จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 258 มีฉันอยู่
ได้ยินคำพูดปลุกปั่นของฉินหลันแล้ว ทุกคนต่างไม่พูดไม่จาอะไร
คุณชายเฉินส่ายศีรษะ พูดว่า: “แม้ว่าจะได้ผลกำไรมั่นคงโดยไม่ขาดทุน แต่ที่ดินผืนนั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปช่วงชิงมาจากตระกูลส้ง เหอะๆ พวกเราคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะล่วงเกินตระกูลส้ง ไปร่วมมือกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปหรอก!”
“เงินที่ไหนก็สามารถหาได้ แต่ หากจะให้ล่วงเกินตระกูลส้ง เงินที่ได้มานี้คงจะร้อนรนน่าดู”
“ใช่เลยใช่เลย แม้ว่าจะทำกำไรให้พวกเราแต่หากต้องไปล่วงเกินตระกูลส้งแล้วล่ะก็ มันไม่คุ้มค่ากันเสียเลย!” คุณชายหลี่ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
คนอื่น ๆ ต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงเกินตระกูลส้ง
แน่นอนว่า เหตุการณ์เหล่านี้เหยียนรุ่ยเหวินได้คาดการณ์เอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
ฉินหลันสีหน้าไม่ดี ความหวังในใจดับสลายลง แม้เธอจะทราบว่าตระกูลส้งนั้นยิ่งใหญ่ แต่ กลับคิดไม่ถึงว่าอิทธิพลอำนาจของตระกูลส้งจะยิ่งใหญ่ได้ถึงขั้นนี้!
เพื่อที่จะไม่ล่วงเกินตระกูลส้ง นึกไม่ถึงว่าพวกเขาเหล่านี้แม้แต่ธุรกิจที่ทำกำไรมั่นคงโดยไม่ขาดทุนก็ยังไม่กล้าที่จะทำ!
คุณชายหลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดขึ้นทันทีว่า: “แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถปรึกษาพูดคุยกันได้!ถ้าหากคุณฉินยอมที่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันหนึ่งคืน ฉันก็จะพิจารณาลงทุนโครงการของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป!”
“ฮ่าฮ่า หากคุณฉินยอมที่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันหนึ่งคืน ฉันก็ยินดีที่จะลงทุนเช่นกัน!” วัยรุ่นอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ฉัน ฉันก็ได้ด้วย ฉันไม่ถือสาหากจะพร้อมกันกับคุณชายหลี่!”
“ฮ่าฮ่า……”
ทุกคนในเขตพักผ่อนหัวเราะกันยกใหญ่ พวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างของพวกเขานั้น แต่ละคนก็หันมองไปที่ฉินหลัน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง
เหยียนรุ่ยเหวินไม่พูดไม่จาอะไร แต่แววตากลับแสดงออกมาถึงความกระหยิ่มยิ้มย่องหลังจากได้แก้แค้นแล้ว
ฉินหลันหน้าตาแดงก่ำ เธอมองออกแล้วว่า คนพวกนี้ต่างกำลังเยาะเย้ยเธออยู่
“เลวทรามเสียจริง!”
ฉินหลันหันหลังฉับพลัน เตรียมที่จะเดินจากไป
“อย่าเพิ่งไปก่อนสิ!” คุณชายหลี่ที่อยู่ใกล้กับฉินหลัน ลุกขึ้นโดยพลัน และขัดขวางอยู่เบื้องหน้าของฉินหลัน
“คุณฉิน ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็มาร่วมดื่มกับทุกคนกันหน่อยสิ!” คุณชายหลี่พูดพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
พวกคนอื่นที่เหลือก็รีบพูดทำนองเดียวกันขึ้น: “ใช่เลย ดื่มกันสักแก้วก่อนแล้วค่อยไป!”
ฉินหลันตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา: “หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
คุณชายหลี่ดื่มเหล้าที่เหลือในแก้วในมือ จนหมดเกลี้ยง แล้วมองไปที่ฉินหลันด้วยแววตาอันเร่าร้อน: “คุณฉิน พวกที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง งดงามนั้น ฉันเองลองมาจนเบื่อแล้ว แต่ว่า ลักษณะแบบคุณที่เป็นนักธุรกิจหญิงแกร่ง ฉันยังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนเลย”
“ไม่ว่าอย่างไรบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ใกล้ที่จะล้มลายแล้ว คุณมาอยู่ด้วยกันกับฉันไม่ดีกว่าหรือ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงดูแลคุณเอง!”
ขณะพูด คุณชายหลี่ก็ยื่นมือเพื่อที่จะสัมผัสใบหน้าอันงดงามของฉินหลัน
ขณะที่ฉินหลันกำลังจะหลบหลีก หลินหยุนที่อยู่ด้านข้างก็มายืนขวางอยู่เบื้องหน้าของเธอ ใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ข้อมือของคุณชายหลี่
“หากคุณกล้าที่จะดูหมิ่นรังแกพี่ฉินหลัน ข้าจะตบคุณให้ตายเดี๋ยวนี้”
“เจ็บ ปล่อยนะ!” คุณชายหลี่เจ็บจนต้องย่อเอวลง แสดงอาการเจ็บปวดอย่างมาก
“ไอ้หนุ่มน้อย แกทำอะไร!ทำไมยังไม่ปล่อยมืออีก!” คุณชายเฉินและพวกเพื่อนที่อยู่รอบข้างสีหน้าแปรเปลี่ยนไป และตะโกนใส่หลินหยุนอย่างเย็นชา
เหยียนรุ่ยเหวินยืนอยู่ด้านข้าง ก้มศีรษะลง แววตาแสดงออกถึงความสะใจ
“ไอ้หนุ่มน้อย ในที่สุดนายก็อดที่จะโมโหไม่ได้ แผนการของคุณพ่อนั้นช่างแยบยลยิ่งนัก กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน โดยที่ฉันไม่ต้องออกแรง ก็มีคนลงมือจัดการแกแทนให้”
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ แกอยากตายหรือไง?” คุณชายหลี่เกือบจะนั่งยองลงไปที่พื้นแล้ว เขารู้สึกว่าหากช้าไปกว่านี้ มือของเขาคงจะถูกหลินหยุนหักออกเป็นสองท่อนแน่นอน
ฉินหลันมองไปยังพวกคุณชายลูกเศรษฐีที่อยู่ด้านข้างต่างทยอยลุกยืนขึ้น กระซิบว่า: “หลินหยุน ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
หลินหยุนก็ยังไม่ปล่อยมือจากคุณชายหลี่ในทันที และพูดขึ้นว่า: “พี่ฉินหลัน คุณไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่ คนพวกนี้มันก็เป็นเพียงแค่พวกมดแมลงเท่านั้น!คุณคิดจะทำอะไรก็ไปทำอย่างกล้าหาญ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!”
ฉินหลันมองไปที่หลินหยุนด้วยความโกรธเคือง และพูดขึ้นว่า: “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ ฉันมาที่นี่เพื่อชักชวนการลงทุน ไม่ใช่ว่าจะมาเพื่อล่วงเกินผู้อื่น!”
หลินหยุนจำใจ ทำได้เพียงปล่อยมือออกจากคุณชายหลี่
“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉินหลันกล่าว
คุณชายหลี่กุมไปที่ข้อมือ พูดขึ้นด้วยท่าทีโหดเหี้ยมว่า: “คิดจะหนีไปงั้นเหรอ?ฝันไปเหอะ!”
“ขัดขวางพวกเขาเอาไว้!” คุณชายหลี่ตะโกนขึ้นโดยพลัน
พวกวัยรุ่นสี่ถึงห้าคนที่อยู่รอบข้างที่เดิมทีก็ว่างอยู่ก็ได้วิ่งตรงเข้ามา ขัดขวางหลินหยุนกับฉินหลันเอาไว้
ฉินหลันสีหน้าหม่นหมอง มองไปที่หลินหยุนด้วยความโมโห เหมือนกับจะบอกว่า: “นายก่อความวุ่นวายขึ้นอีกแล้ว”
หลินหยุนยักไหล่ แสดงท่าทีไม่ใส่ใจ
คุณชายหลี่มองไปที่หลินหยุนด้วยความโหดร้าย: “ไอ้หนุ่มน้อย แกเป็นใครกัน?”
หลินหยุนกวาดสายตามองไปที่เขา พูดขึ้นว่า: “นายยังไม่สมควรที่จะรู้”
เหยียนรุ่ยเหวินหัวเราะเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า: “เขาคือบอดี้การ์ดที่คุณฉินว่าจ้างมา!ชอบทำว่าตนเองมีฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เลว โดยไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา!บาดแผลบนใบหน้าของฉัน ก็โดนเขาผู้นี้แหละที่ทำร้าย!”
ขณะที่เหยียนรุ่ยเหวินเดินเข้ามานั้น ทุกคนต่างก็พบเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเหยียนรุ่ยเหวินแล้ว แต่ว่าเป็นเพราะให้เกียรติรักษาหน้าซึ่งกันละกัน ในเมื่อเหยียนรุ่ยเหวินไม่ได้พูดถึง พวกเขาเองก็ไม่ได้ที่จะสอบถาม
ตอนนี้ได้ฟังที่เหยียนรุ่ยเหวินพูดเองออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“คุณชายเหยียน บอดี้การ์ดอย่างเขา กล้าที่จะลงมือทำร้ายคุณเชียวเหรอ?” คุณชายเฉินแสดงท่าทีไม่ค่อยเชื่อถือ
“ก็ใช่น่ะสิ ตามนิสัยของคุณชายเหยียนแล้ว จะกล้ำกลืนฝืนทนต่อความแค้นนี้ไปได้อย่างไร?” วัยรุ่นอีกคนหนึ่งยิ้มและพูดขึ้น
ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อ ผู้ที่สามารถมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก กลับถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งทำร้ายร่างกาย หากข่าวแพร่งพรายกระจายออกไปไม่ถูกคนเขาหัวเราะเยาะเย้ยเอาอย่างนั้นเหรอ!
เหยียนรุ่ยเหวินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “ฉันเองก็กล้ำกลืนฝืนทนต่อความแค้นนี้ไม่ได้หรอก!แต่สุภาษิตได้กล่าวเอาไว้ว่าจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของสุนัขด้วย ฉันเองให้เกียรติต่อคุณฉิน จึงอดทนต่อความแค้นนี้เอาไว้!”
“โอ้ว เป็นอย่างนี้นี่เอง!คุณชายเหยียนช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริง เพื่อหญิงสาวสวยแล้ว ยอมที่จะถูกข่มเหงรังแกขนาดนี้!หากว่าเป็นฉัน ไม่มีทางอดทนได้อย่างแน่นอน!คุณชายเฉินแสดงสีหน้าที่นับถือ และทำเป็นคุยโวยกย่องเหยียนรุ่ยเหวินตามธรรมเนียมทางธุรกิจ”
“ฮึ ฉันเองไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างคุณชายเหยียนหรอก เป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่งกล้าดีอย่างไรถึงมาลงมือทำร้ายฉัน ฉันจะต้องถามเจ้าของสุนัขตัวนี้ให้ได้ว่า ตอนที่พาสุนัขออกมาเดินเล่น ไม่ทราบหรือไงว่าจะต้องผูกเชือกให้สุนัขด้วย?” คุณชายหลี่ยิ้มเยาะอย่างร้ายกาจ
“ฮ่าฮ่า คุณชายหลี่พูดได้ดีมาก!พาสุนัขออกมาเดินเล่นแต่ไม่ผูกเชือก ยังจะปล่อยมากัดคนมั่วซั่ว ก็ควรจะจัดการกับสุนัขให้ตายเสียก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับเจ้าของอีกที!” พวกคุณชายทั้งหลายหัวเราะเยาะเย้ยกันยกใหญ่
ฉินหลันโมโหจนหน้าแดงก่ำ พวกลูกเศรษฐีพวกนี้ช่างทำตัวน่าเกลียดเสียจริง!
“ต้องโทษที่ตัวนาย บอกไว้ก่อนแต่แรกแล้วว่าอย่าบุ่มบ่าม หากนายเชื่อฟังจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นได้อย่างไร!” ฉินหลันเหลือบตาขาวใส่หลินหยุน ว่ากล่าวตำหนิบ้างเล็กน้อย
หลินหยุนสีหน้าเมินเฉย มองไปยังคุณชายหลี่ที่กำลังหัวเราะฮ่าฮ่า เงาร่างแวบหายตัวไป จากที่ตนเองยืนอยู่
เปรี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังสนั่น ต่อให้เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของทุกคนก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนเสียงดังกล่าวได้ เสียงดังฟังชัดเป็นอย่างมาก
ร่างของคุณชายหลี่กระเด็นลอยไปไกล หล่นทับลงไปบนโต๊ะตัวหนึ่ง
เงียบกริบกันไปหมด!
พวกลูกเศรษฐีแต่ละคนอ้าปากค้าง ไม่ยอมหุบลงเสียที
“แม่งอะไรวะ ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะตบคุณชายหลี่!ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม!”
“เขาบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?เพียงบอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลงไม้ลงมือในคลับไดนาสตี้แห่งนี้!”
“บ้าไปแล้ว ไอ้หนุ่มนี้มันบ้าไปแล้ว กล้าลงไม้ลงมือในคลับไดนาสตี้ ก็แสดงว่าไม่เห็นคุณชายส้งอยู่ในสายตาเลย!”
คุณชายหลี่ที่ถูกตบไปนั้น ก็ไม่ได้รีบเรียกให้ลูกน้องพุ่งเข้าแก้แค้นหลินหยุนในทันที แต่กลับเอามือกุมไปที่หน้าและอดทนต่อความเจ็บปวดแล้ววิ่งเข้ามา ชี้ไปที่หลินหยุนแล้วพูดขึ้นอย่างบ้าระห่ำ: “ไอ้หนุ่มน้อย แกตายแน่!แกกล้าถึงขนาดที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบที่คุณชายส้งได้กำหนดเอาไว้ แกต้องตายอย่างแน่นอน!”
มองเห็นท่าทางที่แปลกประหลาดของทุกคน ฉินหลันเริ่มงุนงงขึ้นบ้างแล้ว
“เหยียนรุ่ยเหวิน ที่นี่มีกฎระเบียบอะไรเหรอ?” ฉินหลันถามขึ้นด้วยความตึงเครียด
ในตอนนี้เหยียนรุ่ยเหวินกระหยิ่มยิ้มย่องเป็นอย่างมาก มองไปที่หลินหยุนเหมือนกับว่ามองคนที่ตายไปแล้ว หัวเราะเหอะๆแล้วพูดขึ้นว่า: “ผู้ช่วยฉิน นึกไม่ถึงว่าคุณจะไม่ทราบกฎระเบียบของที่นี่อย่างนั้นเหรอ?คุณยังกล้าที่จะมาร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กอีกเหรอเนี่ย!”
“ที่นี่มีกฎระเบียบอะไรเหรอ?” ฉินหลันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
เหยียนรุ่ยเหวินพูดขึ้นด้วยท่าทางที่แปลกว่า: “คุณชายส้งตั้งกฎระเบียบไว้ว่า ห้ามทะเลาะลงไม้ลงมือกันในคลับไดนาสตี้!หากใครกล้าดีที่จะลงมือล่ะก็ นั่นหมายความว่าจะต่อต้านเป็นปรปักษ์กับคุณชายส้ง!”
“บอดี้การ์ดผู้นี้แม้แต่คุณชายส้งก็ยังไม่อยู่ในสายตา ผู้ช่วยฉิน ตกลงคุณไปหาไอ้คนโง่นี้มาจากที่ไหนกันแน่?”