จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 21 คนโกหก
บทที่ 21 คนโกหก
ชายชราคนนี้เรียกตัวเองว่าซูจื่อเหลียง กล่าวเห็นด้วยกับคำพูดของหลินหยุนยกใหญ่
หลินหยุนไม่เอ่ยอะไรสักคำ มองไปที่ซูจื่อเหลียงที่พูดเรื่อยเปื่อยด้วยสายตาแปลกๆ
“อะแฮ่ม!สหายหลิน มีอะไรกินบ้าง? ไอ้พวกนั้นมัดข้าไว้ทั้งวัน วันทั้งวันข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย!”
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่สนใจประเด็นที่เขาพูด ซูจื่อเหลียงจึงเปลี่ยนบทสนทนา
หลินหยุนโยนขนมปังหนึ่งห่อให้เขา
ซูจื่อเหลียงฉีกซองขนมปังออกทันที แล้วกัดลงไปคำใหญ่ ดูจากสภาพแล้วคงหิวมากจริงๆ
“นายเป็นใคร? ทำไมพวกนั้นถึงได้มัดนายไว้?” หลินหยุนถาม
เมื่อได้ยินหลินหยุนถามถึงสถานะของตน ซูจื่อเหลียงก็ยืดอก เงยหน้ามองฟ้ายามค่ำคืน สายตาของเขาล้ำลึกราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ข้าคือศิษย์รุ่นที่136เพียงคนเดียวของสำนักจูเก่อ ปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่ทั้งโลกต่างยกย่อง ซูจื่อเหลียง”
“ไอ้หนู เคยได้ยินชื่อฉันเสียงของฉันมั้ย? ตกใจเลยล่ะสิ?” ซูจื่อเหลียงทำสีหน้าอวดดี
“สำนักจูเก่อ ลูกศิษย์ของจู่เก่ออู่โหว?” หลินหยุนเอ่ยถาม
ซูจื่อเหลียงชูนิ้วโป้งขึ้น แล้วพูดยกย่อง: “มีความรู้นี่ เป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของจู่เก่ออู่โหว”
“จู่เก่ออู่โหวถนัดด้านการรบและการเมืองที่สุดไม่ใช่เหรอ? เริ่มศึกษาฮวงจุ้ยตั้งแต่เมื่อไหร่?” ในสายตาของหลินหยุนมีความตลกเล็กน้อย
“แค่กๆ ……” ซูจื่อเหลียงเกือบสำลักขนมปังตาย เขารีบพูดแก้ตัว: “นายจะไปรู้อะไร!จู่เก่ออู่โหว เรื่องบนฟ้าบนดินท่าน รอบรู้ไปทุกอย่าง เรื่องฮวงจุ้ย เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับท่าน!”
“วันนี้นายโชคดี จากที่นายช่วยฉัน นายให้ฉันแค่หนึ่งหมื่นเหรียญ ฉันจะพานายไปเป็นลูกศิษย์ด้วย เป็นยังไง?”
หลินหยุนจ้องไปที่เขาต่อ ไม่ได้พูดอะไร
“ไอ้หนู ปกติไม่ว่าจะให้ฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่รับลูกศิษย์หรอกนะ เพราะว่านายช่วยฉันไว้ และก็ฉันเห็นนายฉลาดไม่เลว ถึงได้มีความคิดรับเป็นศิษย์ ถ้าหากนายพลาดโอกาสนี้แล้ว มาเสียดายที่หลังก็สายไปแล้ว!”
ซูจื่อเหลียงมองไปที่หลินหยุน เหมือนกับว่าเด็กน้อยได้รับโอกาสดีๆ ในราคาถูกๆ
หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเรียบๆ : “ถ้านายเก่งถึงขนาดนั้น ทำไมถึงเกือบจะถูกคนอื่นฝังทั้งเป็นล่ะ?”
ซูจื่อเหลียงกลอกตาไปมา จู่ๆ ก็ถอนหายใจ: “เฮ้อ อย่าพูดถึงมันเลย โทษที่ฉันใจอ่อนเกินไป วันนี้แนะนำเรื่องฮวงจุ้ยให้ไปสามคน จนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่มีเจ้าหน้าที่คนนึงมาคุกเข่าขอร้องต่อหน้าฉัน จะให้ฉันช่วยเขาดูให้ได้ ฉันรู้สึกว่าเขาจริงใจมาก จึงยกเว้นตอบตกลงเขาไป”
“แต่ ตอนที่อาจารย์สอน《วิชาฮวงจุ้ยเทียนซิง》ให้ฉันก็เคยเตือนฉันมาอย่างเข้มงวดว่า ในหนึ่งวันสามารถช่วยได้มากที่สุดสามคน หากมากกว่านั้นจะเกิดเรื่อง และยังทำให้ชะตาชีวิตสั้นลง!”
“แต่ว่าฉันก็ใจอ่อน จึงไปกับเขา สุดท้ายตอนที่ฉันกำลังช่วยเขาดูบ้าน ผลจึงออกมาผิดพลาด ตามกลิ่นของเขาไป ไม่ระวังจึงหาเมียน้อยที่เขาแอบเลี้ยงไว้เจอ”
“จากนั้นคู่ของเขาก็เลิกทำไปตามธรรมชาติ ทั้งสองคนก็ทะเลาะกันยกใหญ่ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็โกรธ บอกว่าฉันคือผู้ช่วยที่เมียหลวงเขาหามา จึงจับฉันมัดเอาไว้”
“คิดไม่ถึงว่าเขาโหดอย่างบ้าคลั่งถึงกับอยากได้ชีวิตของฉัน นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!”
คำพูดของซูจื่อเหลียง หลินหยุนไม่ได้เชื่อทั้งหมด
อาจจะจริงที่เขาทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่พอใจ ในส่วนที่ว่าคนอื่นมาขอร้องเขา และยังอะไรวันนึงสามารถดูฮวงจุ้ยได้มากสุดสามครั้ง คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่เขากุขึ้นมาเองก็ได้
ถึงยังไงเขาก็สามารถหาเมียน้อยออกมาได้ ก็น่าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ว่าคงจะไม่คุ้นเคยกับความสามารถนี้ จากการวิเคราะห์ หลินหยุนรู้สึกว่า ซูจื่อเหลียงคือสิบแปดมงกุฎ เพราะหลอกไม่สำเร็จ จึงได้ถูกคนอื่นเอาคืน
“ไอ้หนู คิดดีหรือยัง? จะไหว้ฉันเป็นอาจารย์มั้ย?” ซูจื่อเหลียงยังคงล่อลวงหลินหยุน
หลินหยุนไม่อยากเสียเวลาไปกับเขาแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปอยู่ที่ข้างหินอ่อน: “นายไปได้แล้ว”
ทันใดนั้นซูจื่อเหลียงก็ร้อนรน: “นี่ๆ ไอ้น้องชาย นายคิดทบทวนสักหน่อยสิ พลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ!”
“ถ้าหากนายไม่มีเงินมากขนาดนั้น ฉันก็จะเก็บนายน้อยลงหน่อย แปดพัน ห้าพัน พันนึง ไม่งั้นนายเอาของกินพวกนั้นให้ฉันก็ได้……”
จู่ๆ หลินหยุนก็หันมา ในมือถือก้อนหินอยู่หนึ่งก้อน บีบลงไปเล่นๆ ไม่กี่ครั้ง ราวกับกำลังบีบเต้าหู้ บีบจนก้อนหินแข็งๆ ก้อนนั้นกลายเป็นผุยผง
ซูจื่อเหลียงเบิกตากว้าง มองไปทางหลินหยุนอย่างตกใจสุดขีด!
หลินหยุนคิดว่า ครั้งนี้สิบแปดมงกุฎนี่คงรู้สถานการณ์และยอมแพ้ไป
แต่ว่า จู่ๆ ซูจื่อเหลียงก็คุกเข่าลงกับพื้น และพูดอย่างบูชา: “ท่านคือผู้ฝึกบู๊!”
“ได้โปรดยอมรับผมเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”
หลินหยุนเริ่มหมดคำจะพูด คนคนนี้หน้าด้านไปแล้ว หลอกเอาเงินไม่สำเร็จ ตอนนี้จะมาขอเป็นศิษย์!
แต่สำหรับซูจื่อเหลียงที่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักบู๊ หลินหยุนรู้สึกแปลกใจ เห็นทีซูจื่อเหลียงน่าจะพอรู้อะไรบางอย่าง
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันคือนักบู๊?”
ซูจื่อเหลียงหุบรอยยิ้มที่แฮปปี้นั้น กลายเป็นสีหน้าเคารพและจริงจัง แล้วพูดขึ้น: “ปีที่ผมอายุได้เจ็ดขวบ ผมได้พบคนแปลกหน้าท่านนึง ตาของผมเห็นว่าเขากับอีกคนนึงกำลังบินไปบินมาบนท้องฟ้า”
“ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เชื่อมาตลอดว่าโลกใบนี้มีปรมาจารย์ด้านการบู๊อยู่จริงๆ ผมค้นหาไปทั่วทุกสารทิศ ก็เจอแค่อาจารย์ผีของผมท่านนั้น หลังจากหลอกเอาเงินผมไปสามร้อย จึงให้《วิชาฮวงจุ้ยเทียนซิง》มาเล่มนึง”
“แต่ผมก็ไม่ได้ยอมแพ้ ฝึกเรียน《วิชาฮวงจุ้ยเทียนซิง》ไปด้วย แล้วก็ตามหาต่อไปด้วย พระเจ้าคงจะสงสารผม ในที่สุดก็ให้ผมได้พบแล้ว”
ซูจื่อเหลียงคำนับอีกครั้ง: “อาจารย์ ได้โปรดรับผมด้วยเถิดครับ!ผมยินดีทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง ขอแค่อาจารย์รับผมเป็นศิษย์ด้วยเถิดครับ!”
หลินหยุนมองไปที่เขา คิดไม่ถึงว่าซูจื่อเหลียงคนนี้จะมีใจอยากฝึกฝนที่แน่วแน่แบบนี้ แต่หลินหยุนไม่เคยคิดที่จะรับศิษย์
“ฉันไม่สนใจ นายไปเถอะ!”
“ผมค้นหาไปทั่วทุกสารทิศก็หาไม่เจอ วันนี้ตอนที่กำลังจะตาย ก็ถูกท่านช่วยไว้ นี่มันคือชะตาฟ้าลิขิต!ถ้าหากท่านไม่รับผม ให้ตายยังไงผมก็ไม่ไป” ท่าทางที่หน้าไม่อายของซูจื่อเหลียงก็กลับมาอีกครั้ง
หลินหยุนปัดมือ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งทำเอาซูจื่อเหลียงกระเด็นออกไป แต่ว่าหลินหยุนก็ได้บังคับพลังตัวเอง จึงทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
ซูจื่อเหลียงกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร เขามองมาทางที่หลินหยุนอยู่อย่างตกใจ ความต้องการไหว้อาจารย์ในใจยิ่งแน่วแน่ขึ้นอีก: “ยังหนุ่มยังแน่นก็เก่งกาจขนาดนี้แล้ว แน่ใจแล้วว่าต้องเป็นอาจารย์ท่านนี้”
“ครั้งแรกที่เจอกันผมก็คำนับไหว้อาจารย์แล้ว มันอาจจะกะทันหันไปหน่อย หรือบางทีอาจารย์อาจจะทดสอบความแน่วแน่ของผม……”
ซูจื่อเหลียงมีความคิดในใจ ก็นั่งลงกับพื้น เบิกตากว้างมองไปทางหลินหยุน
หลินหยุนรู้ว่าซูจื่อเหลียงไม่ได้จากไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ มีบาเรียป้องกัน ใครก็รบกวนเขาไม่ได้
หลินหยุนเริ่มฝึกพลัง เช้ามืดเวลาตีห้า จู่ๆ ฟ้าดินชี่ทิพย์ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา ลมกระโชกแรงพัดผ่านป่าละเมาะไป
หลินหยุนลืมตาขึ้น ก็มีแสงวาบ ทั่วร่างของหลินหยุนดูมีพลังมากขึ้น รูปร่างก็ดูสูงโปร่งขึ้นอีกด้วย
จู่ๆ หลินหยุนก็ปล่อยลำแสงออกมา ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ก้อนหินขนาดพอๆ กับลูกบาสที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตร ถูกลำแสงนั้นฟันจนกลายเป็นเถ้าธุลี
“รังสีพลังทิพย์ วางฐานพลัง”
ด้านล่าง ซูจื่อเหลียงที่มองฉากนี้อย่างเบลอๆ ก็ช็อกไปทันที ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
หลินหยุนย่างลงเขา ผ่านตัวของซูจื่อเหลียงไป ขณะที่ซูจื่อเหลียงอยากจะตามไป เสียงเรียบๆ ของหลินหยุนก็ดังขึ้น: “ถ้านายตามฉันมา ฉันจะฆ่านาย”
ทันใดนั้นซูจื่อเหลียงก็หยุดฝีเท้า เขาเชื่อว่าหลินหยุนพูดจริง ทำจริง
แต่ว่า ซูจื่อเหลียงก็ไม่ยอมแพ้
เมื่อเห็นหลินหยุนไปไกลแล้ว จู่ๆ สายตาของซูจื่อเหลียงก็เหลือบไปมองที่ที่หลินหยุนฝึกวิชา ตรงนั้นหลินหยุนวางของที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตไว้
ซูจื่อเหลียงเดินเข้าไป หยิบถุงพลาสติกขึ้นมา ทันใดนั้นก็ต้องเซอร์ไพรส์