จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 284 ความน่าเกรงขามของตระกูลหวาง
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น หวางซูเฟินโกรธเคืองอย่างมาก จึงได้แยกตัวออกไปจากตระกูลหวาง
โดยประกาศกับภายนอกว่า เธอกับหวางจิงหลงขัดแย้งกันไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีกต่อไป!
จากนั้น หวางซูเฟินกับหลินตงหัวก็ได้จัดการแต่งงานขึ้น
ส่วนหวางจิงหลง พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น โดยในวันแต่งงานของหลินตงหัวกับหวางซูเฟิน ก็ได้ประกาศขับไล่หวางซูเฟินออกจากตระกูลหวาง
ทุกคนในตระกูลหวาง รวมไปถึงคนที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลหวาง ต่างก็ได้ปฏิญาณกันไว้ว่าหวางซูเฟินเป็นความอัปยศของตระกูลหวาง ซึ่งทุกคนจะไม่มีการติดต่อสัมพันธ์ใด ๆ กับ หวางซูเฟินอีก!
หากมีการพบเห็น จะมองว่าเป็นการทรยศหักหลังตระกูล ซึ่งจะมีความผิดเช่นเดียวกับหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินกับหลินตงหัวไม่เชื่อว่าตระกูลหวางจะสามารถมีอิทธิพลคับฟ้า ในวันที่จัดการแต่งงาน ก็ได้จัดเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงเอาไว้ห้าสิบโต๊ะ
แต่ หวางซูเฟินกับหลินตงหัวนั่งเซ็งอยู่ในโรงแรมทั้งวัน ก็ไม่มีแขกผู้ใดมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว
ต่อให้เป็นเพื่อนพ้องที่สนิทสนมกับพวกเขา เมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามจากตระกูลหวาง ต่างก็เลือกที่จะประนีประนอม
สถานที่จัดการแต่งงานขนาดใหญ่ เงียบเหงาวังเวง ซึ่งความผิดหวังที่ช่วยอะไรไม่ได้นั้น ได้ซึมซับเข้าสู่ร่างกายไปจนถึงกระดูกของคู่แต่งงานใหม่นี้
ในคืนนั้น หลินตงหัวกับหวางซูเฟินทั้งสองคนต่างก็โอบกอดซึ่งกันและกัน พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่า นับจากนี้ต่อไป จะคงเหลือแต่พวกเขาสองคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อดำรงชีวิตแล้ว
อีกทั้ง ยังจะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากตระกูลหวางอีก
แต่ว่า ยิ่งอยู่ในสภาพที่ลำบากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะเป็นแรงปลุกกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของวัยรุ่นทั้งสองคนให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
หลินตงหัวปฏิเสธความช่วยเหลือแบบลับ ๆ ของคุณปู่หลินซื่อเฉิง และเดินทางไปยังอำเภอจีหมิงโดยลำพัง เริ่มต้นจากการเป็นข้าราชการระดับล่าง ทำงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ โดยใช้เวลาสิบปี ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรองกำนัน
แต่ เป็นเพราะหลินตงหัวมีนิสัยที่ดื้อรั้นและตรงไปตรงมา จากนั้นก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นอีกเลย
ส่วนหวางซูเฟินก็มายังเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองจงโจว
จากนั้น ก็เริ่มตั้งตัวขึ้นจากที่ไม่มีอะไร ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
โดยใช้ชื่อของหลินตงหัว และนามสกุลของหวางซูเฟิน จึงตั้งชื่อว่าตงหวาง
โดยที่ทั้งสองคนต่างก็อัดอั้นในจิตใจ พวกเขาต้องการที่จะให้ตระกูลหลินและตระกูลหวางได้เห็น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือใด ๆ เลยจากวงศ์ตระกูล พวกเขาก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเสมือนเป็นการตบหน้าอย่างแรงต่อทั้งสองตระกูลผู้ที่ใช้อิทธิพลอำนาจบาตรใหญ่
เนื่องจากว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงเฟื่องฟู ภายในช่วงสองปีบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ก้าวกระโดดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงถูกเรียกขานกันว่าคลื่นลูกใหม่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์
แม้ว่าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ในจิตใจของหวางซูเฟิน กลับมีหนามทิ่มแทงมาโดยตลอด เป็นกังวลอยู่ทุกช่วงเวลา
นั่นก็คือการถูกกดดันจากตระกูลหวาง
ก่อนหน้านี้ บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอาจจะยังไม่มีกิจการที่ใหญ่โตอะไรไปสะดุดตาทำให้ตระกูลหวางให้ความสนใจ แต่ว่าในช่วงสองปีมานี้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก ตระกูลหวางก็คงจะเริ่มจับตามองมากขึ้น
เป็นเพราะว่าในตอนนั้นหวางซูเฟินเคยได้เอ่ยเอาไว้ว่า หากเธอมีโอกาส จะต้องทำให้หวางจิงหลงรู้สึกเสียใจภายหลังต่อการตัดสินใจในตอนนั้น!
จากนิสัยของหวางจิงหลงแล้ว จะยอมอดทนให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปมีธุรกิจเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องได้อย่างไรกันล่ะ?
เป็นตามที่คาดเดาไว้ไม่ผิด ครั้งนี้ที่ตระกูลส้งจะกำจัดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปนั้น โดยคนบงการเบื้องหลัง ที่จริงแล้วก็คือตระกูลหวางแห่งเมืองหลวง!
หลินหยุนแอบครุ่นคิด ในชาติที่แล้ว ตระกูลหวางไม่ได้ลงมือจัดการกับคุณแม่รวดเร็วขนาดนี้!
ไม่ถูกต้อง!
ทันใดนั้นหลินหยุนก็ได้นึกถึงรายละเอียดบางส่วนขึ้น
ชาติที่แล้ว พวกศัตรูของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปนั้น ในทุกครั้งที่ลงมือกระทำการ ต่างก็มีเจตนาที่ไม่เพียงพอ!
เหมือนกับว่ามีมืออีกข้างหนึ่งที่มองไม่เห็น ผลักดันให้พวกเขามุ่งมากำจัดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
ในชาติที่แล้วทั้งหวางซูเฟินและหลินหยุน ต่างก็ตรวจสอบไม่พบมาโดยตลอด
ตอนนี้ได้คิดทบทวนดู หลินหยุนก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี
ชาติที่แล้ว เดิมทีเขาคิดว่า ตระกูลหวางเห็นต่อความสัมพันธ์ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน จึงไม่ได้ตามจองล้างจ้องผลาญกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
แต่แท้ที่จริงแล้วตระกูลหวางเป็นผู้คอยวางแผนบงการอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด!
แบบนี้ก็จะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้ายที่บังคับข่มขู่เครือญาติสายเลือดเดียวกันเอง!
ในชาตินี้ อาจจะเป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของหลินหยุน ได้ทำลายแผนการที่วางไว้ของตระกูลหวาง ทำให้ในครั้งนี้ตระกูลส้งไม่เพียงที่จะไม่สามารถสร้างความกดดันต่อบริษัทตงหวาง กรุ๊ปได้แล้ว แต่กลับถูกอานุภาพของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ที่เหนือกว่าเล่นงานกดดันตระกูลส้ง
ตระกูลหวาง ในที่สุดก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว!
หลังจากที่ครุ่นคิดจนเข้าใจในรายละเอียดที่สำคัญเหล่านี้แล้ว ดวงตาของหลินหยุนก็เยือกเย็นอย่างมาก และร่างกายของเขาก็เปล่งแสดงออกถึงความเย็นชาออกมา
“เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง คุณตา ท่านลงมือกระทำกันได้ลงคอจริง ๆ เหรอเนี่ยะ! ”
เวลานี้ หลินหยุนเกิดความฮึกเหิมที่จะมุ่งหน้าไปสังหารตระกูลหวางแห่งเมืองหลวงให้สิ้นซาก แต่ หลินหยุนเข้าใจดีว่า ตระกูลหวางคือวงศ์ตระกูลขนาดใหญ่ในโลกนี้ ตอนนี้ยังไม่สมควรที่จะกระทำการใด ๆ ทั้งนั้น
หากเมื่อลงมือจัดการกับตระกูลหวางแล้ว ถ้าอย่างนั้นคงจะต้องถูกการแก้แค้นเอาคืนจากภาครัฐของประเทศจีนอย่างหนักหน่วงเป็นแน่ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่หลินหยุนต้องการจะพบเห็นมันเกิดขึ้น
ถ้าวันใดวันหนึ่ง หลินหยุนบำเพ็ญฝึกฝนจนสามารถรองรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์อย่างหนักได้ เวลานั้น หลินหยุนจะไม่มีทางเป็นแบบในวันนี้อย่างแน่นอน ที่หวาดกลัวไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
หลังจากที่หวางซูเฟินได้รับทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าตระกูลหวางเป็นผู้ลงมือกระทำ ก็มีสีหน้าซีดเซียวหม่นหมอง เพียงชั่วครู่ ร่างกายก็หมดเรี่ยวแรงลง
ทำได้เพียงอาศัยการประคองตัวจากฉินหลัน จึงสามารถยืนอยู่ได้
คนตระกูลหวางผู้นั้นที่ยืนอยู่บนเวที ค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น และกวาดสายตามองไปยังทุกคนภายในห้องโถง ท่าทีเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม โดยที่ไม่เห็นทุกคนในที่ตรงนี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้ หวางหย่วนหยางรับคำสั่งมาเพื่อชำระสะสาง กำจัดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ผู้ใดที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ผู้นั้นทุกคนก็จะเป็นศัตรูกับตระกูลหวาง! ”
หวางหย่วนหยางพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา ท่าทางเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังทุกคน
ในห้องโถง เงียบกริบกันไปหมด!
มีเพียงแต่เสียงลมหายใจดังแรงที่ทุกคนพยายามที่จะยับยั้งเอาไว้
เจี่ยงสงกับเส้เทียนหัวและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด
ตระกูลหวาง ไม่เหมือนกันกับวงศ์ตระกูลทั่วไปอย่างตระกูลส้ง นั่นคือผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง!
ถึงขนาดที่ว่า มีอิทธิพลสามารถกำหนดควบคุมการดำรงอยู่ของประเทศจีน!
ต่อให้หลินหยุนมีพลังอานุภาพเก่งกาจล้นฟ้า แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลหวางที่ยิ่งใหญ่นี้แล้ว เหมือนกับว่าจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ในสี่ตระกูลใหญ่ ก็คงจะมีผู้ที่เก่งกล้าสามารถอย่างหลินหยุนอยู่อย่างแน่นอน!
นอกจากนี้ ต่อให้หลินหยุนจะสามารถต่อสู้เอาชนะผู้แข็งแกร่งของตระกูลหวางได้ แต่ เขาจะสามารถทนต่อการถูกรุมทิ้งระเบิดยิงปืนใหญ่เหล่านี้ได้อย่างนั้นเหรอ?
ต่อให้หลินหยุนเป็นปรมาจารย์บู๊ตามคำเล่าลือ ก็คงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
ควีนจินก็แอบขมวดคิ้ว ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม ก็ดูเศร้าหมอง
ยิ่งเป็นถึงบุคคลระดับเธอแบบนี้แล้ว ยิ่งจะเข้าใจดีว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงนั้นมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด!
ต่อให้เป็นบุคคลระดับควีนจินนี้แล้ว เวลาที่เผชิญหน้ากับสี่ตระกูลใหญ่ ก็ทำได้เพียงแค่น้อมรับฟังคำสั่งเท่านั้น!
พวกเศรษฐีแห่งหลิงหนานที่ไม่เคยได้เห็นการแสดงพลังอานุภาพของหลินหยุนนั้น ได้ยินชื่อของตระกูลหวางแล้ว ก็แอบมีความคิดที่จะถอยร่นขึ้นบ้างแล้ว
ขนาดเจี่ยงสงกับเส้เทียนหัว ก็ยังคอยสังเกตสีหน้าท่าทางของหลินหยุนอยู่อย่างเงียบ ๆ
แต่ว่า สีหน้าท่าทางของหลินหยุนยังคงเฉยเมย มองไม่ออกว่าดีใจหรือทุกข์ใจ และไม่ทราบว่ายังจะมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่?
เจี่ยงสงกับคนอื่น ๆ ทำได้เพียงเฝ้าสังเกตการณ์
หวางหย่วนหยางกวาดสายตามองไปที่ทุกคนอย่างเย็นชา สีหน้าเริ่มมีความโมโหขึ้นบ้างแล้ว:“ดูเหมือนว่าพวกนายตัดสินใจที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหวางแล้ว”
“ผู้นำตระกูลส้ง ท่านช่วยจดบันทึกชื่อคนเหล่านี้ทั้งหมดเอาไว้ด้วย วันหลัง ตระกูลหวางของข้าจะ ส่งคนไปเยี่ยมคารวะถึงบ้านของพวกเขาทีละคน! ”
แม้ว่าน้ำเสียงของหวางหย่วนหยางจะไม่ดัง แต่ ทุกคนต่างตกใจกันอย่างพร้อมเพรียง!
พวกเศรษฐีจากหลิงหนานจำนวนหนึ่ง ถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ไม่ใช่พวกเขาคิดอยากที่จะถอยร่น แต่ทั้งหมดเป็นเพราะหวาดกลัวต่อตระกูลหวางที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากพื้นที่อันไกลโพ้น!
แม้แต่เจี่ยงสงกับเส้เทียนหัว ต่างก็มีสีหน้าที่ตื่นตระหนก แอบมีความคิดที่จะถอยร่นขึ้นบ้างแล้ว
แม้แต่ ต่อให้ควีนจินเอง ก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน
ถ้าหากให้พวกเขาเลือกระหว่างตระกูลหวางกับหลินหยุน เกรงว่าคนส่วนใหญ่คงจะเลือกไปที่ตระกูลหวางอย่างไม่ลังเล
หวางซูเฟินสังเกตได้ถึงความลำบากใจของทุกคน อดทนต่อความผิดหวังในจิตใจ แล้วมองไปยังหลินหยุน
“หลินหยุน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้ขอขอบคุณนายที่ทำทุกอย่างเพื่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! ”
“รวมไปถึงเพื่อนทุกท่านจากหลิงหนาน ความหวังดีของพวกท่านนั้นหวางซูเฟินขอขอบคุณมา ณ ที่นี้! ”
ขณะที่พูด หวางซูเฟินก็โค้งคำนับไปทางควีนจินและคนอื่น ๆ!
ครั้งนี้ ทุกคนไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่บนใบหน้ามีความละอายใจอยู่บ้าง!
หวางซูเฟินได้พูดต่อไปว่า: “ตระกูลหวางมีอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ว่าพวกท่านจะสามารถต่อต้านคัดค้านได้ ทุกท่านไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียสละและล่มจมไปพร้อมกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของฉัน! ”
“ทุกท่าน ขออนุญาตกล่าวลาที่ตรงนี้! ” หวางซูเฟินพูดจบ ด้วยใบหน้าท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
ไม่มีใครพูดกล่าวอะไรขึ้น เจี่ยงสงกับเส้เทียนหัวรวมถึงพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลาย ต่างก็น้อมศีรษะลงกันทั้งหมด
แม้แต่ควีนจิน แววตาก็แสดงออกถึงความจำใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม ซึมเศร้าเล็กน้อย
ฉินหลันมองไปที่หลินหยุน และได้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย: “หลินหยุน ขอบคุณนายมาก! หากว่ามีโอกาส หวังว่าจะได้ว่าจ้างนายมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันอีก! ”
ขณะที่พูดกล่าวคำนี้ออกไป แววตาของฉินหลันมีความตั้งใจพร้อมที่จะสละชีพแล้ว