จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 248 แม่ลูกพบกันครั้งแรก
ลูกน้องของเฉียนเจียเหาทั้งหกคน ถูกหลินหยุนตบเรียงตัวทีละคน กระเด็นลอยไปไกล และชนกระทบกับเก้าอี้หลายตัว
ที่สำคัญคือ ช่วงเวลาแค่สูดลมหายใจสั้น ๆ ลูกน้องทั้งหกคนก็ถูกตบกระเด็นลอยไปไกล
นี่มันคือพละกำลังที่รุนแรงอะไรขนาดนี้!
หยางหยิงมองไปที่หลินหยุน อุทานขึ้นด้วยความตกใจ: “คุณหลิน! ”
“ฉันคิดว่าคุณหลินมีเพียงวิชาการแพทย์ที่สูงส่ง ไม่นึกว่าจะมีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจมากขนาดนี้ด้วย! ”
เฉินซีเฟิ่งกับทีมงานต่างก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความตกตะลึง ทักษะการต่อสู้ระดับนี้ พบเห็นได้เพียงตอนที่ถ่ายทำละครเท่านั้น
“ไอ้หนุ่มน้อย แกเป็นใครกัน? กล้ามายุ่งกับเรื่องของข้า! ” เฉียนเจียเหามองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง ลูกน้องทั้งหกคนของเขาถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจอะไร แต่ก็โหดเหี้ยมคนเดียวสามารถต่อกรได้กับสามคน
ขณะนี้ นึกไม่ถึงว่าเพียงเวลาชั่วพริบตาเดียว กลับโดนชายหนุ่มผู้หนึ่งชกคว่ำนอนกองอยู่ที่พื้น
พละกำลังของชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้ ทำให้เฉียนเจียเหาเกิดความหวาดกลัวขึ้นบ้าง!
หลินหยุนมองไปที่เฉียนเจียเหา ในสมองปรากฏภาพในชาติที่แล้วที่เขากำลังข่มเหงรังแกตนเองอยู่เป็นฉาก ๆ
ชาติที่แล้ว เฉียนเจียเหาชอบกลั่นแกล้งตนเองอย่างมาก ทุกครั้งจะต้องทำให้หลินหยุนอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าสาธารณชน
ตอนนั้น หลินหยุนโกรธเคืองอย่างมาก แต่เป็นเพราะส้งอันหมิงปกป้องเฉียนเจียเหา หลินหยุนจึงทำอะไรเขาไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนอดกลั้นความโกรธแค้นนั้นเอาไว้
ในชาตินี้ สำหรับหลินหยุนแล้วเฉียนเจียเหานั้น ก็เป็นเพียงแค่มดตัวน้อยที่จะบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้
หลินหยุนมองไปที่เฉียนเจียเหาอย่างเฉยเมย สายตาแฝงด้วยความดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก: “แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงกล้าดีที่จะจับกุมคนต่อหน้าข้า? ”
ทุกคนโดยรอบต่างหันมองสบตากัน มีบางคนที่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา: “ไอ้หนุ่มคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน? ถึงกล้าที่จะมาด่าว่าเฉียนเจียเหาเป็นใครกัน? คำพูดนี้ขนาดส้งอันหมิงยังไม่กล้าพูดออกมาเลย! เพราะว่าอำนาจบารมีของบริษัท QC entertainment ก็มองข้ามไม่ได้ทีเดียว! ”
“คาดว่าคงจะเป็นบอดี้การ์ดที่หยางหยิงจ้างมาทำงาน ไม่ทราบถึงสถานะของเฉียนเจียเหา โดยที่ยังหนุ่มยังแน่นถึงไม่เกรงกลัวความตาย ก็พอเข้าใจกันได้! ”
“อย่างนั้นไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้คงจะตายเป็นแน่ ขนาดหยางหยิงเองก็ยังเอาตัวไม่รอด แล้วใครจะมาช่วยเหลือเขากันล่ะ! ”
หยางหยิงอยู่ด้านหลังของหลินหยุน กระซิบเตือนว่า: “คุณหลิน นี่มันคือเรื่องส่วนตัวของฉัน คุณอย่าเข้ามาข้องเกี่ยวเลย ฉันไม่อยากจะเดือดร้อนถึงคุณ! ”
หลินหยุนไม่ได้หันกลับมามอง สีหน้าท่าทางแปลกประหลาด: “พัวพันเดือดร้อน? จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ! ”
หลินหยูนเคลื่อนสายตามองไปที่เฉียนเจียเหาที่มีสีหน้าหม่นหมอง พูดขึ้นว่า: “ไอ้คนประเภทนี้อย่างเขา ข้าตบเพียงฝ่ามือเดียวก็ตายกันทั้งกลุ่ม! ”
หยางหยิงเงียบกริบ เธอเคยเห็นหลินหยุนแค่ในสภาพที่ไม่สนใจอะไรสักสิ่งอย่าง โดยไม่เคยเห็นในสภาพที่หยิ่งผยองโหดเหี้ยมอย่างนี้มาก่อน
คิดไม่ถึงว่าตอนที่หลินหยุนบ้าระห่ำขึ้นมา จะดูรุนแรงดุเดือดกว่าเฉียนเจียเหาหลายพันหลายหมื่นเท่าเลยทีเดียว!
แต่ว่า ความโอหังของหลินหยุน กลับไม่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ เหมือนกับว่าเดิมทีหลินหยุนนั้นสมควรจะมีท่าทีเช่นนี้อยู่แล้ว!
สีหน้าของเฉียนเจียเหาดูแย่อย่างที่สุด จิตใจโกรธเคืองอย่างมาก แต่ว่า เขาหวาดผวาในทักษะการต่อสู้ของหลินหยุน จึงไม่กล้าที่จะไปสู้กับหลินหยุน
“ไอ้หนุ่มน้อย ข้าจะหาคนมาจัดการนายเดี๋ยวนี้! ”
เฉียนเจียเหาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร
ด้านหลัง ในห้องพักรับรอง
หลิวลี่หัวมองไปที่ส้งอันหมิง พูดขึ้นด้วยท่าทางที่สนใจ: “คุณชายส้ง นี่มันคือใครมาจากไหนถึงไม่เกรงกลัวความตายขนาดนี้! นึกไม่ถึงว่าจะบ้าระห่ำกว่าเฉียนเจียเหาเสียอีก พวกเราจะช่วยเหลือเฉียนเจียเหากันหรือไม่? ”
ส้งอันหมิงเขย่าแก้วไวน์ที่มีไวน์เต็มแก้วในมือ แล้วพูดขึ้นกับลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่ประตู: “อาเหลียง เรียกคนที่มีฝีมือไปจัดการหน่อย ไปช่วยหนุนหลังเฉียนเจียเหา”
“รับทราบ! ” ชายหนุ่มอาเหลียงหมุนตัวแล้วเดินออกไป
เฉียนเจียเหาเพิ่งจะโทรติดเพื่อขอความช่วยเหลือส้งอันหมิง โดยอาเลียงก็ได้พาลูกน้องสี่คนมายังสถานที่เหตุแล้ว
“พี่เหา พวกข้ามาช่วยคุณแล้ว! ”
เฉียนเจียเหารู้จักอาเหลียง ทราบว่าเขาคือลูกน้องคนสนิทที่มีความสามารถของส้งอันหมิง จึงดีอกดีใจขึ้นโดยพลัน
“มากันก็ดีแล้ว! ”
“ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้ทำร้ายคนของข้า พวกนายช่วยข้าสั่งสอนเขาอย่างหนักหน่อย! ” เฉียนเจียเหาวางสายโทรศัพท์ และพูดตะโกนเสียงดัง
เฉียนเจียเหามองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม: “ไอ้หนุ่มน้อย แกตายแน่! ”
อาเหลียงมองไปที่หลินหยุนอย่างเย็นชา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ฝีมือไม่เลว ข้ามาประลองกับนายเอง! ”
หลินหยุนกวักนิ้วมือเรียกอย่างเหยียดหยาม พูดขึ้นว่า: “พวกนายเข้ามาพร้อมกันเลย”
อาเหลียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที: “บังอาจนัก! ”
จากนั้น อาเหลียงชกออกไปหนึ่งหมัด ทันใดนั้น มีเสียงเย็นชาดังขึ้นท่ามกลางผู้คน: “หยุดเดี๋ยวนี้! ”
การเคลื่อนไหวของอาเหลียงหยุดชะงักลงทันที
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดสูทผู้หญิงสีดำ ไว้ผมสั้นประมาณติ่งหูแลดูสดชื่น รูปร่างสง่างาม คงเสน่ห์เหลือล้น มายืนอยู่ด้านข้างของหลินหยุน
ผู้หญิงคนนี้เมื่อมองแวบแรก จะให้ความรู้สึกกับคนทั่วไปในลักษณะที่คล่องแคล่วมีความสามารถ เหมือนเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความนุ่มนวลอ่อนโยนไปเสียทั้งหมด
ด้านหลังของเธอ มีหญิงสาวสวยคนหนึ่ง มัดรวบผมยาว รูปร่างสูงบาง สง่าอ่อนโยน และใจคอกว้างขวาง พาลูกน้องมาจำนวนหนึ่ง มายืนขวางอยู่ด้านหน้าของอาเหลียงกับเฉียนเจียเหา
ด้านหลัง ที่ห้องพักรับรอง
หลิวลี่หัวตกใจ: “หวางซูเฟินแห่งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! เธอกำลังจะออกหน้าแทนหยางหยิงอย่างนั้นเหรอ? แต่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหยางหยิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”
ส้งอันหมิงเห็นภาพในกล้องวงจรปิด พูดขึ้นว่า: “ฉันรู้สึกว่าหวางซูเฟินไม่ได้ที่จะออกหน้าแทน หยางหยิง แต่ฉันมองว่าเธอน่าจะออกหน้าแทนไอ้หนุ่มน้อยนั้นมากกว่า”
“ได้หนุ่มน้อยนั้นไม่ใช่เป็นบอดี้การ์ดของหยางหยิงอย่างนั้นเหรอ? ระดับสถานะของหวางซูเฟิน จะออกหน้าแทนบอดี้การ์ดแล้วไปล่วงเกินบริษัท QC entertainment ทำไมกันล่ะ? ” หลิวลี่หัวพูดขึ้นด้วยความสับสน
“เรื่องนี้พวกเราก็ไม่ทราบอย่างชัดเจน บางทีอาจจะเป็นเพราะบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในช่วงไม่กี่ปีมานี้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงหยิ่งผยองพองตัวแล้ว” ส้งอันหมิงยิ้มและพูดขึ้น
หลิวลี่หัวเลิกคิ้วไปมา: “คุณชายส้ง แล้วเรื่องนี้พวกเรายังจะสนใจและจัดการต่อไปอีกไหม? ”
ส้งอันหมิงใช้นิ้วมือเคาะเบา ๆ ไปที่โต๊ะ: “ไม่ต้องไปสนใจแล้ว ไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น! หากต้องการให้ใครพินาศย่อยยับ ก็ต้องทำให้ผู้นั้นบ้าระห่ำเสียก่อน”
“ปล่อยให้หวางซูเฟินกำเริบเสิบสานไปก่อน แบบนี้จึงจะสามารถลดการป้องกันของเธอลงได้ ”
หลิวลี่หัวพยักหน้า: “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะโทรศัพท์ไปหาอาเหลียง บอกให้เขาหยุดลงมือ”
“อืม”
ที่ห้องโถง หลินหยุนมองไปยังผู้หญิงวัยกลางคนที่มายืนอยู่ข้างตนเองอย่างกะทันหัน สภาพจิตใจที่ซึมเศร้าหงอยเหงา กลับกลายเป็นตื่นเต้นคึกคักอย่างที่สุดในทันที
คุณแม่!
คำนี้เกือบที่จะพูดหลุดปากออกไป แต่ กลับถูกหลินหยุนอดกลั้นเอาไว้
เวลาผ่านมาแปดร้อยปี ได้พบเจอกับแม่บังเกิดเกล้าของตนเองอีกครั้ง ต่อให้เป็นหลินหยุน ก็อดไม่ได้ที่คิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันภาพลวงตา
ชาติที่แล้ว หวางซูเฟินเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต หลังจากที่คุณพ่อหลินตงหัวรับทราบเรื่อง ก็ป่วยหนัก ซึ่งไม่นานก็ตายตามกันไป
เหลือเพียงหลินหยุนผู้เดียวที่พยุงดูแลบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ยังดีที่ยังมีพี่ฉินหลันคอยให้การช่วยเหลือเขา เขาจึงสามารถบริหารจัดการต่อไปได้
หลินหยุนมองไปที่เงาร่างที่ผอมบางนั้นอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนอย่างน่าแปลกใจ
ชาติที่แล้ว หลังจากที่เขากับหวางซูเฟินพบเจอกันแล้ว จึงมาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง โดยได้ประสบผ่านพ้นการทำร้ายและหักหลังจากเซี่ยหยู่เวย ทำให้หลินหยุนมีการป้องกันทางจิตใจที่หนักแน่นมาก
ส่วนฉินหลัน พยายามทำทุกวิถีทาง จนเป็นคนแรกที่อยู่ในใจของเขา!
ถึงขนาดที่ว่า ในใจของหลินหยุนเอง ก็ยังมีความเสน่หาที่ซับซ้อนต่อฉินหลันด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่าฉินหลันในชาติที่แล้ว ได้แต่ยุ่งจัดการเรื่องราวของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอยู่ตลอด ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องของหลินหยุนเหนือสิ่งอื่นใด ส่วนเธอเองได้กำหนดสถานะไว้เป็นเพียงลูกน้องของหลินหยุน
ไม่กล้าที่จะล่วงเกินแม้แต่น้อย
จนในที่สุด บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปถูกบีบบังคับกดดันจากบริษัท หัวอัน กรุ๊ปจนหมดหนทาง ฉินหลันที่ต้องการปกป้องหลินหยุน จึงยอมจำนนอย่างฝืนใจต่อส้งอันหมิง
แต่ผลสุดท้าย ส้งอันหมิงผิดคำสัญญา ทำความอัปยศอดสูกับฉินหลันต่อหน้าสาธารณชน ฉินหลันผิดหวังอย่างที่สุด จึงกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย
แม้ว่าต่อมาหลินหยุนจะกลายเป็นมหากษัตริย์ชางฉองที่มีอำนาจบารมีแผ่ไพศาล แต่เรื่องราวที่เจ็บปวดรวดร้าวเหล่านี้ก็ยังคงตราตรึงในจิตใจไม่เคยลืมเลือน ยังคงที่จะทรมานเขาอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นความเสียใจที่มิอาจลบล้างออกจากจิตใจตลอดกาล
ตอนนี้ ได้พบเห็นคุณแม่หวางซูเฟินกับฉินหลันที่มีชีวิตยืนอยู่เบื้องหน้าของตนเอง หลินหยุนจึงต้องการที่จะขอบคุณภัยอัสนีขึ้นในทันที
ขอบคุณภัยอัสนีที่ให้โอกาสเขาได้ชดเชยความเสียใจของเขาอีกครั้ง
มิเช่นนั้น เขาคงจะนำความเสียใจจากชาติที่แล้วติดตัวเขา ไปตลอดชั่วชีวิต พร้อมกับทนทุกข์ทรมานไปตลอดกาล