จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 295 ใครจะเป็นผู้บรรยาย
เมื่อเผชิญกับข้อโต้แย้งของเย่เทียนเหา ฉู่หมิงเฉิงสีหน้ามืดครึ้มดำทะมึนลงทันที
“ศาสตร์การฝังเข็มปราณไท่ชิงนั่น ถึงกับทำให้พ่อของฉันยังต้องตกตะลึง นายคิดว่าการฝังเข็มที่วิเศษขนาดนั้น ต้องใช้โชคแบบไหนกัน ถึงสามารถสร้างวิชาที่มหัศจรรย์พันลึกแบบนั้นขึ้นมาได้?”
“หรือว่า นายจะไปเดินเล่น แล้วเก็บเคล็ดวิชาแบบเดียวกันนี้มาให้ฉันสักเล่ม?”
เย่เทียนเหาพูดไม่ออกแล้วตอนนี้ แต่ยังบ่นพึมพำอย่างไม่ยอมแพ้ว่า : “แต่นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ ว่าสิ่งที่พวกนี้ได้เรียน เป็นแค่ความรู้พื้นฐานที่พวกเราก็เคยได้เรียนไปตั้งนานแล้ว นายเองก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยเล่า?”
ฉู่หมิงเฉิงไม่พูดอะไรออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เย่เทียนเหามองผ่านหน้าต่างออกไป เห็นหญิงสาวผมยาวคนหนึ่ง ดวงตาก็เป็นประกายเร่าร้อนขึ้นมาทันที: “แม้ว่ามหาลัยนี้มันจะเป็นขยะก็จริง แต่สาวสวยของที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาลัยของเราทางโน้นเลยแฮะ!”
ราวกับว่ารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาของเย่เทียนเหา จงเฟยหยู่ที่นั่งอยู่ในห้องเรียนจึงมองกลับมาอย่างเย็นชา
“ฮาย!” เย่เทียนเหาโบกมือผ่านหน้าต่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทักทายไปทางจงเฟยหยู่
จงเฟยหยู่ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นจู่ ๆ เธอก็ยกมือขึ้น
“นักศึกษาคนนี้ มีอะไรรึเปล่า?” อาจารย์ที่สอนอยู่บนแท่นถาม
จงเฟยหยู่ ปรายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ยกมุมปากโค้งขึ้น: “อาจารย์ขา มีพวกบ้ากามอยู่ข้างนอกค่ะ!”
เย่เทียนเหาไม่ได้ยินว่าเจ้าหล่อนพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างขึ้นในใจอย่างประหลาด
ผลสุดท้าย อาจารย์หญิงที่สวมแว่น ก็ลุกมายืนเท้าเอวอยู่ตรงประตูห้องเรียน แล้วจ้องมองทั้งสองอย่างโกรธเคือง
“พวกเธอสองคนอยู่คณะไหน? ไม่ต้องไปเรียนเหรอ?”
เพื่อนร่วมชั้นต่างพากันวิ่งออกไปเป็นฝูง แล้วล้อมรอบพวกเย่เทียนเหาทั้งสองไว้ทันที
ฉู่หมิงเฉิง หันไปจ้องหน้าเย่เทียนเหาด้วยสีหน้ามืดทะมึน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อาจารย์ครับ ผมไม่รู้จักเขานะครับ”
เย่เทียนเหาถึงกับเซ่อไปเลย ตะโกนใส่อย่างฉุนจัดว่า “ฉู่หมิงเฉิง ทวดเอ็งสิ! ไอ้…!”
“ว่ามา พวกเธออยู่คณะอะไร?” อาจารย์ผู้สอน จ้องพวกเย่เทียนเหาด้วยสายตาประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นขโมยที่แอบย่องเข้ามาขโมยของ
เย่เทียนเหาพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง: “ผมไม่ใช่นักศึกษาในมหาลัยคุณ”
“อะไรนะ!” อาจารย์หญิงมีสีหน้าตกใจมาก รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาทันที: “ฮัลโหล ห้องรักษาความปลอดภัยใช่ไหม? ทางนี้มีคนจากข้างนอกบุกเข้ามาในม.ของเรา…”
“เดี๋ยวก่อน! พวกเรามาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง!” เย่เทียนเหารีบเปิดเผยสถานะของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“พูดจาเหลวไหล คนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง จะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมงจากนี้ต่างหาก พวกนายสองคนเป็นใครกันแน่?” จงเฟยหยู่ร้องถามอย่างเย็นชา
เย่เทียนเหามีแต่ต้องเก็บสีหน้าเย่อหยิ่งจองหองเข้าไป แล้วอธิบายว่า: “พวกเราล่วงหน้ามาที่นี่กันก่อน ถ้าพวกเธอไม่เชื่อ รอจนพวกเขามาถึง เธอไปถามดูก็รู้แล้ว”
นักเรียนต่างพากันนึกสงสัย
อาจารย์หญิงก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรดี
จงเฟยหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “อาจารย์คะ อย่าไปฟังเขานะคะ เอาพวกเขาไปไว้ที่ห้องรักษาความปลอดภัยก่อน รอให้คนจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งมาถึง ค่อยว่ากันอีกทีดีกว่าค่ะ!”
“อื้ม เป็นความคิดที่ดีมาก!” อาจารย์พยักหน้าเห็นด้วย
จงเฟยหยู่กดโทรศัพท์: “ฮัลโหล ห้องรักษาความปลอดภัยใช่มั้ยคะ? มีคนนอกสองคนบุกเข้ามาในห้องเรียนฝังเข็ม รบกวนพวกคุณช่วยมาจัดการหน่อยค่ะ!”
เย่เทียนเหาโทสะพวยพุ่ง ชี้ไปที่จงเฟยหยู่ กัดฟันแล้วพูดว่า: “ได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ในห้องรปภ เย่เทียนเหานั่งยอง ๆ อยู่ที่มุมห้องด้วยท่าทางมืดมน ปากก็ก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด
“แมร่งเอ๊ย! คนในม.เล็กกระจิริดนี่มันโคตรป่าเถื่อน ! ถึงกับเอาพวกเรามาขังไว้ที่นี่ รอให้ฉันออกไปได้ก่อนเถอะ! คอยดูนะว่าฉันจะจัดการกับพวกมันยังไง!”
ฉู่หมิงเฉิงแสดงสีหน้าเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็ก ให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้: “อย่าทำให้มันวุ่นวายจะได้มั้ย? นี่ยังขายหน้าไม่พออีกรึไงหา? เดิมทีกะว่าจะล่วงหน้ามาตรวจสอบสภาพจริงซะหน่อย แต่กลับต้องมาถูกขังอยู่ในห้องรปภนี่ซะอีก รอจนพวกชิงฉันมาถึง พวกเราจะอธิบายกับพวกเธอยังไงไม่ทราบ?”
เย่เทียนเหากลอกตาไปมา ปากก็ก่นด่าไป: “หึ พวกนั้นมันทำให้เราเป็นตัวตลก อีกเดี๋ยวพวกเราจะทำให้พวกมันเป็นตัวตลกดูบ้าง! แม้แต่อาจารย์ของพวกมัน ฉันก็จะไม่ละเว้น! รอพวกเราเข้าไปฟังบรรยายนะ ฉันจะยืนขึ้นแล้วทำให้อาจารย์ของพวกมันต้องลำบากใจ นายก็ฉวยโอกาสถ่ายวิดิโอ แล้วเอาไปอัพลงบนอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกมันอับอายขายหน้าคนทั้งโลกไปเลย!”
“ดี!” ฉู่หมิงเฉิงพยักหน้า
สิบโมงเช้า ในห้องเรียนชั่วคราว
คณะจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง รวมฉู่หมิงเฉิงกับเย่เทียนเหาแล้ว จะมีคนทั้งหมดหกคนที่มาร่วมรับฟังการบรรยายครั้งนี้ ทั้งหมดถูกจัดให้นั่งอยู่ในแถวแรก
ทั้งหกคน ล้วนเป็นนักศึกษาที่ความโดดเด่นเหมือนกันหมด ผู้ชายตัวสูงหล่อเหลา มีผู้หญิงเพียงคนเดียวคือซ่างกวงชิงฉัน และยังเป็นดาวมหาลัยของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งอีกด้วย
ระหว่างสาวงามเหมือนกัน ทันทีที่ได้พบหน้า ก็มักจะมีบรรดาชายหนุ่มเอามาเปรียบเทียบกันทันทีเป็นเรื่องปกติ
ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว เซี่ยหยู่เวยกับจงเฟยหยู่ต่างก็ได้รับเลือกให้มาที่ห้องเรียนชั่วคราวด้วยกันทั้งคู่
ชายหนุ่มบางส่วน แอบเอาทั้งสามคนมาไว้ด้วยกัน เพื่อเปรียบเทียบในใจอย่างเงียบ ๆ
“แต่ดาวมหาลัย ของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งนั้นแตกต่างไปนะ ถึงจะสวยพอ ๆ กันกับดาวมหาลัยเซี่ยกับดาวมหาลัยจง แต่กริยาท่าทางที่แสดงออกอันเย็นชาสูงส่งของเจ้าหล่อน ทั้งแข็งแกร่งดุดันกว่าดาวมหาลัยเซี่ย กับดาวมหาลัยจงเยอะเลย ”
เซี่ยหยู่เวยกับจงเฟยหยู่ ก็แอบสังเกตซ่างกวงชิงฉันด้วยเช่นกัน
“นี่คือดาวมหาลัยของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งเหรอเนี่ย? ช่างไม่ธรรมดาจริงๆนั่นล่ะ!”
เย่เทียนเหาหันไปมองหน้าจงเฟยหยู่ด้วยสีหน้าดำคล้ำมืดทะมึน แล้วยกนิ้วกลางใส่เธออย่างหยาบคาย
“ยัยผู้หญิงหน้าโง่ ฉันจะทำให้หล่อนต้องเสียใจที่มายั่วโมโหฉัน!”
จงเฟยหยู่ยกยิ้มเย็นชา ไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิง
เสิ่นจงซูที่อยู่อีกด้านสีหน้าดำคล้ำทะมึน จงเฟยหยู่ ถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามไม่ให้ใครแตะต้องได้สำหรับเขามาโดยตลอด จะยอมปล่อยให้เย่เทียนเหาทำให้อับอายขายหน้าได้ยังไงกัน?
แต่เมื่อเสิ่นจงซู ได้รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของตระกูลเย่เทียนเหาแล้ว เขาก็ทำได้เพียงกำหมัดแน่น และฝืนอดทนต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ชื่อเสียงด้านการแพทย์ของตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน เป็นที่เลื่องลืออย่างมากในประเทศจีน ในเจียงหนาน ตระกูลเย่ถือเป็นตระกูลที่มีสถานะยิ่งใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากตระกูลอีแห่งเจียงหนานเลยทีเดียว
แน่นอนว่า สถานะของซ่างกวงชิงฉันกับฉู่หมิงเฉิงก็ไม่ใช่ธรรมดา พวกเขาต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง แม้ว่าชื่อเสียงของพวกเขาจะไม่ได้โดดเด่น แต่ในสถานที่ที่มีบรรดาตระกูลเสือซุ่ม มังกรซ่อนกันให้เกร่ออย่างในเมืองหลวงนั้น คนที่กล้าเรียกตัวเองว่าตระกูลใหญ่ ย่อมต้องมีฐานกำลัง อำนาจบารมีไม่ใช่น้อยๆเป็นแน่
ทางด้านนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาหัวกะทิจากสาขาต่าง ๆ เป็นกลุ่มอัจฉริยะที่ถูกจัดมารวมกันไว้ในชั้นเรียนชั่วคราว
ในเวลานั้น หลังจากที่เห็นนักศึกษากลุ่มนี้ในชั้นเรียนชั่วคราว ผู้สนับสนุนการสอนก็รู้สึกมีอาการหนังหัวชาหนึบขึ้นมาทันที นักศึกษาเหล่านี้เป็นอัจฉริยะจากสาขาต่าง ๆ ก็จริง แต่พวกเขาทั้งหมด ต่างก็เป็นนักเรียนที่มีปัญหามากที่สุดด้วยเช่นกัน
การรวบรวมนักศึกษาเจ้าปัญหามากมายขนาดนี้มาไว้ด้วยกัน ใครจะควบคุมได้ล่ะนี่?
อาจารย์เข้ามาจัดการลำดับนักศึกษา แล้วประกาศว่า: “อาจารย์ของทุกคนจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ ขอให้ทุกคนให้ความสนใจกับลำดับด้วยล่ะ!”
พูดจบอาจารย์ก็เดินออกไป
นักศึกษากว่าห้าสิบคน ต่างหันมากระซิบกระซาบกันทันที
“เมื่อกี้คืออาจารย์ซุนไม่ใช่เหรอ? เขามาที่นี่เพื่อดูแลลำดับนักศึกษาเนี่ยนะ! นี่จะไม่ขี่ช้างจับตั๊กแตนไปหน่อยเรอะ?”
“จริงด้วย อาจารย์ซุน อาจารย์ผู้สอนที่สามารถติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของมหาลัยได้ ถึงมารับผิดชอบแค่เรื่องจัดลำดับเนี่ยนะ? อาจารย์ที่รับผิดชอบในการบรรยายให้พวกเราฟัง เป็นอัจฉริยะระดับไหนกันล่ะเนี่ย?”
เหล่านักศึกษาต่างพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นาๆ ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เฮ้! ฉันได้ยินมาว่า อธิการบดีซูออกไปเชิญคนจากข้างนอกมาด้วยตัวเองเลยนะ คิดว่าอาจารย์คนนี้ น่าจะเป็นคนที่สุดยอดมาก ๆ ในวงการแพทย์แน่เลย !”
“ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ในวงการแพทย์ของหลินโจว มันมีอัจฉริยะแบบนั้นซะที่ไหนกันล่ะ! ไม่ใช่ว่าศาสตราจารย์โม่ก็มาแล้วหรอกเหรอ ? ยังไม่เห็นเขามารับผิดชอบการบรรยายเลยนี่!”
“ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่า จะมีใครในวงการแพทย์ของหลินโจว ที่ร้ายกาจไปกว่าศาสตราจารย์โม่เลยสักคน!”
“ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”
นักเรียนหลายคนต่างพากันเห็นด้วย
จางเหยียนแค่นเสียงเย็นชา: “ฉันว่าพวกนายเลิกเดากันเหอะน่า รออีกเดี๋ยวพออาจารย์มา ถึง ตอนนั้นทุกคนก็ได้รู้กันแล้วป่ะ!”
เย่เทียนเหาที่ได้ยินนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวพูดคุยกัน ก็พูดด้วยความรังเกียจว่า: “ในที่เล็ก ๆ แบบนี้ จะไปมีอาจารย์ที่ร้ายกาจมากความสามารถที่ไหนขึ้นมาได้ล่ะ?”
“คนพวกนี้กล้าพูดซะจริง!”
ฉู่หมิงเฉิงพูดว่า “เย่เทียนเหา อย่าได้ประเมินศัตรูต่ำไปนัก!”
เย่เทียนเหาสีหน้าเย็นชาหยิ่งผยอง: “คุณชายฉู่ นี่นายกลายเป็นคนนิสัยเหมือนผู้หญิงไปตั้งแต่เมื่อไหร่หา ? อีกเดี๋ยวนายคอยดูให้ดีเหอะ ว่าฉันจะทำให้พวกมันขายขี้หน้ายังไงบ้าง!”
หลังเย่เทียนเหาพูดจบ จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงไอสังหารที่แผ่กระจายมาจากด้านข้าง
ซางกวงชิงฉัน จ้องไปที่เย่เทียนเหาด้วยใบหน้าเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็ง พูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ: “ผู้หญิงแล้วเป็นยังไงเหรอ?!”