จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 283 ยังมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายอีก
ควีนจินมองไปที่หวางซูเฟิน น้อมคำนับและพูดว่า: “ประธานกรรมการหวางมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันได้ยินและเลื่อมใสมานานแล้ว วันนี้ได้พบเจอ สมดั่งคำเล่าลือจริง ๆ! ”
หวางซูเฟินมีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก และรีบคำนับกลับไป: “คุณท่านจินกล่าวชมเกินไปแล้ว คือฉันต่างหากที่เลื่อมใสในตัวท่าน เชิญนั่งลงก่อน! ”
สำหรับชื่อเสียงที่โด่งดังของควีนจินหลิงหนานแล้ว หวางซูเฟินก็เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว และทราบดีว่าควีนจินจะเรียกขานตนเองกับบุคคลอื่นว่าคุณท่านจิน
เธอต้องการที่จะทำความรู้จักกับควีนจินมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าสถานะของควีนจินนั้นสูงส่งยิ่งนัก ต่อให้เธอมีใจต้องการที่จะทำความรู้จัก ก็คงยากที่จะแสวงหาช่องทางที่จะเข้าถึงตัวได้
แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ ควีนจินกลับที่จะต้องการทำความรู้จักสานสัมพันธ์กับเธอเอง!
หวางซูเฟินตื่นเต้นจนหน้าแดง
แต่ เธอชัดเจนดีว่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะไอ้หนุ่มน้อยแปลกประหลาดหลินหยุนผู้นั้น!
ชั่วครู่เดียว หลินหยุนในจิตใจของหวางซูเฟิน ก็เลื่อนขึ้นสู่ระดับบุคคลผู้ที่สำคัญแล้ว!
แน่นอนว่า ถ้าหากให้หวางซูเฟินทราบว่าหลินหยุนคือลูกชายของเธอ เมื่อถึงเวลานั้นหญิงแกร่งผู้นี้จะทำอย่างไรบ้าง เกรงว่าแม้แต่หลินหยุนเองก็คงคาดเดาไม่ออกเช่นกัน
คุณชายหลี่กับพวกลูกเศรษฐีทั้งหลาย ต่างก็ตะลึงงันไปกันหมดแล้ว!
“หลิงหนาน……ควีนจิน! ”
“มาขออภัยโทษไอ้หนุ่มนั่นด้วยตัวเธอเอง! ”
“พระเจ้าของข้า ท่านรีบบันดาลให้เกิดฟ้าผ่าลงมาหน่อย ผ่าลงมาที่ตัวข้าให้ตายไปเลย! ”
คุณชายหลี่ร้องคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้!
เหยียนรุ่ยเหวินก็มีสีหน้าที่สุดอึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“มิน่าล่ะในการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก เขามีสีหน้าท่าทางที่หยิ่งยโส ไม่ให้เกียรติใครไม่สนใจใคร แม้ขนาดส้งอันหมิงก็ยังไม่อยู่ในสายตาเลย”
“ที่จริงแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีอิทธิพลอำนาจได้ขนาดนี้! ”
เหยียนต้าวหมิงพ่อของเหยียนรุ่ยเหวิน รวมถึงประธานหูกับคนอื่นที่ทรยศจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ซึ่งสายตาของแต่ละคนที่มองไปยังหลินหยุนนั้น เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!
ประธานหูยิ้มอย่างขมขื่น: “มิน่าล่ะเขาถึงกล้าที่จะล่วงเกินหยู่ลั่วจินไซ แม้แต่หลู่ฉางหลินก็ยังมาคารวะเขาด้วยตนเอง แม้กระทั่งควีนจินก็ยังต้องขออภัยโทษจากเขา แล้วเขาเองทำไมจะต้องไปสนใจกับหยู่ลั่วจินไซด้วยล่ะ! ”
“น่าขันมากที่ก่อนหน้านี้เขาล่วงเกินหยู่ลั่วจินไซแล้วพวกเรานั้น ก็ต่อว่าข่มเหงเขา! และยังจะบีบบังคับให้เขาอธิบายอย่างกระจ่างชัดจนพวกเราพอใจอีกด้วย! ”
“การอธิบายครั้งนี้ ทำให้ทุกคนพึงพอใจเป็นอย่างมากจริง ๆ! ”
ประธานหูและคนอื่น ๆ รู้สึกทันทีว่าตนเองเหมือนกับตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา อยู่เบื้องหน้าของ หลินหยุน
เมื่อครู่ตอนที่หลินหยุนเห็นสภาพของพวกเขานั้น คงน่าจะดีอกดีใจยกใหญ่ไปตั้งนานแล้ว!
หวางซูเฟินมองไปที่ส้งหัวอัน ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ส้งหัวอัน ครั้งนี้ฉันจะดูว่านายจะมีความสามารถอะไรนอกเหนือจากนี้อีก! ”
ส้งหัวอันทอดถอนหายใจ อีกทั้งยังมีความรู้สึกเสียดายบ้างเล็กน้อย: “มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง! ”
“ประธานกรรมการหวาง ถ้าหากครั้งนี้มีเพียงพวกเราตระกูลส้งที่ต้องการจะจัดการกับพวกคุณแล้ว เกรงว่าคงจะไม่มีทางทำอะไรพวกคุณได้เป็นแน่! ”
“แต่น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ผู้ที่ต้องการจะจัดการกับพวกคุณนั้น กลับไม่ใช่พวกเราตระกูลส้ง! ”
ทันใดนั้นส้งหัวอันก็คำนับแสดงความเคารพไปยังด้านข้าง และพูดขึ้นว่า: “พี่หวาง ตัวข้าไร้ความสามารถ ซึ่งจำต้องรบกวนท่านออกหน้าด้วยตัวเองแล้ว! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกันอย่างพร้อมเพรียง!
จนถึงเวลานี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าตระกูลส้งยังคงมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายอยู่อีก!
หวางซูเฟินกับฉินหลันก็มีสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น ตระกูลส้งจะยังมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายอะไรอีก?
หรืออาจจะ เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ข่มขวัญเท่านั้น?
แม้แต่หลินหยุน ก็ยังมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้างและได้มองไปตามทิศทางที่สายตาของ ส้งหัวอันมองอยู่
สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่มีความเกี่ยวพันอันใดกับชาติที่แล้วเลยแม้แต่น้อย การประชุมสุดยอดจงโจวในชาติที่แล้ว หลังจากที่ประธานหลี่ของบริษัท ฉางเหอ กรุ๊ปปรากฏตัวขึ้น การประชุมก็ได้สิ้นสุดลง
ตอนนี้ การประชุมสุดยอดจงโจวได้หลุดพ้นจากวิถีแห่งประวัติศาสตร์ของชาติที่แล้วโดยสิ้นเชิง
ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าซีดขาว ท่าทางหม่นหมองคนหนึ่ง ค่อย ๆ เดินเข้ามา แล้วยืนอยู่บนเวที
ชายผู้นั้นมองไปยังส้งหัวอันอย่างเย็นชา และพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า: “ไม่กล่าวโทษนาย ขนาดข้าเองก็ยังคิดไม่ถึงเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ ก็จะปรากฏเด็กหนุ่มที่แปลกประหลาดคนนี้ขึ้นมา! แต่พอดีที่ว่า อิทธิพลความสามารถของไอ้หนุ่มผู้นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งใหญ่จนน่าตกตะลึง! ”
ถึงแม้ชายวัยกลางคนพูดว่าจะไม่กล่าวโทษส้งหัวอัน แต่ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ฟังออกได้ว่าน้ำเสียงที่พูดของเขาแฝงไปด้วยการตำหนิติเตียน
และที่ยิ่งทำให้ทุกคนนั้นตะลึงงันขึ้นไปอีกก็คือ ผู้มีอิทธิพลอำนาจ ปกครองจงโจวแบบเบ็ดเสร็จ อย่างส้งหัวอันนั้น กลับไม่มีท่าทีโมโหแม้แต่น้อย และยังจะคำนับต่อชายวัยกลางคนผู้นั้น ด้วยท่าทางที่เคารพพร้อมกับพูดว่า: “ขอบคุณมากที่พี่หวางใจกว้างมีเมตตา! ”
ขณะนี้ ทุกคนภายในห้องโถง ต่างหวั่นไหวกันไปหมดแล้ว
ต่างก็แอบพากันคาดเดาถึงประวัติความเป็นมาของชายวัยกลางคนผู้นี้
“คนผู้นี้คือใครกันแน่? คิดไม่ถึงว่าขนาดส้งหัวอันเมื่ออยู่ต่อหน้าเขายังจะต้องมีท่าทีที่ระมัดระวังถึงขนาดนี้? ”
“ส้งหัวอันเรียกเขาว่าพี่หวาง และเคารพต่อเขาขนาดนี้? ดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงจะไม่ใช่คนในจงโจวเป็นแน่! ”
ทุกคนต่างพากันคาดเดาถึงสถานะตัวตนของชายวัยกลางคน
หากมองไปทั่วประเทศจีนแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้ผู้มีอิทธิพลอำนาจในจงโจวอย่างส้งหัวอันต้อง อ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะมีเพียงแค่สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงแล้ว
โดยตระกูลที่เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง นั่นก็คือตระกูลหวาง
ชัดเจนแล้วว่า คนผู้นี้ที่มีแซ่หวาง จะต้องเป็นผู้ที่มาจากตระกูลหวางซึ่งเป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเป็นคนจากตระกูลหวางแห่งเมืองหลวงจริง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องพูดถึงหลู่ฉางหลินหรือว่าควีนจิน ต่อให้เป็นผู้นำในระดับชั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดของจีนมาด้วยตนเองแล้วก็ตาม เกรงว่าก็คงจะไม่มีประโยชน์เช่นกัน
สี่ตระกูลใหญ่นั้น สามารถที่จะมีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายการดำรงอยู่ของประเทศจีนเลยทีเดียว
ทั่วทั้งประเทศจีน ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถคัดค้านต่อต้านสี่ตระกูลใหญ่นี้ได้
ถ้าหากว่าตระกูลหวางจะลงมือจัดการกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ต่อให้หลินหยุนจะเสาะหาผู้ช่วยมาอีกจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อกรกับตระกูลหวางได้
นอกเสียจาก สามตระกูลใหญ่ที่เหลือ เต็มใจยอมที่จะปกป้องบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
เห็นผู้ที่อยู่บนเวทีแล้ว หวางซูเฟินมีสีหน้าซีดขาวในทันที บนใบหน้านอกจากจะแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างที่สุดแล้ว ยังจะเผยให้เห็นถึงความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
“คุณพ่อ จิตใจของท่านช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก ลงมือจัดการก็รวดเร็วเลยทีเดียว! ”
หวางซูเฟิน ก็คือคนของตระกูลหวางที่เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง โดยเป็นลูกสาวคนที่สามของหวางจิงหลงผู้นำของตระกูลหวางในปัจจุบันนี้
ในตอนนั้นขณะที่หวางซูเฟินกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ได้รักใคร่ชอบพอกับหลินตงหัวผู้เป็นพ่อของหลินหยุนอย่างอิสระ โดยทั้งสองคนตกลงปลงใจกัน เพื่อจะครองรักร่วมกันไปชั่วชีวิต
แต่ แม้ว่าตระกูลหลินจะเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของมณฑลอูซู แต่ช่วงหลังมานี้ได้ตกต่ำลงไปมาก ซึ่งตระกูลหวางเป็นถึงผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง จะเห็นตระกูลหลินแห่งอูซูอยู่ในสายตาได้อย่างไรกันล่ะ?
ต่อให้ในช่วงที่ตระกูลหลินกำลังรุ่งโรจน์ หากว่าตระกูลหวางต้องการที่จะกำจัดตระกูลหลิน ก็รวดเร็วดั่งช่วงเวลาการดีดนิ้ว
และยิ่งเป็นตระกูลหลินในช่วงที่ตกต่ำล่ะ?
ดังนั้น หวางจิงหลงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของหวางซูเฟินโดยเด็ดขาด ถึงขนาดกักตัวหวางซูเฟินเอาไว้ และยังข่มขู่ตระกูลหลิน เพื่อให้หลินตงหัวยอมที่จะละทิ้งความรักความผูกพันนี้
แต่ว่า หวางซูเฟินมีนิสัยที่แข็งกร้าว ข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ในที่สุดก็หนีรอดออกไปได้
ตระกูลหลินรับแรงกดดันจากตระกูลหวางไม่ไหว โดยนอกจากหลินซื่อเฉิงที่เป็นผู้นำของตระกูล ซึ่งก็คือปู่ของหลินหยุน คนอื่นทุกคนต่างก็รุมกดดันหลินตงหัวกันทั้งหมด
ในทุกวันหลินตงหัวต่างก็มีชีวิตอยู่ท่ามกลางการดูถูกเหยียดหยาม ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์
สุดท้าย หลินตงหัวไม่ต้องการที่จะเป็นผลร้ายพัวพันไปถึงตระกูลหลิน จึงยอมที่จะแยกตัวออกจากตระกูลหลิน โดยตัดขาดกับตระกูลหลินโดยสิ้นเชิง
หลังจากประสบความทุกข์ยากลำบากอย่างนับไม่ถ้วน ในที่สุดทั้งสองคนก็ตัดสินใจที่จะอยู่ร่วมกัน
แต่ หวางจิงหลงต้องการบีบบังคับให้หวางซูเฟินกลับตัวกลับใจ จึงได้ตัดรายรับของหวางซูเฟินทั้งหมด ไม่อนุญาตให้หวางซูเฟินใช้เส้นสายสัมพันธ์ทั้งหมดของครอบครัว รวมถึง หากพวกเขาทั้งสองยังกล้าที่จะแต่งงานกัน ก็จะขับไล่หวางซูเฟินออกจากวงศ์ตระกูล
หวางจิงหลงต้องการรักษาเกียรติและชื่อเสียงของตระกูลหวาง จึงยินยอมที่จะตัดขาดกับลูกสาวคนนี้ของตนเอง
หลินตงหัวไม่ต้องการให้หวางซูเฟินลำบากใจ ทั้งสองคนจึงไม่ได้จัดการแต่งงานขึ้น
ในที่สุด หวางซูเฟินตั้งครรภ์ ก็คิดหวังว่าหวางจิงหลงจะสามารถเห็นแก่หลานของตนในอนาคต และยินยอมให้พวกเขาแต่งงานกัน
แต่กลับกลายเป็นว่า หลังจากที่ทราบว่าหวางซูเฟินตั้งครรภ์ก่อนการแต่งงาน หวางจิงหลงต้องการที่จะรักษาเกียรติและหน้าตาของตระกูลหวาง จึงจับกุมตัวหวางซูเฟินเอาไว้ และบอกให้เธอแอบทำแท้งลูกคนนี้!
หวางซูเฟินโมโหโวยวายยกใหญ่ และจากการช่วยเหลือของน้องสาวที่สี่หวางเต๋อหลง เธอจึงได้หลบหนีออกจากบ้านไป
แต่ หวางจิงหลงกลับเห็นว่าลูกคนนี้ทำให้ตนอับอายเป็นอย่างมาก จึงข่มขู่หวางซูเฟินว่าหากไม่ทำแท้งลูกทิ้งซะ เขาเองจะสั่งคนมาลงมือจัดการ ต่อให้ถึงกับต้องฆ่าหวางซูเฟินก็จะไม่ลังเลใจ!
หวางซูเฟินผิดหวังช้ำใจเป็นอย่างมาก แต่ เธอทราบดีถึงอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของตระกูลหวาง ดังนั้นเพื่อต้องการเก็บรักษาปกป้องลูกเอาไว้ หวางซูเฟินจึงทำได้เพียงพูดบอกกับภายนอกว่า ได้ทำแท้งลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า เธอกลับแอบให้กำเนิดลูกคนนี้ออกมา และส่งมอบให้คนอื่นเลี้ยงดูแบบลับ ๆ
แต่น่าเสียดายที่ หวางจิงหลงก็ยังทราบเรื่องนี้เช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าจะโหดร้ายถึงขนาดส่งคนไปฆ่าเด็กผู้นั้นด้วย!
คนในครอบครัวนั้นทำการปกป้องคุ้มครองเด็กน้อย จึงเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนที่หวางจิงหลงส่งไปลอบฆ่า
ส่วนเด็กคนนั้น ก็ไม่ทราบว่าหายตัวไปอยู่ที่แห่งใด
นี่ ก็คือเรื่องราวชีวิตของหลินหยุนนั่นเอง!