จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 246 พิธีเปิดงาน
มีบุคคลใดเข้าร่วมงานบ้างล่ะ? ” หลินหยุนถามขึ้น
หยางหยิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือไม่ทราบเหมือนกันว่าเธอมองเห็นผิดพลาดไป เมื่อสักครู่ เธอนึกไม่ถึงว่าจะเห็นแววตาของหลินหยุน ที่มีความคาดหวังเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนที่สงบเงียบพูดน้อย เหมือนกับว่าไม่สนใจในเรื่องราวอะไรสักเท่าไหร่ แม้แต่ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเสี้ยงหลินหยุนก็ยังไม่สนใจ ทำไมเมื่อได้ยินถึงการประชุมสุดยอดจงโจวแล้ว จึงแสดงท่าทางที่คาดหวังออกมา?
“ได้ยินว่าส้งหัวอันประธานกรรมการบริษัท หัวอัน กรุ๊ปแห่งจงโจวจะเป็นพิธีกรในการประชุมสุดยอดครั้งนี้เอง คนในจงโจวและรวมไปถึงผู้คนจากมณฑลต่าง ๆ โดยรอบ ก็จะมาเข้าร่วมงานด้วย! ”
“บริษัท หัวอัน กรุ๊ปคือผู้มีอิทธิพลในจงโจว ปีนี้ยิ่งเป็นที่สนใจมากขึ้น ได้ยินว่าไม่นานมานี้ก็เพิ่งสานสัมพันธ์กับตระกูลยักษ์ใหญ่รายหนึ่งในเมืองหลวง ดังนั้น คนจำนวนมากต่างก็ต้องการที่จะอาศัยการประชุมสุดยอดครั้งนี้ เพื่อประจบบริษัท หัวอัน กรุ๊ป”
หลินหยุนถามขึ้นว่า: “บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะเข้าร่วมงานด้วยไหม? ”
“บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป? ที่คุณพูดถึงก็คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ไฟแรงของหวางซูเฟินใช่ไหม? ” หยางหยิงสอบถาม
“ใช่เลย”
“หลายปีมานี้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก แต่ถึงยังไงก็เป็นเพียงบริษัทหน้าใหม่ พื้นฐานยังไม่ค่อยมั่นคง แต่ ได้ยินว่าประธานกรรมหวางผู้นั้นเก่งมาก โดยการประชุมสุดยอดจงโจวในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะเข้าร่วมกับกลุ่มบริษัทเก่าแก่ดั้งเดิม ซึ่งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน” หยางหยิงพูดวิเคราะห์
หลินหยุนแววตาเงียบสงบ: “ดูเหมือนว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งนี้อย่างแน่นอน โดยในชาติที่แล้วคุณแม่ตำหนิโทษตัวเองมาโดยตลอดที่ล้มเหลวกับการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ จนถึงขนาดตอนที่ใกล้จะสิ้นลมหายใจ ก็ยังคงพะว้าพะวังอยู่ในใจ”
“ครั้งนี้ เป็นหน้าที่ของฉันที่จะชดเชยความเสียใจแทนคุณแม่เอง! ”
“ตระกูลส้ง ในชาติที่แล้วแกทำให้ครอบครัวของข้าบ้านแตกสาแหรกขาด สร้างความอัปยศทำให้พี่ฉินหลันเสียเกียรติจวบจนวันตาย โดยช่วงเวลาผ่านไปแปดร้อยปีแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ได้มาพบเจอกันอีกครั้ง”
ร่างกายของหลินหยุน แสดงออกถึงเจตนาสังหารอย่างเย็นชาขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หยางหยิงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกว่าเย็นวาบไปทั้งตัว เหมือนกับตกลงไปยังอุโมงค์น้ำแข็ง
“คุณหลิน คุณเป็นอะไรไปเหรอ? ”
หลินหยุนรวบรวม
ลมหายใจ พูดขึ้นว่า: “ไม่เป็นไร เพียงแค่คิดถึงเรื่องราวอะไรบางอย่าง”
หยางหยิงพูดว่า: “หากคุณสนใจการประชุมสุดยอดจงโจว สามารถที่จะติดตามฉันไปร่วมงานได้ โดยที่สองวันหลังจากนี้ในพิธีเปิดงานการประชุมสุดยอดจงโจวจะมีการจัดกิจกรรมการแสดงขึ้น ซึ่งฉันเป็นหนึ่งในนักแสดงนั้นด้วย คุณก็ตามฉันเข้าไปข้างในงานด้วยกัน”
“ตกลง! ” หลินหยุนพยักหน้าตอบรับ
แต่ว่า ทันใดนั้นหลินหยุนก็มีความคิดขึ้นมาแวบหนึ่ง โดยนึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่ง
ในชาติที่แล้ว เขาก็เคยให้ความสนใจในตัวของหยางหยิง แต่ไม่มีโอกาสที่ได้พบเจอหน้ากันสักครั้ง แต่ว่า ในความทรงจำหยางหยิงที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก กลับหายตัวเข้ากลีบเมฆไปอย่างกะทันหัน
มีข่าวลับเล็ดลอดออกมาว่า ในพิธีเปิดงานการประชุมสุดยอดจงโจว หยางหยิงได้ล่วงเกินอะไรกับใครเอาไว้
จากนั้น จึงถูกสั่งแบน
นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับหยางหยิงอีกเลย
จากการคำนวณคาดเดาเวลา ก็คงจะเป็นพิธีเปิดงานในครั้งนี้
ชาติที่แล้วตกลงว่าหยางหยิงได้พบเจอกับอุปสรรคอะไรมาบ้าง? ครั้งนี้ หลินหยุนสามารถที่จะสืบหาคำตอบได้อย่างชัดเจนแล้ว
หลินหยุนพักอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเสี้ยงสองวัน แม้ว่านายท่านเสี้ยงจะกำชับไว้เป็นพิเศษ จึงไม่มีใครผู้ใดกล้ามารบกวนหลินหยุน แต่หลินหยุนเองก็รับรู้และรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดกดดันภายในตระกูลเสี้ยง
ตอนกลางคืนมีเสียงร้องอย่างทรมานดังมาจากห้องรับแขก ดูเหมือนว่านายท่านเสี้ยงจะเริ่มลงมือจัดการสะสางปัญหาภายในตระกูลแล้ว
นั่นเป็นเพราะชนเผ่ามารมายาที่อยู่ในจี้ชิ้นนั้นทำร้ายนายท่านเสี้ยงจนทุกข์ทรมานอย่างมากนับครั้งไม่ถ้วน แม้ว่าจะเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตนเองก็ตาม เกรงว่านายท่านเสี้ยงคงจะไม่เบามือเช่นกัน
สองวันต่อมา หยางหยิงมาหาหลินหยุน และพาหลินหยุนไปเข้าร่วมงานพิธีเปิดการประชุมสุดยอดจงโจวด้วยกัน
นายท่านเสี้ยงไม่ได้ออกมาพบปะทักทาย คาดว่าคงจะยุ่งวุ่นวายเรื่องจัดการสะสางปัญหาภายในตระกูลอยู่
พิธีเปิดการประชุมสุดยอดจงโจวในครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้นที่ตึกอาคารที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์มากที่สุดในจงโจว นั่นก็คืออาคารตึกระฟ้าจงโจว
บนรถบ้านของหยางหยิง หยางหยิงกำลังแต่งหน้า และฟังผู้จัดการนักแสดงเฉินซีเฟิ่งพูด: “เวลาการเข้าร่วมงานพิธีเปิดจะสิ้นสุดลงลงในช่วงเช้าเวลาแปดโมงครึ่ง”
“เวลาแปดโมงสี่สิบนาที ตัวแทนของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์”
“เวลาเก้านาฬิกา เริ่มต้นการแสดงอย่างเป็นทางการ”
“หยางหยิงการแสดงของคุณนั้นคือการแสดงที่สาม หลังจากที่เข้าไปในงานแล้วคุณจะมีเวลาว่างอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง”
“แต่เวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ ฉันตัดสินใจวางแผนงานให้คุณพบปะกับผู้บริหารของบริษัทที่แสดงเจตจำนงประสงค์จะมีความร่วมมือกับเรา เพื่อแสวงหาโอกาสการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา”
หลินหยุนฟังอยู่ด้านหลัง เขาทราบดีว่าดาราแม้ภายนอกจะดูดีมีสง่า แต่ที่จริงแล้วหากต้องการที่จะรักษาระดับความโด่งดังมีชื่อเสียง นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หยางหยิงวางดินสอเขียนคิ้วลง และพูดว่า: “เวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นฉันจะพาคุณหลินเดินชมในงาน ยกเลิกงานที่วางแผนไว้ทั้งหมด”
เฉินซีเฟิ่งคิ้วขมวด: “หยางหยิง พิธีเปิดงานในครั้งนี้เศรษฐีผู้ร่ำรวยมาร่วมงานกันคับคั่ง ซึ่งนี่คือโอกาสดีที่หาได้ยากมาก คุณแน่ใจนะว่าจะสละทิ้งโอกาสนี้ไป? ”
“ฉันทราบดีว่าคุณหลินมีบุญคุณต่อคุณ แต่การที่ฉันเป็นผู้จัดการนักแสดงของคุณ ฉันจำเป็นต้องเตือนคุณ”
หยางหยิงยิ้มเล็กน้อย: “พี่เฟิ่ง คนผู้ที่ยังดำรงชีวิตอยู่ ก็มีโอกาสหาเงินที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่ใช่เหรอ? ”
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว! ” เฉินซีเฟิ่งกล่าว
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ที่จริงแล้วคุณไม่ต้องเดินชมงานเป็นเพื่อนฉัน ฉันเดินชมงานเองคนเดียวก็ได้”
หยางหยิงยิ้มและพูดว่า: “คุณหลิน คุณคือผู้มีบุญคุณต่อฉัน แม้ว่าฉันจะยกเลิกแผนงานทั้งหมด ฉันก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้คุณอยู่ลำพังคนเดียว! ”
เวลาแปดโมงเช้า หยางหยิงและทีมงานเดินทางมาถึงสถานที่จัดพิธีเปิดงาน
ด้านหน้าประตูคับคั่งไปด้วยรถยนต์หรูหรา รถยนต์ที่มีมูลค่าประมาณหนึ่งล้านสองล้านหากจอดอยู่ที่นี่คงเป็นเพียงรถยนต์ระดับยาจก หากเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าต่ำกว่าห้าล้าน คงไม่กล้าที่จะขับมาจอดอยู่ที่นี่
ด้านหน้าประตูใหญ่มีหญิงสาวต้อนรับหกคนในชุดกี่เพ้าสีแดง ยามผู้รักษาความปลอดภัยในชุดปฏิบัติการสี่นาย ผู้คนที่เข้าร่วมงานทั้งหมดจะต้องแสดงบัตรเชิญ
หยางหยิงปรากฏตัวขึ้น ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายใด ๆ ผู้คนวันนี้ที่มาร่วมงานนั้นต่างก็เป็นเศรษฐีร่ำรวยระดับร้อยล้าน ในสายตาของพวกเขาเหล่านี้ พวกเหล่าดารานักแสดงที่มีรัศมีโดดเด่นเป็นสง่า ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่พวกเต้นกินรำกินเท่านั้น
แต่ว่า หยางหยิงนอกจากจะเป็นดาราแล้ว ยังเป็นหญิงสาวที่สวยงดงามอย่างมากด้วย
หญิงสาวสวย แน่นอนต้องดึงดูดสายตาของพวกเพลย์บอยเป็นธรรมดา
เมื่อเข้าสู่ห้องโถง หยางหยิงในชุดกระโปรงหางปลาสีขาวที่สั่งตัดพิเศษ สวยงดงามน่าหลงใหล โดยทุกที่ที่เดินผ่าน ดึงดูดสายตาจากผู้คนได้เป็นจำนวนมาก
“โอ้ว นี่ดาราดังหยางหยิงไม่ใช่เหรอ? ดาราดังเมื่อไหร่จะเซ็นชื่อให้ฉันสักทีล่ะ? ” ชายอ้วนวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขึ้นและยิ้มเยาะ
หยางหยิงยิ้มและพูดว่า: “เถ้าแก่กู่พูดล้อเล่นไปได้ ท่านคือผู้โด่งดังแห่งวงการของสะสมโบราณ สถานะร่ำรวยหลายพันล้าน ฉันต้องขอลายเซ็นจากท่านถึงจะถูกต้อง! ”
หลินหยุนมองไปที่เถ้าแก่กู่ผู้นี้ ซึ่งเขาเองรู้จัก เป็นคนพวกเดียวกันกับตระกูลส้ง
นอกจากนี้ แขกที่มาร่วมงานในวันนี้ หลินหยุนต่างก็เคยรู้จักและประทับใจ โดยในชาติที่แล้ว เขาเคยเรียกพวกเขาเหล่านี้ว่าผู้อาวุโส
แต่ว่า คนเหล่านี้หลังจากที่ได้ทราบว่าเขาเคยเป็นลูกเขยที่ย้ายเข้าไปอยู่กับตระกูลเซี่ย จากนั้นก็ไม่เคยใส่ใจในตัวเขาอีกเลย
เดิมทีคิดว่าจะพบเจอกับคนเหล่านี้ อย่างน้อยคงจะเป็นในช่วงอีกสามปีข้างหน้า
แต่เป็นเพราะการกลับชาติมาเกิดใหม่ ในชาตินี้ หลินหยุนจึงได้พบเจอกับพวกเขาก่อนกำหนด
หยางหยิงพาหลินหยุนเดินชมอยู่ภายในห้องโถง ทักทายกับผู้คนเป็นระยะ ๆ และก็แนะนำให้หลินหยุนรู้จัก
“เมื่อครู่ชายวัยกลางคนใส่แว่นผู้นั้น คือจวงเหอ คือเจ้าของบริษัทซิงหั่วกรุ๊ป”
“ผู้หญิงคนนั้น คือผู้บริหารของบริษัทจิ่นลี่กรุ๊ป”
ผ่านไปสักครู่ บนเวทีที่อยู่ด้านหน้าปรากฏชายหนุ่มวัยรุ่นในชุดสูทสีดำ
ชายหนุ่มผู้นั้นถือไมโครโฟนและกล่าวขึ้นว่า: “สวัสดี แขกที่เคารพทุกท่าน! ”
“ฉันคือส้งอันหมิง คือผู้รับผิดชอบดูแลพิธีเปิดงานในครั้งนี้! ”
หยางหยิงมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามและกระฉับกระเฉงบนเวที ตกตะลึงเล็กน้อย: “คิดไม่ถึงว่าตัวแทนของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปในครั้งนี้ จะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลส้ง! ”
“คุณหลิน ผู้นี้คือลูกชายของส้งหัวอันประธานกรรมการบริษัท หัวอัน กรุ๊ป ชื่อว่าส้งอันหมิง! ”
หยางหยิงรออยู่สักครู่ แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากหลินหยุน จึงหันมองไปหาด้วยความสงสัย แต่กลับพบว่าสายตาของหลินหยุนกำลังจดจ้องไปที่ส้งอันหมิงที่อยู่บนเวที อย่างไม่กะพริบตา
หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ แต่จิตใจกลับเย็นชาไปหมด
“ส้งอันหมิง ในชาติที่แล้วตระกูลส้งของนายให้ร้ายครอบครัวของข้าจนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ในตอนท้ายยังบีบบังคับจนข้าจนตรอกหมดหนทาง พี่ฉินหลันที่ต้องการจะช่วยเหลือข้า ถึงกับต้องยอมจำนนต่อแก”
“ส่วนตัวแก กลับทรยศหักหลัง ผิดคำมั่นสัญญา ทำอัปยศอดสูต่อหน้าของข้าจนทำให้พี่ฉินหลันถึงแก่ความตาย”
“ท้ายที่สุด ยังบีบบังคับให้ข้าต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตาย! ”
“เพียงแต่ว่า แกคงนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน ข้าหลินหยุน ได้กลับมาแล้ว! ”