จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 260 แข่งขันกันสักตั้ง
ชาติที่แล้ว ส้งอันหมิงให้ร้ายหลินหยุนจนบ้านแตกสาแหรกขาด อีกทั้งยังทำความอัปยศอดสูจนฉินหลันเสียชีวิต
ในชาตินี้ หลินหยุนจะยอมก้มหัวต่อหน้าเขาได้อย่างไร?
ฉินหลันเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เธอกำลังแอบดีอกดีใจที่ ส้งอันหมิงพูดให้เข้าใจได้ง่ายดายเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับหลินหยุน
เพียงแค่บอกให้หลินหยุนแสดงความขอโทษ ซึ่งนี่มันคือการเข้าข้างพวกเราโดยสิ้นเชิง
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ฉินหลันคาดคิดไม่ถึงนั่นก็คือ หลินหยุนกลับปฏิเสธที่จะแสดงความขอโทษ!
และยังจะว่ากล่าวดูถูกอีก!
“หลินหยุน นายบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?ห้ามพูดซี้ซั้วเด็ดขาด รีบกล่าวคำขอโทษเดี๋ยวนี้!” ฉินหลันกระวนกระวายใจถึงขนาดคิดที่จะกดศีรษะของหลินหยุนลง เพื่อบังคับให้เขาก้มศีรษะ
คุณชายหลี่คือคนที่สองที่ตั้งสติได้ สีหน้าท่าทางดีใจและพูดขึ้นทันทีว่า: “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายส้ง เขาปฏิเสธแล้ว!เขาปฏิเสธแล้ว!แบบนี้ก็คงไม่สามารถกล่าวโทษอะไรฉันได้อีกแล้วนะ!”
เหยียนรุ่ยเหวินและคนอื่น ๆ ต่างก็ตั้งสติได้กันทั้งหมด และ มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ และวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้น
“แม่ง ไอ้หนุ่มนี้สมองคงจะมีปัญหาเป็นแน่!บอดี้การ์ดกระจอกอย่างเขา กลับกล้าที่จะปฏิเสธความหวังดีของคุณชายส้ง!นี่มันไม่ใช่รนหาที่ตายเหรอยังไง?”
“บ้าไปแล้ว นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ!”
เหยียนรุ่ยเหวินดีอกดีใจเป็นอย่างมาก: “ไอ้หนุ่มผู้นี้มันมีนิสัยที่เด็ดเดี่ยวเสียจริง เขากล้าถึงขนาดปฏิเสธความหวังดีของคุณชายส้ง!เดิมทีฉันเองยังรู้สึกเสียดาย โอกาสที่ดีขนาดนี้ ซึ่งทำให้ไอ้หนุ่มนี้สามารถเอาตัวรอดได้อีก ตอนนี้กลายเป็นดีไปแล้ว ไอ้หนุ่มนี้รอความตายสถานเดียว!”
หลินหยุนไม่ได้ตอบกลับอะไรฉินหลัน เพียงแค่จ้องมองไปยังส้งอันหมิงอยู่นิ่ง ๆ
ส้งอันหมิงเองก็กำลังมองหลินหยุนอยู่เช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าได้เลือนรางหายไปแล้ว
หากตามนิสัยของเขาแล้วนั้น หลินหยุนได้ละเมิดกฎระเบียบของคลับไดนาสตี้ ซึ่งเขาไม่สามารถจะอดทนยินยอมได้
แต่ว่า พวกเขากำลังดำเนินการตามแผนการที่วางไว้สำหรับจัดการบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่สำคัญ โดยเขาไม่อยากที่จะก่อเรื่องใด ๆ เพิ่มในช่วงเวลานี้
โดยเฉพาะ ฉินหลันเป็นคนสนิทใกล้ตัวของหวางซูเฟิน ถ้าตอนนี้ลงมือกระทำการใด ๆ กับฉินหลันลงไป ซึ่งหากหวางซูเฟินรับรู้ได้ถึงแผนการของพวกเขาแล้ว จะได้โดยไม่คุ้มเสียอย่างมาก
แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดข้างกายของฉินหลัน จะหยิ่งผยองได้ถึงขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าเขาแล้ว ยังจะทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าของทุกคน
ส้งอันหมิงไม่สามารถทนยอมได้เป็นแน่ มิเช่นนั้นเหมือนจะเป็นการปกปิดซ่อนเงื่อนงำอะไรบางอย่าง
“ในเมื่อนายไม่ยอมที่จะแสดงความขอโทษ อย่างนั้นก็ทำตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้แล้วกัน!”
ส้งอันหมิงมองไปยังชายวัยกลางคนที่มีดวงตาดวงเดียวที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “โจวหลิน นายมาจัดการ!”
คุณชายหลี่กับคุณชายเฉินและคนอื่น ๆ แสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจขึ้นโดยพลัน
“ในเมื่อให้คุณโจวเป็นคนลงมือ ดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณชายส้งคงจะโมโหมากเลยทีเดียวเขียว !ไอ้หนุ่มนั้นเตรียมรอที่จะแขนหักขาหักได้เลย!”
ฉินหลันขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจถึงกฎระเบียบของคลับไดนาสตี้ จึงรีบถามขึ้นว่า: “คุณชายส้ง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
ส้งอันหมิงยังคงมีท่าทางสุภาพต่อฉินหลัน ยิ้มและพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า: “สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของคลับแล้ว จะมีอยู่สองข้อให้เลือก”
“ข้อแรก ตัดแขนขาของตนเองข้างใดข้างหนึ่ง จึงสามารถกลับออกไปได้!”
“ข้อสอง เอาชนะลูกน้องของฉัน ก็สามารถกลับออกไปได้เช่นกัน!”
“แน่นอน หากพ่ายแพ้แล้ว ก็จะต้องตัดขาดตัดขาข้างใดข้างหนึ่ง แต่ฉันจะเป็นผู้เลือกเอง”
ฉินหลันได้ฟังดังนี้แล้วถึงกับตื่นตระหนกหวาดกลัว มิน่าล่ะเมื่อได้ยินหลินหยุนปฎิเสธที่จะขอโทษ พวกลูกเศรษฐีเหล่านี้ต่างก็ดีอกดีใจกัน
เดิมทีการลงโทษมันช่างรุนแรงหนักหนาอะไรเช่นนี้!
“คุณชายส้ง สามารถให้โอกาสเขาอีกสักครั้งได้ไหม ให้เขาแสดงความขอโทษต่อท่าน?” ฉินหลันลองสอบถามขึ้น
ส้งอันหมิงส่ายศีรษะ: “ขออภัยต่อคุณฉินด้วย แม้ว่าฉันจะชื่นชมในตัวคุณ แต่ หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบแล้วก็คงจะเกิดความวุ่นวาย ฉันเองก็เคยได้ให้โอกาสกับเขาแล้ว เขาต่างหากที่ปฎิเสธ”
ฉินหลันมองไปที่หลินหยุนด้วยความโกรธเคือง เหมือนกับจะพูดบอกว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ฉันได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว นายช่วยเหลือตนเองเอาก็แล้วกัน!”
ส้งอันหมิงมองไปที่หลินหยุน พูดขึ้นว่า: “ที่นี่มีเครื่องเล่นกิจกรรมนันทนาการมายมายหลากหลายประเภท เพียงแค่นายเอาชนะโจวหลินได้ นายก็จะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย!”
“มิเช่นนั้น จะต้องถูกตัดขาทิ้งข้างหนึ่ง!”
ส้งอันหมิงพูดอย่างเฉยเมย แต่ปรากฏออกมาถึงความน่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย
ท่าทางลักษณะเช่นนี้ พวกลูกเศรษฐีทุกคนในที่แห่งนี้ไม่มีกันอย่างแน่นอน
ฉินหลันมองไปที่หลินหยุน โดยที่จิตใจพัวพันยุ่งเหยิงไปหมด แม้ว่าหลินหยุนกับเธอจะมีความสัมพันธ์กันในแบบว่าจ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอคือผู้ที่ว่าจ้างเชิญหลินหยุนมา
เธอทนไม่ได้ที่เห็นหลินหยุนตกอยู่ในภัยอันตราย!
“หลินหยุน เครื่องเล่นกิจกรรมนันทนาการในที่แห่งนี้ นายถนัดชำนาญในประเภทไหนบ้าง?หากไม่มี เดี๋ยวฉันจะเป็นตัวแทนนายให้เอง”
แม้ว่าฉินหลันเองก็ไม่ได้จะมีความมั่นใจเท่าไหร่ แต่เครื่องเล่นกิจกรรมนันทนาการภายในคลับ เธอเล่นอยู่เป็นประจำ คงน่าจะมีความชำนาญมากกว่าหลินหยุนผู้ที่เป็นบอดี้การ์ด
หลินหยุนยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ขอบคุณความหวังดีของพี่ฉินหลัน แต่เครื่องเล่นเหล่านี้เป็นเพียงแค่ของเด็กเล่นเท่านั้น ไม่มีอะไรที่ยากสำหรับฉันเลย”
หลินหยุนมองไปที่โจวหลิน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยาม: “นายเลือกมาเถอะ ข้ารับคำท้า ถ้าหากแข่งขันแล้วผลออกมาเสมอ ก็ถือว่าข้าพ่ายแพ้!”
พวกคุณชายลูกเศรษฐีต่างตะลึงกันยกใหญ่!
คุณชายหลี่พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า: “แม่ง ไอ้หนุ่มนี้มันบ้าไปแล้วจริงด้วย!ต่อหน้าผู้ฝึกสอนโจว ยังกล้าที่จะกำเริบหยิ่งผยองได้ถึงขนาดนี้!”
คุณชายเฉินยิ้มและพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “มันช่างกำเริบหยิ่งผยองถึงขีดสุดจริง ๆ!แม้แต่ผู้ฝึกสอนโจวก็ยังไม่อยู่ในสายตาเลยทีเดียว!”
เหยียนรุ่ยเหวินน้อมศีรษะลง และแสดงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง: “ผู้ฝึกสอนโจวเป็นถึงผู้ฝึกสอนระดับสูงสุดในคลับแห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่าเชี่ยวชาญชำนาญครบทุกประเภท ไอ้หนุ่ม แกตายแน่!”
ฉินหลันเองก็โกรธจนหน้ามืด แทบที่จะเป็นลม
“หลินหยุน นายช่างโอ้อวดมากเหลือเกิน!หรือว่านายไม่ทราบเหรอไงว่าการแข่งขันกับผู้ที่เก่งกาจ ซึ่งได้การคว้าโอกาสเอาไว้นั้นสำคัญมากขนาดไหน?แต่นายกลับให้เขาเป็นคนเลือก นายนี่มัน……” ฉินหลันโมโหจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกแล้ว
ส้งอันหมิงแสดงสายตาที่เหยียดหยามขึ้นแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าหลินหยุนบางทีอาจจะมีความสามารถอะไรอยู่บ้าง แต่เท่าที่ดูแล้ว ก็เป็นแค่ผู้ที่มีความกล้าหาญแต่ไร้มันสมอง ต้องการโอ้อวดต่อเบื้องหน้าหญิงสาวสวยเท่านั้น
โดยที่ไม่ต้องมีความกังวลอะไรเลย
โจวหลินมีสีหน้าท่าทางโมโห เขารู้สึกว่าตนเองถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากไอ้หนุ่มผู้หนึ่ง
“ไอ้หนุ่มน้อย นายอย่ามาเสียใจก็แล้วกัน!”
พูดจบ โจวหลินก็กวาดสายตามองไปที่เครื่องเล่นกิจกรรมนันทนาการภายในห้อง จากนั้นก็หยุดสายตาตรงที่การยิงธนู
“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกยิงธนูแล้วกัน!”
โจวหลินแอบยิ้มอย่างเย็นชา: “ไอ้หนุ่มน้อย นายอวดเก่งไปเถอะ!ที่ข้าเลือกยิงธนู เป็นเพราะต่อให้นายกับข้ายิงตรงเข้าเป้าเหมือนกันทั้งสองคน ก็ถือว่าเป็นผลเสมอ!”
โดยที่หลินหยุนพูดเอาไว้เมื่อครู่ว่า หากผลเสมอ ก็ถือว่าเขาพ่ายแพ้
ฉินหลันแอบอธิษฐานในใจอยู่ตลอดว่า อย่าได้เลือกยิงธนูเลย อย่าได้เลือกยิงธนูเลย เพราะว่าฉิน หลันเองก็คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน ในบรรดาเครื่องเล่นนันทนาการทั้งหมดนี้ การยิงธนูเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะออกผลเสมอ
สุดท้าย โจวหลินก็คงจะคิดถึงจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลือกการยิงธนู
หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้หลินหยุนยิงตรงใจกลางเป้า ก็ถือว่าแพ้
ฉินหลันปิดตาลงด้วยความหมดหวัง แล้วก็มองไปที่หลินหยุนอย่างหมดหนทาง: “หลินหยุน นายช่วยเหลือตัวของนายเองก็แล้วกัน!”
กำเริบเสิบสาน ในที่สุดก็จะต้องรับการลงโทษในสิ่งที่ตนเองได้ก่อขึ้นเอาไว้!
คุณชายหลี่หัวเราะฮ่าฮ่า: “ดีเลย ผู้ฝึกสอนโจวฝีมือยอดเยี่ยมเก่งกาจขนาดนี้ ไอ้หนุ่มต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”
“ใช่สิ เมื่อสักครู่ใครให้เขาอวดเก่งกันล่ะ?ต่อให้เขากับผู้ฝึกสอนโจวยิงเข้าเป้าเหมือนกัน ก็คือผลเสมอ!ซึ่งเขาพูดเองว่า หากเสมอก็ถือว่าเขาแพ้!”
“ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันสิ้นดี ไอ้หนุ่มน้อยนี้ช่างโง่เง่าอะไรอย่างนี้!”
พวกคุณชายลูกเศรษฐีรู้สึกว่าหลินหยุนเป็นคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น!
หลินหยุนไม่ได้สนใจอะไรกับพวกเขา แล้วมองไปยังโจวหลินที่มีสีหน้าเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “นายเริ่มก่อน!”
“ไอ้หนุ่มน้อย นายรนหาที่ตายเองนะ อย่ามาหาว่าข้ารังแกเด็ก!” โจวหลินพูดจบ ก็เดินไปยังสนามยิงธนู
ส้งอันหมิงและคนอื่นก็เดินตามไปด้วยเช่นกัน ฉินหลันเดินอยู่ด้านหลังของหลินหยุน ซึ่งยังคงมีความใจอ่อนอยู่บ้าง: “หลินหยุน หรือไม่ก็ยกเลิกแข่งขันก็แล้วกัน ฉันคิดหาวิธีการอื่นแทน!”
หลินหยุนยิ้มขึ้นอย่างเชื่อมั่น: “พี่ฉินหลัน คุณไม่เชื่อมั่นในตัวฉันเลยอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินหลันมีสีหน้าจำยอม: “แม้ว่านายคือผู้ที่ฉันจ่ายเงินว่าจ้างมา แต่ในเมื่อนายเรียกฉันว่าพี่สาว ฉันจะปล่อยให้นายตกอยู่ในภัยอันตรายได้อย่างไรกันล่ะ?”
“ยกเลิกการแข่งขันเถอะ ฉันคิดหาวิธีอื่นแทน!”
หลินหยุนยิ้มอย่างเฉยเมย: “พี่ฉินหลัน คุณยังคงมีจิตใจที่ดีงามไม่เคยเปลี่ยน แต่คุณวางใจได้……”
หลินหยุนหยุดชะงักชั่วครู่ แล้วก็กวาดสายตามองไปยังส้งอันหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่เหยียดหยาม
“มีข้าอยู่ พวกนายมันก็แค่มดเท่านั้น!”