จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 293 รถชน
ในรถ เสี่ยวหลี่คนขับรถของซูชิงเหยียน นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้ช่วยนักขับ
เพื่อแสดงความเคารพต่อหลินหยุน ซูชิงเหยียน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์ จึงทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ด้วยตัวเองเลยทีเดียว
“หมอเทพหลิน คนจากทางมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง จะมาถึงตอนสิบโมงเช้านะครับ คุณพอจะมีเวลาเตรียมตัวสองชั่วโมง หากคุณอยากได้อะไร บอกผมได้ทันที ผมจะพยายามอำนวยความสะดวกให้คุณอย่างเต็มที่ครับ!”
ซูชิงเหยียนมองผ่านกระจกมองหลังไปที่หลินหยุน ที่ตอนนี้กำลังนั่งหลับตาทำสมาธิ พลางพูดด้วยความเคารพนอบน้อม
หลินหยุนพูดเรียบ ๆ ทั้งที่ไม่ได้ลืมตาว่า : “ผมไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละ”
ใบหน้าของซูชิงเหยียนแข็งค้างไปเล็กน้อย เขาให้ความสนใจอย่างมากกับความจริงที่ว่า มีนักศึกษาระดับหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง มาที่มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวเพื่อฟังการบรรยาย
พูดได้ว่า ทั้งวงการแพทย์ของเมืองหลินโจว ต่างก็ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง ได้จัดให้นักศึกษามาเข้าร่วมฟังการบรรยายแบบนอกสถาบัน
เป็นที่รู้กันดีว่า หากสามารถทำให้นักศึกษาระดับหัวกะทิ ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งเข้าร่วมฟังการบรรยายได้ สถาบันจะมีสถานะและศักดิ์ศรี ที่เพิ่มขึ้นในแวดวงการแพทย์ทั้งหมดทั่วประเทศจีนขึ้นมาเลยทีเดียว
แต่เขาก็ยังแอบรู้สึกว่า ท่าทางการแสดงออกของหลินหยุนนั้น ค่อนข้างจะไร้พิธีรีตองเกินไปสักหน่อยจริงๆ
แม้ว่าเขาจะเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของหลินหยุน แต่การสอนบรรยาย กับทักษะทางการแพทย์นั้น เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทักษะทางการแพทย์สูง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพูดได้เก่ง จนทำให้คนฟังเข้าใจได้
หากต้องการอธิบายทักษะทางการแพทย์ที่ตัวเองมี และทำให้นักศึกษาฟังเข้าใจได้ จำต้องมีการเตรียมสื่อการสอนก่อนเรียนอย่างมากทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ครูเตรียมบทเรียนล่วงหน้าเพื่อการอธิบายความรู้ของตนเอง ทำให้นักเรียนเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ใช้วิธีการอันเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนสามารถจดจำได้ง่ายและชัดเจนที่สุด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซูชิงเหยียนกังวลว่า เกิดถ้าโป๊ะแตกขึ้นมาจนมันพังไม่เป็นท่า นอกจากชื่อเสียงและสถานะของมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจวจะไม่เพิ่มขึ้น แต่จะกลับกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะไปทั่ววงการการแพทย์ทั้งประเทศจีนไปแทนน่ะสิ
“หมอเทพหลิน คุณอยากเตรียมบทเรียนล่วงหน้าสักหน่อยไหมครับ? ถึงแม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณจะยอดเยี่ยมก็จริง แต่ทักษะทางการแพทย์ กับการสอนบรรยายมันก็ไม่เหมือนกันนะครับ” ซูชิงเหยียนกัดฟันพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นมาอีกครั้ง
หลินหยุนยังคงไม่ลืมตา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “อธิการบดีซูวางใจเถอะ ผมรู้ขอบเขตของตัวเองดี”
ซูชิงเหยียนไม่พูดอะไรอีก ถึงแม้ว่าเขาจะยังกังวลอยู่ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว
หลินหยุนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เขาเชิญมา เขาจึงไม่กล้าทำอะไรที่หักหาญน้ำใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ซูชิงเหยียนก็ได้รับโทรศัพท์
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องด่วนบางอย่าง
“ต้องขออภัยหมอเทพหลินด้วยนะครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนนิดหน่อย ต้องไปกรมศึกษาธิการเดี๋ยวนี้เลย! เสี่ยวหลี่ เดี๋ยวนายไปส่งหมอเทพหลินที่มหาลัยก่อนนะ พวกศาสตราจารย์โม่จะรออยู่ที่นั่น” ซูชิงเหยียนพูดด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยเต็มที่
หลินหยุนลืมตาขึ้น พูดเสียงเรียบเรื่อยว่า: “ไม่เป็นไร อธิการบดีซูไปทำธุระเถอะ!”
“ขอบคุณครับ!”
ซูชิงเหยียนลงจากรถ แล้วไปเรียกแท็กซี่แยกไปอีกทาง
คนขับเสี่ยวหลี่ขับรถต่อไป
เมื่อกำลังจะถึงมหาวิทยาลัยแพทย์ ที่สี่แยกซึ่งไม่มีสัญญาณไฟจราจรแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาว พุ่งจากถนนสายรองเข้ามายังถนนสายหลักอย่างรวดเร็ว
คนขับเสี่ยวหลี่ไม่สามารถหักหลบได้ทัน จึงชนประสานงาเข้ากับอีกฝ่ายอย่างจัง
“ขอโทษจริง ๆ นะครับหมอเทพหลิน!” เสี่ยวหลี่รู้ว่าหลินหยุนอาจจะดูแล้วยังเด็ก แต่สถานะของเขานั้นถือว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าหลินหยุนจะตำหนิเขา
“ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดเรียบ ๆ นั่งอยู่ในรถโดยไม่ขยับเขยื้อน
“ขอฉันดูหน่อยซิว่าไอ้โง่ที่ไหนมันขับ นี่ขับรถเป็นรึเปล่าเนี่ยหา!” เสี่ยวหลี่ก่นด่าสาปแช่งอย่างโกรธเคือง เปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที
หลินหยุนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เห็นรถ BMW ที่ด้านหน้าผ่านกระจกหน้าต่าง ประตูหน้าและหลังเปิดออกพร้อมกัน มีชายหนุ่มสองคนลงมาจากรถ
“แกตาบอดรึไงหา? ขับรถเป็นรึเปล่าวะ!” ชายหนุ่มหัวเกรียน ใส่ตุ้มหูวงใหญ่ข้างเดียวที่หูสบถด่าเสียงดังอย่างหัวเสีย
เสี่ยวหลี่โกรธจัด โต้เถียงกับอีกฝ่าย: “ฉันมาทางตรง พวกนายอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเลนมาตัดหน้า ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก! นี่ซื้อใบขับขี่มารึไงหา!”
“แกว่าใครซื้อใบขับขี่ใครมาวะ? นี่แกหาเรื่องอยากโดนดีใช่มั้ย!” ชายหนุ่มที่สวมตุ้มหูขนาดใหญ่ม้วนแขนเสื้อขึ้น เริ่มทำท่าจะลงไม้ลงมือ
ที่ด้านหลัง ชายหนุ่มท่าทางสง่างาม หน้าตาหล่อเหลา ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือพูดตัดบทว่า: “เทียนเหา อย่าก่อเรื่อง!”
เสี่ยวหลี่โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว :” “พวกนายทำผิดกฎจราจรก่อนแท้ ๆ ยังมีการจะทำร้ายคนอีก นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ รอก่อนเถอะ ฉันจะแจ้งตำรวจมาเดี๋ยวนี้เลย แล้วให้ตำรวจมาตัดสิน!”
“แจ้งเลย! คุณชายอย่างฉันกลัวซะไม่มี!” ชายหนุ่มที่สวมตุ้มหูขนาดใหญ่ ลอยหน้าลอยตาพูดอย่างจองหอง
“ช่างเถอะ พวกเรารับผิดชอบทั้งหมดนี้เอง คุณประเมินมาละกันว่ารถต้องซ่อมมากน้อยแค่ไหน เราจะออกค่าใช้จ่ายให้ ต่อให้เรียกตำรวจจราจรมาก็เหมือนกัน” ชายหนุ่มที่ถือหนังสือในมือกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
ชายหนุ่มที่สวมตุ้มหูใหญ่ พูดอย่างดูถูกว่า “กะอีแค่รถบุโรทั่งพรรค์นี้ คุณชายอย่างฉันไม่มีทางยอมลดตัวไปนั่งให้เมื่อยหรอกโว้ย มีแค่พวกกระจอกแค่นั้นแหละ ที่จะนั่งรถซอมซ่อพรรค์นี้!”
“พูดจาให้มันระวังปากหน่อยนะ!” เสี่ยวหลี่พูดอย่างโกรธจัด
“เทียนเหา อย่าเรื่องมาก อย่าลืมจุดประสงค์ของเราที่ล่วงหน้ามาก่อนสิ” ชายหนุ่มที่ถือหนังสือกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ชายหนุ่มที่ใส่ตุ้มหูขนาดใหญ่ หยิบธนบัตรสีแดงสดปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ไม่นับสักนิด ก็เดินตรงไปทางหลินหยุน เปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว ปรายตามองหลินหยุน แล้วโยนเงินลงไปที่ปลายเท้าของหลินหยุน แสยะยิ้มเย้ยหยัน
“นี่เงินหมื่นหนึ่ง พอให้แกไปซื้อกันชนใหม่ได้แล้วป่ะ? ไอ้กระจอกเอ๊ย!”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
เสี่ยวหลี่รีบวิ่งมาข้างหน้า ขอโทษขอโพยหลินหยุนไม่หยุด: “หมอเทพหลิน ผมต้องกราบขออภัยจริง ๆ ครับ คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้คนนี้จะป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรมขนาดนี้!”
หลินหยุนพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา : “ไม่เป็นไร กลับไปเถอะ!”
“แล้วพวกเขา…” เสี่ยวหลี่มองดูชายหนุ่มสองคน ที่กลับขึ้นรถไปแล้ว และกำลังเตรียมจะจากไปด้วยสายตาโกรธเคือง
หลินหยุนพูดเรียบ ๆ ว่า : “หมามันกัดคุณ คุณจะกัดมันกลับก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? เราไปกันเถอะ!”
“ครับผม!” เสี่ยวหลี่รู้สึกชื่นชมนิสัยใจคอของหลินหยุนอย่างมาก
รถ BMW ที่อยู่ข้างหน้าออกตัวปราดไปแล้ว ส่วนเสี่ยวหลี่ก็ขับต่อไป
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจว เสี่ยวหลี่จอดรถแล้ววิ่งเข้ามา พูดกับหลินหยุนด้วยท่าทางเคารพว่า : “คุณหลิน กรุณารออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะรีบไปแจ้งศาสตราจารย์โม่!”
“ไปเถอะ!” หลินหยุนเอ่ยนิ่งๆ
เสี่ยวหลี่จากไป หลินหยุนก็ลงไป เดินเล่นในสวนอันสวยงามของมหาวิทยาลัยนี้เพียงลำพัง
เซี่ยหยู่เวยก็เรียนอยู่ที่นี่ ในชาติที่แล้ว หลินหยุนก็เคยมาที่นี่บ่อยๆ หากจะพูดไป ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่พอสมควรเลยทีเดียว
ไม่ไกลนัก บนสนามหญ้าหน้าอาคารเรียน มีนักเรียนชายและหญิงจำนวนมากนั่งพักผ่อน พูดคุย หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินหินอ่อน ที่อยู่ด้านหลังหลินหยุน
ต่อจากนั้น เสียงอุทานที่เต็มไปด้วยความรังเกียจก็ดังขึ้น: “ฮ่า ๆ นี่มันไอ้กระจอกที่ถูกฉันขับรถชนเข้าไม่ใช่เรอะ ทำไม ? แกก็เป็นนักศึกษาของมหาลัยแพทย์หลินโจวด้วยเหรอ?”
ชายหนุ่มผู้มีสีหน้าท่าทางหยิ่งผยอง โผล่หัวเข้ามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลินหยุน ตุ้มหูขนาดใหญ่ที่หูของเขา เป็นอะไรที่ดูสะดุดตามาก
หลินหยุนจำทั้งสองคนได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอพวกนี้ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ด้วย!
“พวกนายเป็นนักศึกษาที่นี่หรือ?” หลินหยุนถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ชายหนุ่มที่มีตุ้มหูขนาดใหญ่ กวาดสายตามองมหาวิทยาลัย พลางเยาะเย้ยด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามเต็มหน้า “กะอีแค่โรงเรียนซอมซ่อพรรค์นี้ ต่อให้แกเอาเกี้ยวแปดคนหามมาเชิญฉันให้มาเรียน คุณชายอย่างฉันก็ไม่มาซะให้ยากหรอกโว้ย!”
“แค่ไอ้กระจอกที่นั่งรถขยะแบบแก ก็สมแล้วที่ต้องมาเรียนที่โรงเรียนขยะแบบนี้”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงถือหนังสือไว้ในมือ ดูไปแล้วเหมือนว่าเขาน่าจะเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียนอย่างมากคนหนึ่ง
“เทียนเหา อย่าเรื่องมาก เมื่อกี้นายก็ทำเสียเวลาไปมากพอแล้วนะ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ชายหนุ่มที่มีตุ้มหูขนาดใหญ่ เหลือบมองหลินหยุนครั้งสุดท้าย แสดงท่าทางดูถูก หันหน้าไปทางชายหนุ่มที่ถือหนังสือ แล้วตะโกนว่า: “รู้แล้ว รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” พูดจบ เขาก็จงใจเดินไปข้างหน้าหลินหยุน ตอนที่เดินผ่านหน้าหลินหยุน ก็หยุดกะทันหัน แล้วทำหน้าข่มขู่ใส่หลินหยุน กระซิบขึ้นมาว่า: “ไอ้หนู แกถึงกับกล้าขอเงินจากคุณชายอย่างชั้นได้นะ ! แกคอยดูให้ดีเถอะ!”
พูดจบ เขาก็เดินจากไป
แววตาของหลินหยุนเย็นชา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้ ไปเอาความรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งเหนือกว่าคนอื่นขนาดนี้มาจากไหน!
ดูเหมือนน่าจะคิดว่าทั้งโลกใบนี้ จะต้องก้มหัวรับใช้เขา
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่า ตัวเองเป็นฝ่ายขับรถเข้ามาชนรถของคนอื่น แล้วก็เป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหายเอง แต่ตอนนี้กลับมาพลิกลิ้น กัดหลินหยุนไม่พอ ยังมากล่าวหาว่าหลินหยุนขอเงินจากเขาอีก!
ถ้าคนประเภทไอ้หมอนี่ ไปอยู่ในโลกแห่งการฝึกวิชาเซียนแล้วล่ะก็ แทบไม่ต้องเดาเลยว่า แค่วันเดียว พวกเขาก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดไปได้