จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 211 วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง
หน้าห้องผู้ป่วยNICU แผนกเด็กแรกเกิด โรงพยาบาลประชาชนเมืองหลินโจว
คณะผู้เชี่ยวชาญ10กว่าคนสีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่ด้านข้าง ด้านหน้านั้น ถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่ และยังมีโจวชิงเหอ ห้อมล้อมหลินหยุนไว้
รอบนอกสุด คือพ่อแม่ของเด็กทั้ง 28 คน รวมทั้งสื่อมวลชนของค่ายต่างๆ
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชมทุกท่าน ฉันคือนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหลินโจว สำหรับกรณีที่เด็กทารกแรกเกิดจำนวน 28 คนในโรงพยาบาลหลินโจวที่ได้เกิดอาการติดเชื้อโรคติดต่อร้ายแรงนั้น ตอนนี้ก็มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นแล้ว”
“ได้ข่าวว่า สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนได้เชิญผู้เชี่ยวชาญที่ลึกลับท่านหนึ่ง ประกาศก้าวว่าสามารถที่จะรักษาโรคของเด็ก 28 คนให้หายขาดได้ ทั้งนี้ ชีวิตของเด็กทั้ง28คนนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขอเชิญทุกท่านคอยติดตามชมการรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ต่อไป!”
วงการสื่อสารมวลชนทุกแขนงต่างก็พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อแย่งชิงหัวข้อข่าวที่ดึงดูดความสนใจในการรายงานข่าวครั้งนี้ อย่างไรเสียสื่อสารมวลชนหลัก ก็ยังไม่หลุดพ้นจากความเป็นจริง
หน้าห้องไอซียูเด็กแรกเกิด ถังกั๋วหัวสีหน้าเคร่งขรึมมองไปยังหลินหยุนแล้วพูดว่า “ท่านหมอเทพหลิน ชีวิตเด็กทั้ง 28 คนนี้ก็ฝากไว้กับท่านแล้วนะครับ!”
เมื่อพูดจบ ถังกั๋วหัวก็โค้งคำนับหลินหยุนอย่างสุดซึ้ง
รองประธานถังคนนี้ถึงแม้ว่าจะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็ยังนับว่าเป็นนักปราชญ์ที่มี จรรยาบรรณการแพทย์สูงส่งคนหนึ่ง
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าอย่างจริงจัง
โจวชิงเหอก้าวเดินขึ้นไปข้างหน้า แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “หมอเทพหลิน ระวังตัวด้วยนะครับ!”
“ผู้อำนวยการโจว วางใจเถอะ ผมมีวิธีควบคุมของผมเอง” หลินหยุนพูดอย่างเรียบเฉย
ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆอดรนทนไม่ไหว พูดเตือนด้วยเสียงเบาว่า “รองประธาน คุณตกลงให้เขาลองรักษาดูจริงเหรอ? นี่มันก็ดูเหมือนจะง่ายดายเกินไปหน่อยนะ!”
“โรคชนิดนั้นได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศจีนไปนานหลายปีแล้ว มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดโรคแบบนั้นขึ้นมาได้อีก? ฉันคิดว่าเจ้าหนูน้อยคนนั้นพูดโกหกหลอกลวง”
ถังกั๋วหัวชักจะไม่พอใจ มองหน้าผู้เฒ่าคนนั้นแล้วพูดว่า “น้องอู๋ คุณพูดว่าเขาโกหกพวกเรา ถ้าเช่นนั้นคุณบอกมาซิว่าเขาโกหกพวกเราเพื่อประโยชน์อะไร?”
พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก 28 คนที่อยู่ข้างหลังนั้น ยังมีผู้สื่อข่าวของค่ายสื่อสารมวลชนทุกแขนงที่อยู่ข้างหลังอีก ถ้าเขาไม่มีความมั่นใจจริง อย่าเพิ่งพูดถึงพ่อแม่ของเด็กพวกนั้นจะจัดการกับเขาอย่างไรเลย เพียงแค่ตวัดปลายปากกาและการเสนอข่าวของพวกสื่อมวลชน ก็สามารถทำให้เขาเงยหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิตแล้ว!”
ทุกคนจึงไม่พูดอะไรต่อไปอีก
ถูกต้องแล้ว พวกเขาล้วนไม่เชื่อใจหลินหยุนทั้งนั้น แต่ว่า หลินหยุนโกหกพวกเขาแล้วจะได้รับผลประโยชน์อะไรเหรอ?
ถ้าหากรักษาให้หายได้ ความดีความชอบก็ตกเป็นของคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด แต่ว่าถ้ารักษาไม่ได้ ความรับผิดชอบทั้งหมดหลินหยุนก็ต้องแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
เรื่องทั้งหมดนี้มันก็เป็นการกระทำที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจแล้วไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา ถ้าเป็นคนอื่นก็คงมีแต่จะคิดหนีไปให้ไกลตัวอีกทั้งยังกลัวที่จะหลีกหนีไม่พ้นทั้งนั้น
แต่หลินหยุนกลับจงใจที่จะเอาหัวมุดเข้าไป เขาทำเช่นนี้เพื่อหวังอะไรกันเหรอ?
ทุกคนเงียบสนิท ถึงแม้พวกเขาไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะสามารถรักษาโรคของเด็กพวกนี้ได้ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
เย่เซิ่งหมิงกระโดดออกมาอีกครั้ง สีหน้าโกรธเคืองจ้องไปยังหลินหยุน “คุณปู่ครับ แต่ว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นจริงๆเลยนะ!”
หมอเทพเย่พูดด้วยเสียงดุดันว่า “อย่าพูดเหลวไหล! ผลการตรวจของเขาตรงกับของฉันทุกอย่าง!”
“ให้เขาลองดูก่อน!”
“…….แต่ว่า” เย่เซิ่งหมิงยังอยากจะพูดเตือนอีก แต่ถูกหมอเทพเย่ห้ามปรามด้วยสายตา จึงจำเป็นต้องยุติลง
หลินหยุนใช้หางตามองค้อนเย่เซิ่งหมิง จิตใจของคนคนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับคุณปู่เขาแล้ว มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน
ที่สุดแล้วคงจะประสบความสำเร็จได้ยาก
“ผมเข้าไปแล้วนะ” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ สวมใส่เสื้อชุดปลอดเชื้อโรค เดินเข้าไปในห้องไอซียูเด็กแรกเกิด
ภายนอกห้อง ทุกคนต่างก็ยืนอยู่ตรงหน้ากระจกของห้องไอซียูเด็กแรกเกิด ต่างก็กั้นลมหายใจไว้ จ้องไปยังหลินหยุนที่อยู่ในห้องไอซียูเด็กแรกเกิดอย่างไม่กะพริบตา
พวกถังกั๋วหัวและโจวชิงเหอนั้น แอบกำหมัดไว้แน่น “หมอเทพหลิน ชีวิตของเด็กทั้ง 28 คนนี้ ก็ต้องไหว้วอนคุณแล้ว!”
แต่ว่าในกลุ่มคณะผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็มีหลายคนที่ใบหน้ายังคงแสยะยิ้มอยู่
“ไอ้หนูน้อย เดี๋ยวถ้าแกรักษาไม่สำเร็จแล้วล่ะก็ ฉันจะดูว่าแกจะพูดแก้ตัวยังไงกับพ่อแม่ของเด็กพวกนี้ ยังมีพวกผู้สื่อข่าวที่ดุดันราวกับเสือพวกนั้นอีก”
สีหน้าของเย่เซิ่งหมิงมืดคล้ำจ้องไปยังหลินหยุน “ไอ้หนูน้อย ฉันจะคอยดูว่าแกจะพ่ายแพ้ยับเยินยังไง!”
หลินหยุนใส่ชุดคลุมปลอดเชื้อ โผล่มาแต่ดวงตาทั้งสองข้าง
เขาตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าอาการโรคของเด็กพวกนี้ ก็คืออหิวาตกโรค
ใช้วิธีรักษาของเขา แท้จริงแล้วง่ายมาก เพียงแต่ใช้พลังทิพย์ชะล้างทั่วร่างกายของเด็กพวกนี้ให้สะอาด ทำการฆ่าเชื้อโรคให้หมดก็ใช้ได้แล้ว
แต่ว่าถ้าทำเช่นนี้แล้ว ก็จะต้องเผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าใช้พลังทิพย์ในการชะล้างความสะอาดทั่วร่างกาย ก็เท่ากับว่าเกือบจะเป็นการสร้างร่างกายใหม่ให้กับเด็กพวกนั้น พลังทิพย์ก็จะต้องตกค้างอยู่ในร่างกายของพวกเขา ต่อไปเด็กทั้ง28คนนี้ก็จะกลายเป็นซุปเปอร์แมน
แล้วโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าใบนี้ ก็ได้ถูกฝังระเบิดนิวเคลียร์28ลูกเอาไว้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น หลินหยุนจึงยกเลิกที่จะใช้วิธีนี้
ไม่ต้องใช้พลังทิพย์ในการรักษา ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องใช้หลักวิชาการรักษาตามขั้นตอนปกติแล้ว
วิธีการรักษาโรคของโลกใบนี้ หลินหยุนรู้ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ว่าวิชาการแพทย์ของโลกบำเพ็ญเซียนนั้น ล้ำหน้าเกินกว่าวิชาการแพทย์สาขาไหนในโลกนี้เป็นหมื่นเท่าพันเท่า
หลินหยุนจึงเลือกวิธีการรักษาเด็กพวกนี้โดยการใช้วิชาฝังเข็ม วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง
《วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง》เน้นในเรื่องการใช้ลมปราณในการฝังเข็ม ต้องการพลังทิพย์ที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยสนับสนุน เรื่องนี้สำหรับหลินหยุนซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
หลินหยุนใช้แอลกอฮอล์เช็ดเข็มเงิน เริ่มทำการฝังเข็มลงไปในเด็กคนแรก
“ฟ้าดินแยกออกเป็นหยินหยาง หยินหยางเกิดสองปราณ ปราณหนึ่งเข้าสู่จุดเทียนหลิง(อยู่กลางกะโหลกศีรษะ) อีกปราณหนึ่งเข้าสู่จุดหย่งฉวน(อยู่จุดกลางฝ่าเท้า) เข็มเข้ามังกรและนกฟีนิกซ์ไป เข็มออกผีและเทพสั่นเทา…….”
ถึงแม้ว่าหลินหยุนยังไม่เคยใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงเลย แต่ว่าวิชาฝังเข็มชุดนี้เป็นวิชาที่เกิดจากสำนักหนึ่งในดวงดาวเล็กๆดวงหนึ่งที่อยู่ใกล้กับชายเขตของโลกเซียนเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา
ผู้บำเพ็ญเซียนบนดวงดาวดวงนั้นมีพลังแรงไม่แข็งแกร่งนัก คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก็ยังสู้คนในแดนยาทองไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการใช้พลังทิพย์ในร่างกายที่ต่ำมาก
ด้วยพลังแรงที่มั่นคงแข็งแกร่งของหลินหยุนตอนนี้ ถึงแม้เป็นการใช้ครั้งแรก แต่มีพลังทิพย์ที่แข็งแกร่งช่วยสนับสนุนอยู่ ลีลาท่าทางในการฝังเข็มนั้นจึงดูลื่นไหลดั่งเมฆหมอกสายชล กลมกลืนกับธรรมชาติที่สุด
ลีลาท่วงท่าการปักเข็มเข้าไปของหลินหยุนพลิ้วไหวราวกับมังกรแหวกไหว้ ท่วงท่าการดึงเข็มออกยิ่งดูเหมือนลากเส้นพู่กันดุจเทพเนรมิต พวกผู้เชี่ยวชาญที่ยืนดูอยู่ข้างนอกต่างก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
ผู้เชี่ยวชาญพวกนี้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงมาจากเมืองหลวง ความรู้ทางวิชาการแพทย์นั้นเมื่อเทียบกับหมอในสถานที่เล็กอย่างเมืองหลินโจวแล้วก็เหนือชั้นกว่ากันมากเลยทีเดียว
ก็ไปถือโทษโกรธพวกเขาไม่ได้ที่เมื่อมาจากเมืองหลวงแล้ว ก็ไล่คนของสมาคมการแพทย์หลินโจวออกไปจนหมด
ถึงแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักวิธีการวังฝังเข็มของหลินหยุนก็ตาม แต่ถ้าดูจากท่วงท่าเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยราวกับเมฆหมอกสายชล กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ก็สามารถดูออกว่าหลินหยุนมีทักษะวิชาการฝังเข็มที่ลึกล้ำมากอย่างแน่นอน
คนที่รู้สึกน่าทึ่งที่สุดคนหนึ่ง ก็คือหมอเทพเย่
ถังกั๋วหัวใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง หันหน้าไปมองหมอเทพเย่ที่ตกตะลึงเหมือนกัน จึงถามด้วยเสียงเข้มว่า “พี่เย่ ท่านได้ชื่อว่าเป็นราชาเข็มเทพ เรื่องวิธีการฝังเข็มนี้ ท่านเป็นคนที่มีสิทธิ์ในการวิจารณ์มากที่สุด ท่านรู้สึกว่าวิธีการฝังเข็มของหมอเทพหลินเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าหมอเทพเย่เต็มไปด้วยชื่นชม ก็เหมือนพวกขี้เหล้าเมายาเมื่อได้เห็นสุราชั้นยอด “ฝีมือสุดยอดขั้นเทพ ฝีมือสุดยอดขั้นเทพจริงๆ!”
“ชั่วชีวิตของฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิธีการฝังเข็มที่มหัศจรรย์ขนาดนี้! และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่มีฝีมือการฝังเข็มที่ลึกล้ำสูงส่งเพียงนี้!”
“ไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้ ไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้จริงๆ! ฮาฮา…..” สีหน้าของหมอเทพเย่พอใจอย่างยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ราวกับพวกปีศาจสุราที่ได้ดื่มสุราชั้นดีเยี่ยมเข้าไป
“เหนือชั้นมาก เหนือชั้นจริงๆ! ดูเหมือนว่าพวกเราดูถูกเขามากเกินไปแล้ว!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดด้วยเสียงที่ตกตะลึง
“เมื่อได้เห็นวิชาการฝังเข็มของเขาแล้ว ฉันรู้สึกว่าวิธีการฝังเข็มที่ฝึกเรียนมาครึ่งค่อนชีวิตมันต้องเป็นของปลอมแน่นอนเลย!” ผู้เฒ่าวัย60กว่าคนหนึ่งถึงกับร้องไห้ออกมาราวกับเด็กน้อย
คนพวกนี้ถึงแม้ว่าจะดื้อรั้นไปบ้างก็ตาม แต่ว่าก็มีสายตาที่แหลมคม อยู่ต่อหน้าคนที่มีความรู้วิชาการแพทย์ที่สูงส่ง พวกเขาก็มีแต่ยอมศิโรราบด้วยความยินดี!
หลินหยุนก็อาศัยวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ทำให้พวกคณะผู้เชี่ยวชาญที่มาจากเมืองหลวงยอมสยบราบคาบ
เย่เซิ่งหมิงมองดูชายหนุ่มที่ท่วงท่าฝังเข็มดุจดั่งเทพคนนั้นด้วยอาการมึนงง ราวกับว่าถูกสายฟ้าผ่าจากสวรรค์ชั้นเก้าผ่าลงมาตรงกลางกระหม่อม
เย่เซิ่งหมิงมีความรู้สึกมาโดยตลอดว่า ในด้านทักษะฝีมือการฝังเข็มนั้น คุณปู่ของเขาถ้าเป็นอยู่อันดับ 2 แล้ว ในโลกนี้ก็ไม่มีใครกล้าที่จะรับเป็นอันดับ1แน่นอน
แล้วเขาก็ต้องอยู่ในอันดับที่ 3
สุดท้ายเมื่อได้เห็นวิชาการฝังเข็มของหลินหยุนแล้ว เย่เซิ่งหมิงก็เริ่มจะสงสัยวิถีชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองแล้ว