางด้านไหนด้วย!”
“มันอับอายขายขี้หน้า!”
ท่านผู้เฒ่าถังปกติเป็นคนนิสัยใจเย็น แต่ว่าหากโมโหขึ้นมา ก็ไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น
จะเห็นได้ว่า ท่านผู้เฒ่าถังคราวนี้คงโกรธจริงๆแล้ว!
ทุกคนต่างก็ก้มหน้าลง ด้วยสีหน้าที่รู้สึกละอายใจ
ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งรี่เข้ามา
“ท่านประธานครับ หมอเทพเย่จากเมืองหลวงมาถึงแล้วครับ!”
ถังกั๋วหัวดีใจขึ้นมาทันที ตบโต๊ะเสียงดัง แล้วพูดว่า “ท่านหมอเทพเย่มาแล้ว รีบเชิญเร็วเข้า!”
ในห้องประชุมเดิมทีทุกคนที่สีหน้าเศร้าสร้อยสิ้นหวัง ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
“ท่านหมอเทพเย่มาแล้ว สุดยอดไปเลย เด็กๆพวกนั้นมีหวังรอดแล้ว!”
พวกเด็กๆมีทางรักษาแล้ว ชื่อเสียงของพวกเขาก็รักษาไว้ได้เช่นกัน
หมอเทพเย่แห่งเมืองหลวง ได้รับขนานนามว่าราชาเข็มเทพ เป็นสุดยอดของหนึ่งในสี่หมอเทพใหญ่แห่งเมืองหลวง
เป็นที่ร่ำลือกันว่า หมอเทพเย่คนนี้ เป็นทายาทของตระกูลแพทย์แผนจีนที่ลี้ลับในตำนาน
ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่า รูปร่างสูงใหญ่ ทะมัดทะแมง เดินเข้ามาอย่างคล่องแคล่วว่องไว
ตามหลังด้วยชายหนุ่มที่รูปงามคนหนึ่ง
“ผมมาสายไป หวังว่าท่านประธานถังคงไม่ถือโทษโกรธนะครับ!” หมอเทพเย่ยกมือ คารวะ พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวาน
ถังกั๋วหัวรีบเดินไปข้างหน้า จูงมือหมอเทพเย่ด้วยความสนิทสนม พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่สายไม่สายครับ หมอเทพเย่มาได้ทันเวลาพอดีเลย!”
“ท่านหมอเทพเย่!” ทุกคนในห้องประชุมก็ลุกขึ้นมาทำความเคารพหมอเทพเย่
ถึงแม้ว่าหมอเทพเย่ไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีน แต่ด้วยความสามารถที่มีอยู่นั้น ต่อให้เป็นประธานสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีน ก็ยังต้องเคารพนับถือเขาเป็นพิเศษ
หมอเทพเย่ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสแม้แต่นิดเดียว ยืนตรงโค้งคำนับตอบรับ “สวัสดีครับ สหายผู้ร่วมอาชีพทุกท่าน!”
ถังกั๋วหัวก็รีบโบกมือ พูดอย่างทนรอไม่ไหวว่า “หมอเทพเย่ อย่าเพิ่งมีพิธีรีตองมากเลย ชีวิตของเด็กยี่สิบแปดคนอยู่ในขั้นวิกฤติ ท่านรีบตามผมไปดูหน่อยเถอะ!”
หมอเทพเย่สีหน้าเคร่งขรึม “รบกวนท่านประธานถังนำทางไปด้วย!”
ภายในห้องฉุกเฉินNICU เด็กทารกจำนวนยี่สิบแปดคนนอนอยู่ในตู้อบ มีหลายคนที่ปอดติดเชื้ออักเสบรุนแรง ก็ได้ต่อท่อออกซิเจนในการช่วยหายใจ
หมอเทพเย่ตรวจชีพจรของเด็กคนหนึ่ง ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม
หลังจากนั้น ก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย ถามอย่างเคร่งขรึมว่า “ประธานถังช่วยเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับรายละเอียดอาการป่วยของเด็กพวกนี้ด้วย!”
ถังกั๋วหัวก็ได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว
เมื่อหกวันก่อน เด็กพวกนี้ทุกคนมีอาการตัวร้อนไข้ขึ้นสูง อาเจียน ลักษณะเป็นอาการปอดติดเชื้อ ใช้ยาฆ่าเชื้อสารพัดชนิดแล้ว ไม่ได้ผลดีขึ้นมาเลย ตามที่คณะผู้เชี่ยวชาญ ได้ลงความเห็นว่า น่าจะเป็นเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่”
“ตอนนี้กำลังเพาะเชื้ออยู่ครับ แต่ว่า ผมกลัวว่าเด็กพวกนี้จะรอไม่ถึงเวลานั้นสิ!”
ถังกั๋วหัวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด สีหน้าเศร้าสร้อย