จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 289 ฆ่า
ซูจื่อเหลียงเดินไปหยุดข้าง ๆ หวางฉงซาน เงื้อเท้าข้างหนึ่ง เล็งที่ตำแหน่งหัวใจ พร้อมจะเตะเข้าใส่หวางฉงซานที่ยังกองอยู่บนพื้น
หากลูกเตะนี้หวดเข้าใส่ หวางฉงซานไม่ตายก็ต้องพิการ!
หวางหย่วนหยางแผดเสียงห้ามดังลั่น: “หยุดนะ!”
“เจ้าหนู! ถ้าแกกล้าทำร้ายปรมาจารย์ตระกูลหวางของฉัน ตระกูลหวางจะขอสู้กับแกจนกว่าจะตายกันไปข้าง!”
ซูจื่อเหลียงหยุดและหันกลับมามองหลินหยุน คล้ายว่ากำลังขอความคิดเห็นจากหลินหยุน
เมื่อมองไปที่หวางหย่วนหยางที่แตกตื่นลนลาน หวาดกลัวจนหน้าถอดสี หลินหยุนก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นตระกูลหวาง ก็ทนรับเรื่องการสูญเสียปรมาจารย์ของตระกูลไม่ได้!
หลินหยุนลุกขึ้นยืนช้า ๆ ปรายตามองไปที่หวางหย่วนหยาง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง : “ถ้าตระกูลหวางของแก มาแบบเปิดเผยซื่อสัตย์ในการแข่งขันทางธุรกิจ บริษัทตงหวางกรุ๊ปก็พร้อมจะรับคำท้า แต่ถ้าตระกูลตระกูลหวางของแก กล้าลอบกัดในที่มืดล่ะก็…. ”
เสียงของหลินหยุนดังขึ้นอย่างเชื่องช้า ในดวงตา ปรากฏแสงเย็นเยียบสองสายส่องประกายวับวาม น้ำเสียงทั้งเย็นชา ว่างเปล่า และห่างเหิน ราวกับว่ามันลอยมาจากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไกลแสนไกล ไม่ใช่เสียงที่อยู่ในมิติแห่งนี้
“ถ้าตระกูลหวางของแกกล้าเล่นสกปรก แกส่งปรมาจารย์มาหนึ่งคน ฉันจะฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ฉันก็จะฆ่าทั้งสอง ฉันจะฆ่าไปจนกว่าตระกูลแกจะไม่มีนักบู๊เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว!”
ทั้งโถงเงียบกริบราวป่าช้า!
มีเพียงเสียงที่เย็นชาและว่างเปล่าของหลินหยุนเท่านั้น ที่ดังสะท้อนก้องไปมาอยู่ในห้องโถง
“ถ้าตระกูลหวางของแกกล้าเล่นสกปรก แกส่งปรมาจารย์มาหนึ่งคน ฉันจะฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ฉันก็จะฆ่าทั้งสอง ฉันจะฆ่าไปจนกว่าตระกูลแก จะไม่มีนักบู๊เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว….”
เสียงเย็นเยียบนั้น ราวกับเสียงที่เทพแห่งความตายเปล่งออกมา ดังสะท้อนอยู่ในใจของทุกคน
ในเสียงเรียบ ๆ นั้นมีไอสังหารอันน่าหวาดหวั่นเจือปนอยู่ไม่มีใครในห้องโถงที่มีคนอยู่นับร้อยแห่งนี้มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะคนดังหรือบรรดาเศรษฐีในจงโจว หลิงหนาน รวมถึงเมืองใกล้เคียง ยามเมื่อมาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ ต่างก็ไม่ได้มีค่า ไม่มีความสำคัญอะไร กระทั่งเป็นแค่มดสักตัวก็ยังเป็นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ในช่วงเวลานั้น “เขา” คือเทพเจ้า!
เมื่อได้ยินดังนั้น เลือดของซูจื่อเหลียงพลันเดือดพล่าน ปรายสายตามองหวางฉงซานที่ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนพื้น ตะโกนเสียงดังว่า: “ไปตายซะ!”
พูดจบ เขาก็เงื้อเท้าขึ้น เตะหวางฉงซานแบบเต็มเหนี่ยว
ตาของหวางฉงซานแดงก่ำบ้าเลือด ร้องคำรามกึกก้อง “คิดจะฆ่าฉันเรอะ แกเองก็ต้องชดใช้ไม่ต่างกันหรอกโว้ย!”
ย้ากกกกกก!
หวางฉงซานรวบรวมกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ พลังบำเพ็ญเพียรทั้งหมด ระเบิดออกจนสะเทือนเลื่อนลั่น เงื้อหมัดชกสวนออกไปทันที
เปรี้ยง!
แม้ว่าหวางฉงซานจะทุ่มพลังทั้งหมดที่มีออกไปแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูจื่อเหลียง มันยังคงไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาอยู่ดี
ในที่สุด เคล็ดวิชายุทธที่หลินหยุนปรับเปลี่ยน ก็ปรากฏจุดเด่นออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วในเวลานี้
ซูจื่อเหลียง เป็นเพียงนักบู๊ขั้นบำเพ็ญในระดับกึ่งสูงสุด แต่กลับสามารถบดขยี้หวางฉงซานซึ่งเป็นนักบู๊ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ทั้งยังแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่หวางฉงซาน ไม่มีกำลังจะสู้กลับได้เลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
เมื่อซูจื่อเหลียงก้าวออกจากตำแหน่งนั้น หัวใจของหวางฉงซานก็บุบสลายกลายเป็นเศษเนื้อ
ปรมาจารย์ผู้สง่างามของตระกูลหวาง หวางฉงซาน ตายสนิท!
ทุกคนถูกฉากฆ่าฟันนี้ทำให้ตะลึง อึ้งจนปากอ้าตาค้าง กระทั่งจะหายใจแรง ๆ ก็ยังไม่กล้า!
บางคนที่ขวัญอ่อนหน่อย ก็แทบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว
คนส่วนใหญ่ในที่นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในโลกปุถุชนมานานหลายสิบปี และยึดถือ ปฏิบัติตามกฎของโลกปุถุชนมาโดยตลอด พวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นการฆ่าอย่างโจ๋งครึ่มในที่สาธารณะแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
ซูจื่อเหลียงมองไปที่ซากร่างของหวางฉงซาน แค่นเสียงเย็นชา “ ไร้ประโยชน์สิ้นดี ยังไม่ได้ออกแรงเท่าไหร่เลยแท้ ๆ!”
ราวกับว่าเขายังฆ่าได้ไม่สาแก่ใจพอ สายตาของซูจื่อเหลียง จึงย้ายไปทางหวางหย่วนหยาง กับส้งหัวอันเป็นลำดับต่อไป
หวางหย่วนหยางตกใจกลัวจนตัวบิดเกร็ง สีหน้าซีดเผือด รีบตะโกนร้องอย่างหนาวเยือก: “ฉันไม่ใช่คนในโลกแห่งบู๊ แกจะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้!”
ซูจื่อเหลียงแสยะยิ้ม สีหน้าเย้ยหยันดูถูก หันหลังแล้วเดินกลับไปยืนอยู่ข้างกายหลินหยุนอีกครั้ง
หวางหย่วนหยางกับส้งหัวอัน ถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขากลัวจริงๆ ว่าซูจื่อเหลียงจะฆ่าพวกเขาทิ้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ดูเหมือนว่า ซูจื่อเหลียงจะยังมีความยึดถือปฏิบัติต่อข้อตกลง ซึ่งไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ระหว่างโลกบู๊ กับโลกของปุถุชนอยู่พอสมควร!
คนที่เหลือก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขากลัวว่าถ้าซูจื่อเหลียงจื่อเกิดกระหายเลือด จนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมขึ้นมา ก็อาจไล่ฆ่าพวกเขาแบบไม่เลือกหน้าไปด้วยก็ได้
แม้ว่าหวางหย่วนหยาง จะเป็นแค่คนจากตระกูลสาขา แต่การที่ตระกูลหวางถึงกับปล่อยให้เขารับผิดชอบในเรื่อง การปะทะกับบริษัทตงหวางกรุ๊ป ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ได้เผชิญกับอะไรมามากพอจะรับมือกับมันได้
ในไม่ช้าหวางหย่วนหยางก็ฟื้นคืนสติ กลับสู่สภาวะปกติได้
“ไอ้หนู แกฆ่าปรมาจารย์ตระกูลหวางของฉัน ตระกูลหวางจะต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่ จากนี้แกจงระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ!”
พูดจบ หวางหย่วนหยางก็สาวเท้าก้าวออกไปเร็วจี๋ ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง ทำราวกับว่ามีผีร้ายตามไล่ล่าเขาอยู่ข้างหลังก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นตระกูลหวางหนีหางจุกตูดไปขนาดนั้นแล้ว ส้งหัวอันและบรรดาคนดัง เศรษฐีมีเงินทั้งหลายในห้องโถง ต่างก็มีอารมณ์ที่สับสนปนเป แตกต่างกันออกไป
นั่นคือตระกูลหวางเชียวนะ!
หัวหน้าตระกูลในสี่สุดยอดตระกูลแห่งโลกปุถุชน ยามเมื่อมาอยู่ต่อหน้าหลินหยุน ก็มีอันต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ ชนิดขาดทุนป่นปี้ไม่มีหน้าอยู่ต่อเลยทีเดียว!
ขนาดปรมาจารย์ของตระกูลหวาง หลินหยุนบอกว่าจะฆ่าทิ้ง ก็ฆ่าทิ้งจริงๆ แล้วกับคนธรรมดาอย่างพวกเขาล่ะ?
โดยเฉพาะคนที่ล่วงเกินหลินหยุนไปเมื่อครู่ เช่นพวกคุณชายหลี่ ประธานหู หลิวเหอหมิง เป็นต้น
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมด ต่างเสียใจจนทะลุลงตับไตไส้ปอดไปหมดแล้ว
ส้งหัวอันแอบเหลือบมองหลินหยุนแวบหนึ่ง เผยให้เห็นแววตาหวาดกลัวจนหัวหด
แต่ในเมื่อซูจื่อเหลียงไม่ได้ฆ่าเขา มันจึงพิสูจน์ได้ว่า หลินหยุนยังคงกริ่งเกรงกฎหมายของโลกปุถุชนอยู่
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่านักบู๊เหล่านี้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเขาก็คงไม่สามารถสกัดกั้นกระสุน หรือพวกปืนใหญ่อากาศยานได้ไหวหรอกมั้งนะ?
ส้งหัวอันคาดคะเนในใจว่า ด้วยสถานะของเขา หลินหยุนคงจะไม่กล้าลงมือกับเขาแน่
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อในสถานที่แห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
ส้งหัวอันกำหมัดใส่ฝูงชน แล้วพูดว่า “ทุกท่าน ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย คงต้องขอตัวกลับก่อน ขอลา!”
ส้งหัวอันรีบพาส้งหัวเหลียงกับส้งหัวเฉียง รวมถึงทุกคนในตระกูลส้ง เผ่นแน่บออกไปจากห้องโถงทันที
หลินหยุนไม่ได้หยุดรั้งเขาไว้ แม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะทำลายตระกูลส้งให้พินาศก็จริง แต่เขาก็รู้ดีว่า ตระกูลส้งมีอิทธิพลมาก การทำลายตระกูลส้งให้ย่อยยับในเวลานี้ จะกระตุ้นความไม่พอใจของรัฐบาลจีนอย่างแน่นอน
เมื่อคิดจนได้ทางเลือกสุดท้าย หลินหยุนยังไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่จากทางการ รวมถึงตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลินหยุน ก็ยังไม่มากพอจะต้านทานเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลได้ด้วย
แม้ว่าตระกูลส้งจะเป็นศัตรูตัวฉกาจในชาติก่อนของเขา แต่ทว่า นับตั้งแต่เขาได้มาเกิดใหม่ การจะทำลายล้างตระกูลส้งให้พินาศ ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นแล้ว
ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรในเวลานี้
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ส้งหัวอันเป็นคนรับผิดชอบการประชุมสุดยอดจงโจวในครั้งนี้ และตอนนี้เขาก็เผ่นแน่บไปก่อนแล้ว
แววตาที่ทุกคนมองไปยังส้งหัวอัน ไม่มีความเคารพดั่งที่เคยมีมาก่อนหน้านี้อีกต่อไป!
พวกหลิวเหอหมิงกับคุณชายหลี่ ต่างก็รีบวิ่งหูลู่หางตกตามหลังตระกูลส้งไปติด ๆ เช่นกัน
เมื่อครู่นี้ พวกเขายังพอเกาะเกี่ยวต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลส้ง ไปกดหัวหลินหยุนได้บ้าง แต่มาตอนนี้ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลส้งยังล้มครืนไม่เป็นท่า พวกเขากลัวว่าหลินหยุนจะคิดแก้แค้น จึงรีบฉวยโอกาสหนีให้เร็วที่สุด
หลินหยุนก้มหน้าลง มองไปที่หลิวเหอหมิงที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลส้ง แล้วพูดเสียงราบเรียบว่า “ประธานหลิว ดูเหมือนว่าการเดิมพันของคุณ จะยังไม่ได้ขึ้นเช็คตามสัญญาสินะ?”
หลิวเหอหมิงตัวสั่นงันงก ขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ มองไปที่หลินหยุนด้วยรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มที่:”คุณหลิน ที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้มันก็แค่เรื่องตลกขำ ๆ เอง ทำไมคุณถึงคิดเป็นจริงเป็นจังเสียขนาดนั้นล่ะครับ!”
หลินหยุนจิบไวน์แดง ปรายตามองไปทางหลิวเหอหมิงน้อย ๆ พูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา: “ในเมื่อกล้าเดิมพัน ก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ฉันไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง”
ใบหน้าแก่ ๆ ของหลิวเหอหมิงแดงเถือก ถ้าเขาปล่อยให้เช็คเด้งในการเดิมพันครั้งนี้ นับจากนี้ไป ในอนาคตเขาคงไม่มีหน้าอยู่ในจงโจวได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ถ้าไม่ทำตามสัญญาที่เดิมพันไว้ หลินหยุนจะฆ่าเขาหรือเปล่า?
เพราะท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้มีอิทธิพลมากมายอะไรต่อตระกูลส้งนัก!
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่ครู่หนึ่ง หลิวเหอหมิงก็ประนีประนอมกับตัวเองได้ในที่สุด
เขาเดินเข้าไปหาหวางซูเฟินด้วยสีหน้าน่าเกลียด คุกเข่าลง แล้วโขกหัวคารวะลงกับพื้น “ประธานหวาง กระผมผิดเอง ขอให้คนสูงส่งอย่างคุณ อย่าได้ถือสาคนกระจอกงอกง่อยอย่างกระผม ได้โปรดยกโทษให้กระผมสักครั้งเถอะครับ!”
พวกส้งหัวอันมองหลิวเหอหมิงอย่างเหยียดหยาม หันหลังแล้วเดินจากไปทันที เห็นได้ชัดว่านี่คือการทอดทิ้งเขาโดยปริยายแล้ว
หวางซูเฟินคร้านจะสนใจเขา เขาต่างจากส้งหัวอัน ตรงที่หลิวเหอหมิงเป็นเพียงแค่คนฉันต่ำตั้งแต่หัวจรดเท้า
พวกเจี่ยงสงและเส้เทียนหัว รวมถึงคนดังจำนวนหนึ่งจากจงโจว ต่างพากันมองหลิวเหอหมิง ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“สมน้ำหน้าแล้ว!”
หลิวเหอหมิงเสียใจแทบตายแล้ว เดิมทีแค่ดูตระกูลส้งกับบริษัทตงหวางกรุ๊ปตีกัน ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาดันสะเออะโดดออกมาแสร้งทำเป็นว่าข้านี้เจ๋ง สุดท้ายกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกตบหน้าฉาดใหญ่ให้ได้อายไปซะฉิบ
หลิวเหอหมิงก้มหน้าพลางพูดอย่างห่อเหี่ยว: “คุณหลิน ผมทำตามที่เดิมพันไว้เสร็จแล้ว ตอนนี้ผมไปได้แล้วยัง?”
“ไปเถอะ!” หลินหยุนโบกมืออย่างสบาย ๆ เหมือนไล่แมลงวันน่ารำคาญตัวหนึ่งไปให้พ้นหน้า
สำหรับวายร้ายกระจอก ๆ อย่างหลิวเหอหมิง ขอแค่คุณแข็งแกร่งมากพอ เขาจะไม่กล้าแม้แต่จะคิดแก้แค้นเอากับคุณ