จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 278 นายเป็นใครกันแน่
เวลานี้ สายตาของทุกคนได้มองกลับไปยังหลินหยุนอีกครั้ง แต่ไม่ปรากฏท่าทางการดูถูกดูแคลนอีกแล้ว
หากใครกล้าที่จะพูดออกมาว่าหลินหยุนเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดต่ำต้อยคนหนึ่งล่ะก็ เกรงว่าจะถูกรุมตำหนิต่อว่ากันยกใหญ่
บอดี้การ์ดของใครที่ไหนกันที่สามารถทำให้ผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน กล้าที่จะเสี่ยงอันตรายเผชิญหน้ากับตระกูลส้งผู้ที่มีอิทธิพลในมณฑลจงโจว โดยแสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป!
ถ้าหากมีบอดี้การ์ดลักษณะนี้แล้ว นายรีบว่าจ้างมาทำงานให้ข้าหนึ่งพันคนก่อนเลย!
แต่ว่า คุณชายหลี่กับพวกลูกเศรษฐีทั้งหลาย กลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงแค่มองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วรู้สึกตะลึงงัน สีหน้าท่าทางตระหนกตกใจ
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! ไอ้หนุ่มผู้นั้นเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดต่ำต้อยคนหนึ่ง พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนานเหล่านี้คงจะโง่เขลาไม่เบาเลยทีเดียว? นึกไม่ถึงว่าในเวลานี้จะแสดงตัวออกมาเพื่อที่จะสนับสนุนในตัวเขา! ”
“ตกลงว่าเขาทำมันได้อย่างไรกัน! ”
พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายครุ่นคิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี บอดี้การ์ดต่ำต้อยคนหนึ่งที่ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะเย้ย เวลานี้นึกไม่ถึงว่าเพียงคำพูดเดียวก็ทำให้พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน แสดงตัวออกมาเพื่อที่จะสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
ตอนนี้คุณชายเฉินยังคงอ้าปากค้าง พึมพำกับตนเองว่า: “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตกลงว่าเขาทำมันได้อย่างไร? ”
ประธานหูก็อยู่ในอาการตื่นตระหนกเช่นกัน: “เขา นึกไม่ถึงว่าเขาทำมันสำเร็จแล้ว! นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? ”
หากไม่ใช่เรื่องจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว ต่อให้พูดอย่างไรกับพวกประธานหูและพวกคนเหล่านี้ พวกเขาก็คงไม่มีทางที่จะเชื่ออย่างแน่นอน!
“คุณน้องเหยียน ไอ้หนุ่มนั้นเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ฉินหลันว่าจ้างมาทั่วไปอย่างนั้นเหรอ? ”
“ถ้าหากว่าจ้างธรรมดาทั่วไปเป็นแบบนี้จริงล่ะก็ ถือว่าเป็นโชคดีของฉินหลันเลยทีเดียว”
เวลานี้เหยียนต้าวหมิงเองก็มีอยู่ในอาการตะลึงงัน จ้องมองไปที่ลูกชายของตนที่มีสีหน้างุนงง ถามขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “แกไม่ใช่บอกว่าเขาคือบอดี้การ์ดที่ฉินหลันว่าจ้างมาโดยทั่วไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? ”
เหยียนรุ่ยเหวินหวาดกลัวจนเกือบที่จะร้องไห้แล้ว: “คุณพ่อ เขาคือบอดี้การ์ดที่ฉินหลันว่าจ้างมาโดยทั่วไปจริง ๆ! ฉันได้ไปสืบเสาะฟังความมาเป็นอย่างดีแล้ว ฉินหลันกับเขานั้นรู้จักกันในพิธีเปิดงานการประชุมสุดยอดจงโจว”
เหยียนต้าวหมิงตะโกนด้วยความโกรธ: “แล้วทำไมเขาถึงต้องลำบากยุ่งยากเพื่อที่จะช่วยเหลือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปด้วยล่ะ? บอดี้การ์ดคนหนึ่ง สามารถทำให้พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนานสนับสนุนเขาโดยไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไรกัน? ”
เหยียนรุ่ยเหวินมีสีหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม: “ฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน! เขาเป็นเพียงแค่ บอดี้การ์ดคนหนึ่งเท่านั้นจริง ๆ! ”
เหยียนรุ่ยเหวินรู้สึกว่าโลกใบนี้มันช่างบ้าบอเสียจริง พระเจ้านี่มันเป็นการล้อเล่นตลกกับเขาอย่างรุนแรงเลยทีเดียวเชียว!
แม้แต่ขนาดคุณชายส้ง ส้งอันหมิง เวลานี้ก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง
“ไอ้หนุ่มน้อย ข้าเองก็มองข้ามนายจนเกินไป! คิดไม่ถึงว่า นายจะมีความสามารถมากถึงเพียงนี้ ทำให้พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนานแสดงตัวออกมาช่วยเหลือสนับสนุนนายได้! ”
หวางซูเฟินกับฉินหลัน มีสีหน้าที่งุนงงเช่นกัน กล่าวได้ว่าผู้ที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คงเป็นพวกเธอ
เดิมทีคิดว่าภายใต้ความน่าเกรงขามของตระกูลส้ง จะไม่มีผู้ใดแสดงตัวออกมาช่วยเหลือพวกเขาแล้ว การกระทำทุกอย่างของหลินหยุนเมื่อสักครู่นั้น ก็คือการปั่นป่วนในแบบวัยรุ่นทั่วไป
คิดไม่ถึงว่า เพียงชั่วครู่จะมีผู้ที่แสดงตัวจำนวนสามสิบกว่าคนเต็มใจที่จะให้การสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป!
“ท่านประธานกรรมการ เขาทำสำเร็จแล้ว! นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำสำเร็จแล้ว! ”
“นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเลยทีเดียว! ” ฉินหลันมองไปที่พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน และดีอกดีใจจนน้ำตาไหล เธอตื้นตันใจเป็นอย่างมาก!
หวางซูเฟินก็ไม่ได้ว่าจะแข็งแกร่งไปกว่าฉินหลันสักเท่าไหร่ มองไปที่หลินหยุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ที่มี สีหน้าท่าทางที่เฉยเมย
ในแววตาของหวางซูเฟิน ปรากฏถึงความตื่นตระหนกอย่างลึกซึ้ง: “เดิมทีฉันคิดว่าเขาคุยโม้โอ้อวด ซึ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถจริง ๆ”
“และเมื่ออยู่ต่อหน้ากับพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน เด็กผู้นี้กลับไม่มีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ อะไรแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ โชกโชนแล้ว คงจะไม่มีทางอยู่ในสภาพนี้เป็นแน่”
“ก่อนหน้านี้ ฉันมองข้ามเขาเกินไปจริง ๆ! ”
เจี่ยงสงเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาหวางซูเฟิน แล้วก็โค้งคำนับแสดงความเคารพ: “ประธานกรรมการหวาง ตอนที่ฉันอยู่ที่หลินโจว ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ ไฟแรงในจงโจว วันนี้ได้พบเจอ สมกับคำเล่าลือเสียจริง! ”
หวางซูเฟินรีบลุกยืนขึ้น แสดงความเคารพตอบ: “ท่านเจี่ยงเกรงใจกันเกินไปแล้ว ขอบคุณมากที่ท่านได้แสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในเวลานี้ ท่านคือผู้มีพระคุณของฉัน! ”
“เชิญรับการคารวะจากฉันด้วย! ”
เหตุการณ์นี้ทำให้เจี่ยงสงถึงกับตกใจเป็นอย่างมากทีเดียว แม้ว่าเขาไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างหวางซูเฟินกับหลินหยุน แต่ในเมื่อเป็นผู้ที่ปรมาจารย์หลินต้องการจะช่วยเหลือ พวกเขาก็จะต้องให้การสนับสนุนช่วยเหลืออย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน
เมื่อครู่หลินหยุนแสดงท่าทางเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายต่อหน้าของหวางซูเฟิน เจี่ยงสงและทุกคนต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจน เขาจะกล้ารับการคารวะจากหวางซูเฟินได้อย่างไรกันล่ะ!
เจี่ยงสงรีบเข้าไปประคองหวางซูเฟินขึ้น ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและพูดว่า: “ท่านประธานหวางทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้โดยเด็ดขาด ฉันรับการคารวะนี้ไม่ได้ รับคารวะไม่ได้จริง ๆ! ”
หวางซูเฟินทดลองอยู่หลายครั้ง ก็ไม่สามารถทำการคารวะได้ จึงไม่ได้ยืนหยัดต่อไปอีก
เส้เทียนหัวก็เดินตรงเข้ามา ยิ้มและพูดว่า: “ท่านประธานกรรมการหวาง ได้ยินชื่อเสียงมานานคิดไม่ถึงว่าท่านจะยังสาวและสวยงดงามถึงเพียงนี้! ”
เส้เทียนหัวพูดประจบสอพลอได้อย่างไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุเท่าไหร่ ต่างก็ชื่นชอบที่จะได้ยินคนอื่นชื่นชมในความสวยงดงามของพวกเธอ
“ท่านผู้นี้คือท่านเส้ล่ะสิ ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณต่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเช่นกัน เชิญรับการคารวะจากฉันด้วย! ” ขณะที่หวางซูเฟินพูด ก็ได้ทำการคารวะด้วยเช่นกัน
วิกฤตในครั้งนี้ ทำให้หวางซูเฟินตระหนกตกใจไม่เบาเลยทีเดียว สำหรับเธอแล้วเจี่ยงสงและพวกคนเหล่านี้ เป็นยิ่งกว่าผู้มีพระคุณเสียด้วยซ้ำ
เส้เทียนหัวเองก็ตกใจเช่นกัน และรีบประคองหวางซูเฟินขึ้น
ทำเป็นล้อเล่นไปได้ ถ้าหากหวางซูเฟินทำการคารวะเขาขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่ว่าเมื่อเขาเดินพ้นออกจากประตูของงานการประชุมสุดยอดจงโจวนี้ไป ปรมาจารย์หลินก็อาจจะเสกดวงไฟเพลิงลงมาจากฟากฟ้า เผาไหม้เขาจนกลายเป็นผงเถ้าก็เป็นได้
ทุกคนต่างก็เดินเข้ามาแสดงความเคารพกับหวางซูเฟิน หลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว ก็ทยอยกันเดินไปหาหลินหยุน
ในครั้งนี้ ทุกคนต่างยืนเรียงกันอยู่เบื้องหน้าของหลินหยุน โดยจะระมัดระวังเป็นระเบียบยิ่งกว่าตอนที่พบปะกับหวางซูเฟินเสียอีก
“สวัสดีท่านหลิน! ”
หลินหยุนพูดว่า: “ลุกขึ้นเถอะ! ”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง!
“นี่มัน……พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีของทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน นึกไม่ถึงว่าจะทำการคารวะแสดงความเคารพต่อไอ้หนุ่มผู้นี้! ”
“อีกทั้งเมื่อสักครู่ก็เพิ่งจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาใหญ่ให้กับไอ้หนุ่มนี้”
“นอกจากนี้ ยังได้รับการแสดงความเคารพจากพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลาย ซึ่งไอ้หนุ่มผู้นี้ไม่เพียงไม่มีความซาบซึ้งใจ แต่กลับพูดตอบกลับเพียงคำเดียวด้วยสีหน้าท่าทางที่เมินเฉย! ”
“เป็นฉันเองที่โง่เขลาเกินไป หรือโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว! ”
เป็นอีกครั้งที่หลินหยุน ทำลายลบล้างความเข้าใจของทุกคนที่มีต่อตัวเขา
พวกที่ทายกันว่าหลินหยุนเป็นลูกนอกสมรสของควีนจินนั้น ก็ยิ่งจะยืนยันหนักแน่นในความคิดของตนเอง
นอกจากลูกนอกสมรสของควีนจินแล้ว ใครยังจะมีเกียรติมีหน้ามีตาขนาดนี้ได้ล่ะ?
ต่อให้เป็นส้งหัวอัน ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ในเศษเสี้ยวของไอ้หนุ่มผู้นี้!
หวางซูเฟินกับฉินหลันมองไปที่หลินหยุน หวางซูเฟินเดินไปยังเบื้องหน้าของหลินหยุน แล้วก็คารวะแสดงความเคารพ
หลินหยุนผู้ที่นั่งโดยไม่เคลื่อนไหว แม้แต่เมื่อครู่ที่ได้รับการคารวะจากพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีในมณฑลหลิงหนาน ก็ยังคงเฉยเมยและนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ได้รีบลุกยืนขึ้น ยื่นมือออกมาค้ำยันในความว่างเปล่า หวางซูเฟินก็ไม่สามารถที่จะคำนับลงไปได้
น่าขันสิ้นดี หากต่อไปคุณแม่รู้ว่าตนเองน้อมรับการคารวะของเธอล่ะก็ ตนเองคงจะถูกตีก้นลายเป็นแน่!
หวางซูเฟินตระหนกตกใจ มือที่ยื่นออกมาเมื่อครู่นี้……
หวางซูเฟินมาจากตระกูลหวางที่ซึ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ซึ่งก็ทราบดีเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของนักบู๊
สายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น ก็หวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง
หวางซูเฟินพูดขึ้นด้วยท่าทางที่เคารพ: “คุณหลิน บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปขอขอบคุณบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้! ” ในเมื่อโค้งคำนับลงไปไม่ได้ ก็จำเป็นที่จะต้องกล่าวคำขอบคุณ
หลินหยุนพูดอย่างเกรงใจว่า: “ประธานกรรมการหวางไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ ฉันคือบอดี้การ์ดที่พี่ฉินหลันว่าจ้างมา เมื่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเกิดปัญหาความยุ่งยาก ฉันเองก็จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ! ”
ฉินหลันเหลือบตามองไปที่หลินหยุน หากว่ามีบอดี้การ์ดแบบนี้ เกรงว่าทุกคนในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะต้องยอมจ่ายเงินเท่าไหร่ ก็คงจะต้องว่าจ้างมาให้รับใช้ตนเองบ้างแน่นอน
แต่ว่า คำโกหกของหลินหยุน ทุกคนก็ย่อมไม่จงใจที่จะเปิดโปงขึ้น
หวางซูเฟินมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัย และพูดขึ้นว่า: “วันนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะพิเศษ เอาไว้วันหลังจะไปเยี่ยมคารวะเพื่อขอบคุณด้วยตัวเองถึงบ้านที่พัก! ”
หลินหยุนตกใจ คุณแม่ทำแบบนี้เพื่อที่จะตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวฉันแล้ว!
แต่ว่า ตรวจสอบไปก็ไม่มีประโยชน์ สภาพทั่วไปนั้นไม่ต้องตรวจสอบก็รับทราบได้แล้ว ส่วนสถานะตัวตนที่แท้จริงของหลินหยุนนั้น เธอไม่มีทางตรวจสอบพบเจอได้อย่างแน่นอน