จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 209 เขานั่นแหละคือผู้คิดค้นตัวจริง
โจวชิงเหอเดาออกแต่แรกแล้วว่า ทุกคนไม่เชื่อใจหลินหยุนแน่นอน
แต่ว่าโจวชิงเหอก็เตรียมตัวมาแล้ว ถ้าหากไม่สามารถพูดให้ทุกคนยอมรับได้ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ต้องใช้ชีวิตเขาเป็นหลักประกัน!
เขามีความเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนอย่างไม่มีเหตุที่ต้องสงสัย เขามีความรู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรยากเกินกว่าที่เขาจะทำได้
“ท่านรองประธานถังครับ ผมไม่พูดโกหกเด็ดขาด น้องชายคนนี้เขาเป็นหมอเทพจริงๆ!”
ถังกั๋วหัวสำรวจดูหลินหยุนอีกครั้ง เขารู้สึกว่าบุคลิกและท่าทางการวางตัวไม่ธรรมดาเลย แต่ว่า ทำให้เขารู้สึกว่าหยิ่งผยองไปหน่อย
ก็คือท่าทีที่เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตาเขาเลย แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ราวกับว่าถ้าเขายืนอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็เป็นโลกโดดเดี่ยวอีกใบหนึ่ง
“ท่านรองประธานถังคงเคยได้ยินวิธีการนึ่งกระดูกไหมครับ?” โจวชิงเหอถามขึ้น
รองประธานถังตกใจสะดุ้ง “เคยได้ยินแน่นอน วิธีแบบนั้นก็ได้การรับรองจากสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนแล้ว เป็นวิธีที่ให้ผลดีในการรักษาโรค สามารถรักษาได้ดีกับโรคเจ็บป่วยที่เรื้อรัง”
“ตอนนี้ วิธีการนึ่งกระดูกนี้ สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนกำลังจะขอจดสิทธิบัตรไปยังองค์กรอนามัยโลก อีกไม่นาน ก็จะกลายเป็นสิ่งล้ำค่าของวัฒนธรรมจีนแล้ว!”
ผู้เฒ่าที่เคยพูดเยาะเย้ยโจวชิงเหอเมื่อครู่นี้ ก็แสยะยิ้มพูดขึ้นอีกครั้ง “โจวชิงเหอ คุณถามเรื่องนี้เพื่ออะไร? คุณอย่าบอกนะว่าเขาก็รู้จักวิธีการนึ่งกระดูกเหมือนกัน?”
“วิธีนี้ เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องยา และการควบคุมความร้อนของไฟ ทำได้ยากลำบากมาก หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียวก็จะทำให้เกิดอันตรายกับผู้คนได้”
“แม้แต่ พวกเราผู้เฒ่าที่มีประสบการณ์รักษาโรคมาหลายสิบปีก็ยังไม่กล้าที่จะบอกว่าหัดทำสำเร็จแล้ว!”
“ใช่ ใช่ มันยากมากเลย!”
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นต่างก็ส่ายหัวรำพึงออกมา
ถังกั๋วหัวก็พยักหน้า “แน่นอนทีเดียว ถึงแม้ว่าวิธีการนึ่งกระดูกนั้นมันอัศจรรย์ก็จริง แม้แต่ผมก็ยังไม่กล้าพูดว่าสามารถทำได้ทั้งหมด”
หมอเทพเย่ก็พูดว่า “ผมกลับสามารถทำได้ แต่ว่ายิ่งรู้ลึกมากขึ้นแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกเลื่อมใสนับถือคนที่คิดค้นวิธีนี้ออกมา มันช่างเป็นคนที่มีฝีมือวิจิตรพิสดารจริงเลยทีเดียว!”
โจวชิงเหอยิ้มอย่างมีเลศนัย มองไปยังถังกั๋วหัว แล้วถามอีกครั้งว่า
“งั้นท่านรองประธานถังยังจำได้ไหมครับว่าวิชานิ่งกระดูกนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกที่ไหน?”
“ตามที่ผมรู้มา วิธีการนึ่งกระดูกเกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองหลินโจวพวกคุณนี่ อีกทั้งยังมีหมอเทพแซ่โจวคนหนึ่ง บริจาคให้กับสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนโดยไม่ต้องการค่าตอบแทนใดๆเลย”
“คนคนนั้น คงไม่ใช่คุณผู้อำนวยการโจวนะครับ?” ถังกั๋วหัวตกใจตะโกนขึ้นมา
โจวชิงเหอพยักหน้า “เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่อาจจะปิดบังประธานถังแล้ว วิชานิ่งกระดูกนี้ผมเป็นคนที่มอบให้กับสมาคมการแพทย์ประเทศจีน ผมคิดว่าวิชาการแพทย์ที่อัศจรรย์เช่นนี้ ในเมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะเก็บไว้กับตัวคนเดียว ดังนั้น ผมจึงบริจาคให้กับสมาคมการแพทย์ประเทศจีน เพื่อนำไปช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ได้อีกมากมาย!”
ทุกคนต่างก็ตกใจ ไม่มีใครเคยคิดเลยว่า ก่อนหน้านั้นได้เกิดเรื่องโด่งดังขึ้น วิธีการนึ่งกระดูกที่ทำให้สมาคมการแพทย์ประเทศจีนเชิดหน้าชูตาได้นั้น มันมาจากฝีมือของโจวชิงเหอนั่นเอง
“เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ ผู้อำนวยการโจวบอกว่าวิชานิ่งกระดูกนี้คุณเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง มีหลักฐานอะไรบ้างล่ะ?” ผู้เฒ่าคนหนึ่งยืนขึ้นมาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“ใช่ ฉันก็ไม่เชื่อ นอกจากผู้อำนวยการโจวจะมีหลักฐานมายืนยัน!”
แต่ถังกั๋วหัวก็ยังเชื่อคำพูดของโจวชิงเหอ อย่างน้อยโจวชิงเหอก็เป็นคนที่มีความประพฤติดีมาตลอด
แต่ว่า คนอื่นจะไม่ยอมเชื่อ เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ผู้อำนวยการโจว ถึงแม้ผมจะยอมเชื่อใจคุณ แต่ว่า คุณก็ต้องเอาหลักฐานมายืนยันให้ทุกคนเชื่อถือให้ได้!”
โจวชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้นผมก็จะอธิบายแก่นแท้ของวิธีการนึ่งกระดูกให้ทุกคนได้ฟังดีไหมครับ?”
“ดีเลย! ถ้าคุณสามารถอธิบายถึงแก่นแท้ของวิธีการนึ่งกระดูกออกมาได้ ผมก็จะเชื่อใจคุณ!”
จากนั้น โจวชิงเหอก็เริ่มบรรยายอย่างคล่องแคล่ว นำเสนอส่วนที่สำคัญของวิธีการนึ่งกระดูกอธิบายอย่างละเอียดออกมาทุกอย่าง
มีบางส่วน ยังอธิบายละเอียดมากกว่าส่วนที่สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนได้บันทึกไว้เสียอีก อย่างน้อยโจวชิงเหอก็ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากหลินหยุน ส่วนสมาคมการแพทย์ประเทศจีนนั้นก็แค่ได้เรียนรู้วิชานึ่งกระดูกผ่านมือของโจวชิงเหออีกทอดหนึ่ง
การบอกต่ออีกครั้ง ความเข้าใจก็ย่อมต้องต่างกันมาก
เมื่อฟังจบแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึงกันหมด
“นึกไม่ถึงเลยว่าวิธีการนึ่งกระดูกนี้ผู้อำนวยการโจวเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง!”
“เลื่อมใส เลื่อมใส! ก่อนหน้านี้ที่พูดล่วงเกินไป ก็ขอให้ผู้อำนวยการโจวให้อภัยด้วยครับ!”
“ผู้อำนวยการโจวยอมบริจาควิชาแพทย์ที่มหัศจรรย์เช่นนี้โดยไม่ต้องการค่าตอบแทน การกระทำที่ใจกว้างเช่นนี้ ผมนายแพทย์ว่านขอเลื่อมใส!”
ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นั้นส่วนใหญ่ก็เคยศึกษาวิชานึ่งกระดูกมาแล้ว ก็นับว่าพวกเขาก็เป็นผู้สืบทอดมาจากโจวชิงเหอครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ย่อมต้องรู้สึกสำนึกบุญคุณต่อโจวชิงเหอเป็นธรรมดา
แต่ว่า โจวชิงเหอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทุกท่านครับ ที่ผมพูดมานี้ไม่ใช่ว่าจะมาทวงความดีความชอบ ความจริงแล้ว วิธีการนึ่งกระดูกนี้ ผมไม่ใช่คนที่คิดค้นเองครับ!”
“คนที่คิดค้นวิชาการนึ่งกระดูก ก็คือ หมอเทพหลินท่านนี้ครับ!”
“อะไรนะ!”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปหมด
มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
ถ้าหากพูดว่าวิชานิ่งกระดูกนี้โจวชิงเหอเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ถึงแม้ในใจทุกคนอาจจะอิจฉาบ้าง แต่ก็ยังยอมรับได้ อย่างน้อยอายุของโจวชิงเหอก็มากแล้ว ทำงานวิจัยด้านวิชาการแพทย์ก็มาหลายสิบปีแล้ว
แต่ว่า ถ้าบอกว่าวิชานึ่งกระดูกที่พวกเขาเทิดทูนบูชานี้ เป็นฝีมือการค้นพบของหลินหยุนเด็กกะโปโลนี้ เช่นนั้นแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากที่จะยอมรับได้เลย!
หรือจะพูดว่าคนอย่างพวกเขาที่ทุ่มเทศึกษาวิจัยวิชาการแพทย์มาค่อนชีวิตแล้ว สู้เด็กกะโปโลคนนี้ไม่ได้เชียวเหรอ?
“ผู้อำนวยการโจว ถ้าบอกว่าคุณเป็นคนที่คิดค้นวิชานิ่งกระดูก ผมเชื่อนะ! แต่เพื่อทำให้พวกเราเชื่อว่าเจ้าหมอนี่เป็นหมอเทพ คุณถึงกับเอาความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นี้ไปมอบให้เขา ฉันเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ!
“ถูกต้อง เขาก็แค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง จะคิดค้นวิชาการนึ่งกระดูกที่มหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ฉันก็ไม่เชื่อ”
ถังกั๋วหัวก็ไม่เชื่อ เป็นเรื่องที่จนปัญญา หลินหยุนอายุน้อยเกินไปจริงๆ
“ผู้อำนวยการโจว คุณคงจะไม่พูดโกหกนะ!”
โจวชิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “รองประธานถังครับ เรื่องแบบนี้ผมจะกล้ามาพูดโกหกหลอกลวงเหรอ? ความสามารถทางการแพทย์ของหมอเทพหลิน เป็นที่หาได้ยากมากในโลกนี้ ท่านไม่ให้โอกาสเขาลองดู แล้วจะตัดสินว่าเขาไม่ใช่หมอเทพได้อย่างไรกัน?”
ถังกั๋วหัวขมวดคิ้ว ก็มองสำรวจหลินหยุนดูอีกครั้ง เริ่มลังเลขึ้นมา
โจวชิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่วิงวอน
“รองประธานถังครับ ชีวิตเด็ก 28 คนอยู่ในขั้นวิกฤติ ท่านรีบตัดสินใจเถอะ! ให้หมอเทพหลินลองดูก่อน ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย!”
“ฮึ่ม หมอเทพบ้าบออะไรกัน! ต้มตุ๋นหลอกลวง ถึงขนาดว่ามาหลอกลวงถึงที่นี่เชียว!”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายหมอเทพเย่ เดินออกมาพลันแสยะยิ้มและพูดขึ้นมา
ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่า เย่เซิ่งหมิง มีฉายาว่า หมอเทพน้อยเย่
เมื่อก่อนตอนที่ไปช่วยรักษาโรคให้กับจินหยวนเป่า ได้เกิดปากเสียงกับหลินหยุน และยังถูกจินหยวนเป่ากัดไปหนึ่งที ทำให้ชี่พิฆาตแทรกซึมเข้าสู่ตัว ต้องเสียเวลานานพอสมควรจึงจะดีหายขึ้น
แต่ว่าตั้งแต่นั้นมา เย่เซิ่งหมิงยังคิดแค้นหลินหยุนมาตลอด เขาคิดว่าหลินหยุนเป็นคนที่ทำให้เขาเสียหน้า เสียชื่อเข็มเทพน้อยเย่ของเขา
อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเชื่อแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าหลินหยุน ก็คือนักต้มตุ๋นในยุทธภพอย่างแท้จริง
อะไรที่เรียกว่าชี่พิฆาตเข้าร่าง พูดโกหกทั้งนั้น
เมื่อครู่ที่หลินหยุนเดินตามหลังโจวชิงเหอเข้ามานั้น เย่เซิ่งหมิงก็จำหลินหยุนได้แล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้ออกมาเปิดโปงฐานะของหลินหยุน ไม่ใช่เพราะว่าเขาใจดี เขาเพียงแต่รอจังหวะที่สำคัญที่สุดแล้วจึงออกมาถล่มหลินหยุนทีเดียว
หมอเทพเย่ตกใจเล็กน้อยแล้วตะคอกว่า “เซิ่นหมิง อย่าเสียมารยาท!”
เย่เซิ่งหมิงส่งยิ้มให้แล้วพูดว่า “คุณปู่วางใจเถอะ หลานตอนนี้กำลังจะฉีกหน้ากากของนักต้มตุ๋นคนนี้ออกมาแล้ว!”
หลินหยุนมองไปยังเย่เซิ่งหมิง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “คุณเองเหรอ?”
เย่เซิ่งหมิงแสยะยิ้ม “ยังไงล่ะ? แปลกใจมากเหรอ?”
จากนั้น เย่เซิ่งหมิงก็หันหน้ามา กวาดสายตาไปยังนายแพทย์ชื่อดังที่สีหน้าฉงนทั้งหลาย แล้วพูดด้วยเสียงดังว่า
“ผู้อาวุโสทุกท่านครับ ผมสามารถเป็นพยานได้ คนนี้ก็คือพวกนักต้มตุ๋นสิบแปดมงกุฎ ทุกคนอย่าถูกเขาหลอกเลยนะครับ!”