จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 245 ผู้อยู่เบื้องหลัง
“ดินแดนทิ้งร้าง? ” หลินหยุนถามขึ้นด้วยความสงสัย: “ทำไมพวกเขาถึงเรียกขานที่แห่งนี้ว่าดินแดนทิ้งร้างด้วยล่ะ? ถูกผู้ใดปล่อยทิ้งร้างเอาไว้? ”
ชนเผ่ามารมายาพูดว่า: “เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบอย่างแน่ชัด คนเหล่านั้นก็เพียงได้ยินมา ตอนที่ข้ามาถึงที่แห่งนี้ ดินแดนแห่งนี้อยู่ในยุคน้ำแข็ง”
“ถ้าหากนายต้องการที่จะทราบว่าสถานที่แห่งนี้ถูกผู้ใดปล่อยทิ้งรกร้าง เกรงว่าคงจะต้องสืบเสาะไปในยุคสมัยที่โบราณยาวนานมากกว่านี้! ”
ยุคน้ำแข็ง!
“ถ้าเป็นตามที่พูด ตอนที่นายมาถึงบนโลก ดินแดนแห่งนี้ยังไม่ถือกำเนิดมนุษย์ขึ้นอย่างนั้นน่ะสิ?” หลินหยุนถามขึ้น
“ไม่ใช่ ตอนที่ข้ามาถึงที่นี่นั้น ที่นี่คือสังคมทาสแล้ว แต่หากจะให้เจาะจงว่าเป็นยุคสมัยใดข้าก็จำไม่ได้แล้ว” ชนเผ่ามารมายาพูดขึ้น
“ยุคน้ำแข็งก็มีสังคมทาสแล้วอย่างนั้นเหรอ? ” เวลานี้ ขนาดหลินหยุนเองก็เริ่มจะงุนงงแล้ว
เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้นั้นไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่ว่ายังมีคำถามปริศนาอยู่อีกมากมาย แต่ความจริงของประวัติศาสตร์นั้นยากต่อการค้นหาคำตอบ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่สามารถที่จะทำสำเร็จได้
ถ้าเป็นไปตามที่ชนเผ่ามารมายาเล่า โลกในยุคน้ำแข็งก็มีสังคมทาสแล้ว ถ้าอย่างนั้นประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการถือกำเนิดขึ้นของมนุษย์บนโลกนี้ ก็คงจะต้องถูกลบล้าง
“เล่าเรื่องราวที่นายทราบ ออกมาให้หมด” หลินหยุนพูด
ชนเผ่ามารมายาครุ่นคิด แล้วก็ส่ายศีรษะ: “ไม่มีแล้ว ข้ามาถึงไม่นานก็พบกับศัตรู หลังจากจิตวิญญาณหลบหนีออกมาได้ ก็ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ข้าจึงฟื้นคืนสติขึ้น และเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว เรื่องราวภายนอกข้าก็มองไม่เห็น สิ่งที่ข้ารู้รับทราบก็มีเพียงเท่านี้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นนายก็ถึงเวลาหลับพักผ่อนให้สบายแล้ว”
“นาย นายไม่ถือสัจจะคำพูด……อา! ”
เมื่อพูดจบ หลินหยุนก็กลืนจิตวิญญาณชนเผ่ามารมายานี้เข้าไป ซึ่งช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้ การดำรงอยู่ของเขานั้น ไม่เหมาะสมที่จะอยู่บนโลกใบนี้ มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา
จิตของหลินหยุนออกมาจากจี้หยกแล้ว ส่วนภายนอกนี้เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“หมอเทพหลิน เป็นอย่างไรบ้าง? ” นายท่านเสี้ยงถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด
หลินหยุนตอบว่า: “สำเร็จแล้ว เดี๋ยวข้าขอตรวจดูอาการในร่างกายของท่านหน่อย”
“นี่มันสำเร็จแล้ว? ไร้สาระ! ” เสี้ยงจื๋อหนานยิ้มเย็นชาด้วยความเหยียดหยาม: “นายจะรับประกันได้อย่างไร? ”
นายท่านเสี้ยงจ้องไปที่เขา เสี้ยงจื๋อหนานก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามอีก
“หมอเทพหลิน เชิญ! ” นายท่านเสี้ยงกล่าว
หลินหยุนตรวจดูร่างกายของนายท่านเสี้ยง ร่างกายของเขานั้นบำรุงรักษาเป็นอย่างดี นอกจากพลังชีวิตที่ถูกดูดกลืนทำให้มีอาการป่วยหนักแล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง
ยากลั่นสำหรับรักษาพลังชีวิตและจิตใจหลินหยุนก็สามารถที่จะกลั่นยาได้ แต่ที่สำคัญคือสมุนไพรนั้นหาค่อนข้างยาก
แต่ว่า ตอนนี้วิญญาณเผ่ามารมายาได้ถูกกำจัดสูญสิ้นไปแล้ว แม้ว่าจะไม่กินยากลั่น ร่างกายของนายท่านเสี้ยงก็สามารถที่จะค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติได้
“ข้าจะปรับสมดุลร่างกายให้ท่านหนึ่งรอบ”
หลินหยุนใช้ฝ่ามือกดทับลงไปที่แผ่นหลังของนายท่านเสี้ยง พลังทิพย์ที่อ่อนโยนได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของนายท่านเสี้ยง เพื่อซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายของเขา
นายท่านเสี้ยงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน สีหน้าแสดงออกถึงอาการตกตะลึงโดยพลัน: “หมอเทพหลินเก่งยอดเยี่ยมจริง ๆ ด้วย”
สิบนาทีผ่านไป หลินหยุนปล่อยมือลง
“เรียบร้อยแล้ว ต่อไปความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกฉีกขาดวิญญาณจะไม่ปรากฏขึ้นอีกแล้ว” หลินหยุนกล่าว
“จริงเหรอ? ” ตอนแรกที่ได้ยินคำพูดนี้ นายท่านเสี้ยงมีความรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อถือได้
หลินหยุนพูดว่า: “สิ่งของที่สกปรกชั่วร้ายในจี้ชิ้นนี้นั้นได้ถูกกำจัดออกไปหมดสิ้นแล้ว นี่คือเรื่องจริง”
แววตาของเสี้ยงจื๋อหนานปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นแวบหนึ่ง
“คุณพ่อ บริษัทยังมีงานค้างอยู่เล็กน้อย ฉันขอตัวไปก่อนแล้วกัน! ” เสี้ยงจื๋อหนานพูดขึ้น
“ไปเถอะ! ” นายท่านเสี้ยงพยักหน้า
เสี้ยงจื๋อหนานพาหมอเทพหวางจากไป หลินหยุนหันไปมองเขาเล็กน้อย แล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หยางหยิงถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า: “อาจารย์ผู้มีพระคุณ ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ”
นายท่านเสี้ยงขยับเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า: “ข้ารู้สึกว่าร่างกายและจิตใจสดชื่น! ”
“ดีมากเลย! ” หยางหยิงพูดขึ้นด้วยความดีอกดีใจ
นายท่านเสี้ยงมองไปที่หลินหยุน: “ครั้งนี้ต้องขอบคุณหมอเทพหลินที่ช่วยเหลืออย่างมากจริง ๆ! ”
หลินหยุนจ้องมองไปที่จี้หยกในมือ ถามขึ้นว่า: “นายท่านเสี้ยง จี้ชิ้นนี้ท่านได้มันมาจากที่ไหน? ”
นายท่านเสี้ยงคิดชั่วครู่: “เหมือนว่าลูกชายของข้าเป็นผู้มอบให้”
“หมอเทพหลิน นายค้นพบอะไรอย่างนั้นเหรอ? ” หลังจากที่พลังชีวิตฟื้นฟูขึ้น ความคิดความอ่านของนายท่านเสี้ยงก็แปรเปลี่ยนเป็นคล่องแคล่วรวดเร็วขึ้น
หลินหยุนพูดว่า: “อาการป่วยของท่านไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือแผนการร้ายที่สมรู้ร่วมคิด”
“จี้ชิ้นนี้ มีคนจงใจที่จะส่งมอบให้กับท่าน”
ตามที่ชนเผ่ามารมายาพูดไว้ เขาผ่านเจ้าของผู้ครอบครองมาหลายคน ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ที่ทราบว่าจี้ชิ้นนี้คือสิ่งที่ไม่เป็นมงคล
แต่ สุดท้ายก็มีคนส่งมอบให้กับนายท่านเสี้ยง แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีคนจงใจทำเรื่องนี้ขึ้น
นายท่านเสี้ยงดูเหมือนว่าคิดอะไรออกได้เพิ่มเติม สีหน้าท่าทางแปรเปลี่ยนดูไม่ดีขึ้นอย่างกะทันหัน
“ข้ารับทราบแล้ว ขอบคุณมากที่หมอเทพหลินเตือนสติให้ข้านึกขึ้นมาได้! ”
“โจวต่ง นายไปคำนวณทรัพย์สมบัติของข้าหน่อย แล้วนำจำนวนครึ่งหนึ่งโอนไปเป็นชื่อของหมอเทพหลิน! ”
โจวต่งตกใจเล็กน้อย ต้องการจะพูดเตือนอะไรออกไป แต่ เมื่อเห็นท่าทางที่เข้มงวดของนายท่านเสี้ยงแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า: “รับทราบ! ”
“หมอเทพหลิน กรุณารอสักครู่! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องหรอก หยางหยิงได้มอบค่าตอบแทนให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”
“ภายในหนึ่งเดือนนี้ต้องระมัดระวัง ห้ามทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยเกินกำลัง” หลินหยุนพูดกำชับไว้
นายท่านเสี้ยงรีบพูดขึ้นว่า: “หมอเทพหลิน หากข้าเคยได้ลั่นวาจาเอาไว้กับใครแล้ว จะต้องปฏิบัติตามสัจจะที่ให้ไว้อย่างแน่นอน หากว่าทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของข้าในตอนนี้นายยังไม่ต้องการนำเอาไป ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเก็บรักษาแทนนายเอาไว้ก่อน หากเมื่อไหร่ต้องการก็สามารถมานำเอาไปได้ตลอดทุกเมื่อ! ”
หลินหยุนมองไปยังนายท่านเสี้ยง รับรู้ได้ว่า นายท่านเสี้ยงมีความจริงใจอย่างที่สุด
“ตกลง” หลินหยุนก็ไม่เกรงใจแล้ว ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเสี้ยงในสายตาของเขาแล้ว แทบไม่มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น
“หยางหยิง คุณดูแลต้อนรับหมอเทพหลินแทนข้าด้วยนะ ข้ามีธุระที่จะต้องไปจัดการ” นายท่านเสี้ยงหลังจากที่ได้รับพลังทิพย์บำรุงร่างกายจากหลินหยุนแล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรไปจากคนปกติทั่วไป
หยางหยิงตอบรับด้วยความเคารพ: “รับทราบ! ”
“หมอเทพหลิน ข้าขอตัวก่อน! ” นายท่านเสี้ยงขออภัยก่อนกล่าวลา แล้วก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับโจวต่ง
หลินหยุนทราบดีว่า เกรงว่าจะมีใครบางคนที่จะต้องโชคร้ายเสียแล้ว
หยางหยิงมองไปยังหลินหยุน คำนับอย่างอ่อนน้อมและพูดว่า: “หมอเทพหลิน ท่านช่วยแม่ของฉัน และก็ช่วยอาจารย์ผู้มีพระคุณของฉันด้วย ฉันไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะขอบคุณท่านอย่างไรดี! ”
“ต่อไปหากมีเรื่องอะไรที่ให้ท่านต้องการให้ฉันช่วยเหลือ ก็พูดบอกมาได้เลย! ”
หลินหยุนพูดว่า: “ที่จริงแล้ว คุณหยางไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ คุณได้มอบค่าตอบแทนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
หยางหยิงไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อครู่นี้ที่หลินหยุนพูด เธอคิดว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่หลินหยุนใช้เพื่อบอกปัดความตั้งใจของนายท่านเสี้ยง
แต่ตอนนี้นายท่านเสี้ยงได้เดินจากไปแล้ว เขายังคงพูดแบบนี้อยู่อีก หยางหยิงไม่ทราบจริง ๆ ว่าเมื่อไหร่กันที่เธอได้มอบค่าตอบแทนให้กับเขาแล้ว?
“หมอเทพหลิน ฉันให้ค่าตอบแทนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันเองยังไม่ทราบเลย? ” หยางหยิงถามขึ้นด้วยความสงสัย
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย: “คุณช่วยเหลือเพื่อนของฉันในการจัดเตรียมบทบาทการแสดง ก็คือค่าตอบแทนไงล่ะ”
หยางหยิงนึกขึ้นได้ฉับพลัน หัวเราะดังลั่นและพูดว่า: “หมอเทพหลินพูดติดตลกจริง ๆ นั่นถือเป็นค่าตอบแทนได้อย่างไรกันล่ะ! เป็นฉันเองที่ใช้คนผิดพลาด จึงเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ช่วยหลิวทำร้ายพวกคุณขึ้น ดังนั้นบทบาทการแสดงนั้นถือเป็นการที่ฉันได้ชดเชยให้กับพวกคุณ”
หลินหยุนพูดว่า: “นั่นก็เพียงพอแล้ว”
แม้ว่าหยางหยิงอายุยังน้อย แต่อยู่ในวงการบันเทิง หลายปีมานี้ จึงพอที่จะมองลักษณะนิสัยของคนออกบ้าง
เธอมองออกว่า ไม่ว่าจะเป็นคำตกลงของเธอที่ให้ไว้ หรือว่าทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเสี้ยง หลินหยุนนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
สายตาของหยางหยิงที่มองไปยังหลินหยุน เรืองรองเป็นประกาย
วัยรุ่นลักษณะนี้ ตอนนี้หาได้ยากมากจริง ๆ
“ใช่แล้วคุณหลิน หลังจากนี้ห้าวัน การประชุมสุดยอดจงโจวก็จะมีขึ้น ครั้งนี้จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเข้าร่วมงาน คุณสนใจที่จะเข้าร่วมงานไหม? ” หยางหยิงถามขึ้น
การประชุมสุดยอดจงโจว?
แววตาของหลินหยุนยังคงปกติ แต่ว่า ในสมองกลับนึกถึงเรื่องราวหนึ่งขึ้นมาได้
ชาติที่แล้ว หลังจากที่พ่อแม่บังเกิดเกล้าตามหาเขาจนเจอ เขาจึงได้รับการเลี้ยงดูปลูกฝังอย่างดีจากแม่หวางซูเฟิน เตรียมพร้อมที่จะรับช่วงสานต่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปที่หวางซูเฟินเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น
ในช่วงเวลานั้น ขณะที่เขากำลังศึกษาประวัติและพัฒนาการของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็ได้รับทราบว่าในการประชุมสุดยอดจงโจวเมื่อสามปีก่อน บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปประสบกับวิกฤตอย่างร้ายแรง
เหมือนกับว่าบริษัท หัวอัน กรุ๊ปของตระกูลส้งผู้ที่มีอิทธิพลในจงโจว จงใจกลั่นแกล้งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของหวางซูเฟิน โดยที่ได้สมรู้ร่วมคิดวางแผนการชั่วร้าย
ในช่วงนั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเกือบที่จะประสบกับภาวะวิกฤตอย่างรุนแรง หนึ่งปีต่อมาตกต่ำถึงขีดสุด หากไม่ใช่เพราะหวางซูเฟินมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลม นำเข้าทรัพยากรวัตถุดิบมาจากต่างมณฑล และซื้อที่ดินแห่งหนึ่งที่คนอื่นต่างมองกันว่าไม่ดี เกรงว่าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคงจะล้มละลายลงตั้งแต่ตอนนั้น
หลินหยุนจำได้อย่างชัดเจนว่า เขาได้ถูกพ่อแม่บังเกิดเกล้ารับตัวกลับไปเลี้ยงดูในช่วงหลังจากนั้นสามปี
ถ้าอย่างนั้นการประชุมสุดยอดจงโจวเมื่อสามปีก่อน ก็คือการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ที่หยางหยิงพูดถึงอยู่ไม่ใช่เหรอ?