จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 24 คิดเงิน
บทที่ 24 คิดเงิน
เมื่อพูดออกไป แต่ละคนก็มองไปที่หลินหยุน
หลี่เหยนหัวเราะก๊ากอย่างดูถูก: “หลินหยุน ใครก็รู้ว่านายมันไอ้คนไร้ประโยชน์ที่ตกถังข้าวสาร นายจะไปเอาเงินมาจากไหน?”
“อย่าบอกนะว่าอีกแป๊บหยู่เวยเลือกเสื้อผ้าเสร็จ แล้วให้นายไปคิดเงิน และนายก็หาข้ออ้างเอาตัวรอดอ่ะ!”
จ้างกางพูดเสียงเข้ม: “คนบางคนไม่ต้องทำหน้าใหญ่ก็ได้นะ เดี๋ยวไม่มีเงินจ่ายขึ้นมา นั้นไม่ได้ทำให้หยู่เวยหน้าแตกไปด้วยหรอกเหรอ?”
หวางเสี่ยวซีตรงยิ่งกว่า หล่อนมองไปที่หลินหยุนแล้วถาม: “หลินหยุน นายมีเงินเหรอ?”
อีหลิงก็ไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะมีเงิน เธอคิดว่าหลินหยุนโดนพวกเว่ยเทียนหมิงทำให้โมโห จึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมา
“หลินหยุน ของที่นี่ไม่ถูกนะ นายต้องคิดให้ดีนะ อย่าเพราะว่าวู่วาม แล้วไปตอบรับสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเอง”
ชาติที่แล้วอีหลิงก็เคยช่วยหลินหยุน ชาตินี้ ผู้หญิงที่สง่างามราวเทพคนนี้ ก็ยังคงใจดีเหมือนเดิม
หลินหยุนส่งยิ้มบางๆ ให้อีหลิง แล้วพูด: “วางใจเถอะ ฉันตอบตกลงไปแล้ว ก็ต้องทำได้”
เซี่ยหยู่เวยจ้องหลินหยุนอย่างเย็นชา แล้วพูดเสียงเข้ม: “อย่าฝืนเลย นายจะไปเอาเงินมาจากไหน?”
ตอนที่จินซื่อหรงมอบบัตรทองม่วงให้หลินหยุน เซี่ยหยู่เวยไม่ได้อยู่ด้วย ถึงแม้ที่ร้านไห่หลานจะเห็นหลินหยุนนำบัตรทองม่วงออกมา แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามีเงินที่จินซื่อหรงมอบให้เขาอยู่ห้าล้าน
“เธอไม่ต้องสนใจ อยากซื้ออะไรก็ซื้อไป” สีหน้าของหลินหยุนเย็นชา เซี่ยหยู่เวยยั่วโมโหเขาได้สำเร็จ
ที่จริงเซี่ยหยู่เวยอยากจะเตือนหลินหยุนว่าไม่ให้ฝืน เดี๋ยวจะหันหลังกลับไม่ได้ มีแต่จะทำให้อับอายมากขึ้นเท่านั้น
แต่ว่า เมื่อเห็นท่าทางยิ่งผยองของหลินหยุนแล้ว จู่ๆ เซี่ยหยู่เวยก็ไม่อยากพูดอะไรแล้ว เขาอยากจะฝืนมากใช่มั้ย งั้นก็จะให้เขาอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคนไปเลย!
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนติดเบ็ด ทันใดนั้นหลี่เหยนก็ยิ้มออก แล้วพูด: “สาวสวยทั้งสาม พวกเธอเลือกเสื้อผ้าที่พวกเธอต้องการได้แล้ว จำไว้นะ ไม่ต้องประหยัดเพื่อพวกเรา โอกาสมีแค่ครั้งเดียวนะ!”
“ป่ะ ครั้งนี้เอาให้กระเป๋าพวกเขาทะลุไปเลย!” หวางเสี่ยวซีขยิบตาให้หลี่เหยน แล้วพาเซี่ยหยู่เวยกับอีหลิงเดินไปยังราวแขวนชุดที่แพงที่สุด
หวางเสี่ยวซีคุ้นเคยกับที่นี่ดี ไม่นานก็พาเซี่ยหยู่เวยกับอีหลิงที่ถือของเต็มไปเต็มมือกลับมา
“ป่ะ!ไปคิดเงิน!” หวางเสี่ยวซีมองไปที่หลินหยุน ในตาเผยให้เห็นถึงความรอคอย หล่อนอยากจะเห็นหลินหยุนอับอาย
อีหลิงมองไปที่หลี่เหยน พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด: “ขอโทษ ฉันชอบแค่ชุดเดียว แต่เสี่ยวซียัดใส่มือมาให้เยอะขนาดนี้ เดี๋ยวฉันจ่ายเองดีกว่านะ!”
หลี่เหยนแกล้งโมโหแล้วพูด: “อีหลิง เธอคิดว่าฉันจ่ายไม่ไหวเหรอ? เมื่อกี้พูดแล้วนี่ พวกเธอเลือกได้ตามใจ ผู้ชายอย่างพวกเราออกเงินเอง!ฉันคิดว่าเธอซื้อน้อยไปด้วยซ้ำ?”
“ใช่แล้วเสี่ยวหลิงหลิง คุณชายหลี่โง่แต่เงินเยอะ ถ้าไม่คว้าของฟรีเดี๋ยวจะไม่มีโอกาสนะ!” หวางเสี่ยวซีรู้ว่าหลี่เหยนอยากจีบอีหลิง แต่อีหลิงก็นิ่งเฉยใส่เขามาตลอด หล่อนจงใจสร้างโอกาสให้หลี่เหยน
อีหลิงไม่พูดอะไรต่อ
หลี่เหยนมองไปทางหลินหยุน บนหน้าของเขามีรอยยิ้มเย้ยหยัน: “หลินหยุน ไปจ่ายเงินเถอะ!”
“ถ้าหากไม่มีเงินก็ขอยืมคุณชายเว่ยของเราก่อนได้นะ ฉันเชื่อว่าคุณชายเว่ยเต็มใจช่วยเหลือคนนะ”
เซี่ยหยู่เวยมองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้ารังเกียจแล้วหันหน้าหนี
หลินหยุนไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาดูถูก แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน จากนั้นก็หยิบบัตรทองม่วงที่จินซื่อหรงให้มาโยนลงบนเคาน์เตอร์
“คิดเงินเถอะ!” หลินหยุนพูดอย่างเย็นชา
“โห จะจ่ายจริงว่ะ!” หลี่เหยนยิ้มชั่ว นัยน์ตาเต็มได้ด้วยความเหยียดหยาม
จ้าวกางหัวเราะเยาะ: “ก็แค่แกล้งทำ ฉันล่ะไม่เชื่อว่าไอ้แมงดาไร้ประโยชน์คนนึงมันจะไปเอาเงินจากไหนมาจ่าย ชุดพวกนั้นเป็นชุดที่เสี่ยวซีเลือก อย่างน้อยก็ต้องหลายหมื่นอยู่”
เซี่ยหยู่เวยขมวดคิ้ว หลินหยุนไม่เคยพกเงินติดตัวเกินสามหลัก ราคาของชุดพวกนี้มากกว่าสามหมื่นหกพัน เขาจะไปมีเงินมาจ่ายได้ยังไง?
“เอาละ ไม่ต้องโชว์ออฟแล้ว ทั้งตัวนายมีเงินอยู่เท่าไหร่ฉันไม่รู้หรือไง? ไม่ต้องทำเป็นหนาใหญ่แล้ว มีประโยชน์อะไร!” เซี่ยหยู่เวยดุ
เมื่อได้ยินที่เซี่ยหยู่เวยพูด หลี่เหยนกับจ้าวกางและคนอื่นก็สนุกยิ่งขึ้น มีแค่อีหลิงที่มองหลินหยุน ด้วยสายตาสงสาร
หลินหยุนมองเซี่ยหยู่เวยอย่างนิ่งๆ ไร้ความรู้สึก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแสดงให้เห็น “เมื่อก่อนเธออาจจะรู้จักฉันดี แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถึงแม้ว่าเธอจะใช้เวลาถึงชีวิตค้นหาตัวตนฉัน แต่สิ่งที่เธอจะได้เห็นเพียงอย่างเดียว มีแค่รอยเท้าของฉัน!”
“วางของลง เดี๋ยวก็รู้เองว่าฉันมีเงินจ่ายมั้ย”
มหากษัตริย์ชางฉอง กลัวแต่ว่าแม้แต่รอยเท้าของหลินหยุนเซี่ยหยู่เวยก็ยังตามไม่เจอ
เซี่ยหยู่เวยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ที่ผ่านมาไม่ว่าเธอจะด่ายังไง หลินหยุนก็ไม่เคยสวนเธอสักคำ แต่ว่าตอนนี้เขากลับกล้าดูหมิ่นเธอ ต่อหน้าคนอื่นเยอะแยะแบบนี้!
ความแตกต่างอย่างมากนี้ทำให้เซี่ยหยู่เวยรับไม่ได้
“ได้ ถ้านายอยากขายหน้า งั้นฉันจะสนองให้!” เซี่ยหยู่เวยวางเสื้อผ้าลงบนเคาน์เตอร์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “คิดเงิน”
“ทั้งหมดสามหมื่นหกพันแปดร้อยเหรียญค่ะ!” พนักงานด้านหลังเคาน์เตอร์พูดจบ ก็หยิบบัตรทองม่วงที่หลินหยุนโยนลงบนโต๊ะขึ้นมา
แต่ละคนมองพนักงานรูดบัตรอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางสนุก พวกเขารอให้พนักงานพูดว่า:ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย เงินไม่บัตรไม่พอค่ะ
เสียดาย พนักงานนำบัตรวางคืนลงบนโต๊ะ แล้วพูดว่า: “นี่บัตรค่ะคุณผู้ชาย โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ!”
อะไรนะ!
หลี่เหยนกับจ้าวกางช็อก!
สีหน้าของหวางเสี่ยวซีเต็มไปด้วยความสงสัย
มุมปากของอีหลิงจู่ๆ ก็มีรอยยิ้มเกิดขึ้น มองไปทางหลินหยุนนัยน์ตาแสดงให้เห็นความน่าสนใจ
สายตาของเซี่ยหยู่เวยนั้นซับซ้อน มองไปทางหลินหยุนแต่ไม่ได้พูดอะไร
สีหน้าของเว่ยเทียนหมิงย่ำแย่เล็กน้อย เขามองไปทางหลินหยุน นัยน์ตาแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
“นี่ ทำไมเป็นแบบนี้? ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ทำไมถึงมีเงินล่ะ!หรือว่ามันเตรียมมาล่วงหน้า?” หลี่เหยนเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเว่ยเทียนหมิง ก็กลืนน้ำลาย กลัวว่าเว่ยเทียนหมิงจะตำหนิ
ที่จริงอยากจะหาโอกาสทำให้หลินหยุนขายหน้า จากนั้นก็จะให้เว่ยเทียนหมิงจ่ายให้เซี่ยหยู่เวย ทำให้เว่ยเทียนหมิงพอใจ
ตอนนี้ดันทำเรื่องยุ่ง และกลับทำให้หลินหยุนได้หน้า
หลินหยุนเหลือบมองเซี่ยหยู่เวยอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก: “หยิบของที่เธอซื้อขึ้นมาเถอะ!”
“เดี๋ยวก่อน!”
ขณะนั้น เว่ยเทียนหมิงที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยปากขึ้น
ภายใต้สายตาสงสัยจากคนรอบข้าง เว่ยเทียนหมิงเดินเข้าไป ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แล้วควักบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและโยนมันลงบนโต๊ะ
มองไปที่พนักงานคนนั้น แล้วพูดเสียงเข้ม: “ค่าชุดของคุณผู้หญิงคนนี้ฉันจ่ายเอง!”
พนักงานคนนั้นชะงักอยู่ครู่ แล้วมองเว่ยเทียนหมิงอย่างอึดอัด เธอพูด: “ขออภัยด้วยค่ะ ค่าชุดของคุณผู้หญิงท่านนี้เมื่อครู่คุณผู้ชายท่านนั้นชำระเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
เว่ยเทียนหมิงพูดด้วยที่หน้าบูดบึ้ง: “ไปเรียกผู้จัดการมา!”
“เอ่อ……เรื่องนี้ไม่น่าจะต้องถึงกับเรียกผู้จัดการมาเลยนะคะ?” พนักงานเห็นท่าทางของพวกเว่ยเทียนหมิง ก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้เว่ยเทียนหมิงจะโวยวายสร้างปัญหา แต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจ
หลี่เหยนพูดอย่างเย็นชา: “ใช้ให้เธอไปเรียก เธอไปเรียกมาก็พอแล้ว พูดทำไมเยอะแยะ!รู้มั้ยที่ยืนอยู่หน้าเธอนี่เป็นใคร?”
“ค่ะ ฉันจะไปเรียกเดี๋ยวนี้!” พนักงานตกใจจนวิ่งไปตามผู้จัดการมา
ไม่นาน ชายสวมชุดสูทคนนึงก็เดินเข้ามา พร้อมรอยยิ้มรับแขกบนใบหน้า: “ทั้งสองท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ที่จริงพนักงานได้เล่าเรื่องราวให้เขาฟังแล้ว แต่ว่าตามขั้นตอน ก็ต้องถามอีกรอบนึง
เว่ยเทียนหมิงไม่พูดอะไร ก็โยนบัตรธนาคารลงตรงหน้าผู้จัดการ: “คืนเงินให้เขาไป ค่าชุดของผู้หญิงคนนี้ผมจ่ายเอง!”
ผู้จัดการเห็นครั้งแรกก็จำเว่ยเทียนหมิงได้ ถึงแม้จะไม่รู้จักฐานะของเขา แต่ก็รู้ว่าเว่ยเทียนหมิงเป็นแขกประจำของร้านนี้ ตระกูลของเขาน่าจะไม่ธรรมดา เขาก็ไม่กล้าขัดใจ