จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 298 อยากให้ฉันบอกจริงๆน่ะเหรอ
“ฮ่าๆๆ…” นักศึกษาพากันหัวเราะดังลั่นสนั่นห้อง
ชายหนุ่มสีหน้าอับอายสุดขีด ก้มหน้าพูดจาตะกุกตะกักว่า “จะ…จะเป็นไปได้ยังไงกัน!”
แต่เสียงพูดของเขา เบาซะยิ่งกว่าเสียงยุงบินเสียอีก
หลินหยุนไม่สนใจเขา หยิบปากกากับกระดาษบนโต๊ะของเขาขึ้นมา แล้วเริ่มเขียนใบสั่งยาทันที
“ในฐานะนักศึกษาแพทย์ นายไม่รู้ถึงอันตรายของการเจ็บป่วย แต่ไม่ยอมรับการวินิจฉัยของหมอทั้งยังไม่ยอมรับการรักษาเลยรึยังไง?”
หลินหยุนเขียนใบสั่งยาแล้วพูดเรียบ ๆ ว่า “วันละสามครั้ง เคี่ยวในน้ำร้อนแล้วดื่ม สามวันเห็นผล!”
สีหน้ายินดีฉายเกลื่อนเต็มใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น รีบหยิบใบสั่งยาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วอ่านอย่างจริงจัง
หลินหยุนยังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ คนนี้เป็นนักศึกษาหญิง มองหลินหยุนด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งท้าทาย
“สะบัดร้อนสะบัดหนาว ประจำเดือนผิดปกติ มีอาการเดียวกันกับผู้หญิงคนก่อนหน้า”
ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของหญิงสาวหายวับไปทันที มองหน้าหลินหยุนด้วยความตกตะลึงพรึงเพริศ
แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ยอมรับอาการของพวกเขา แต่สีหน้าที่แสดงออกมา กลับทรยศพวกเขาทั้งหมด ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า การวินิจฉัยของหลินหยุนนั้นแม่นยำถูกต้องทุกประการ
ความรังเกียจ และความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของพวกนักเรียนค่อย ๆ จางหายไป แต่เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังขึ้นมาแทนที่ ที่นี่มีคนกว่าห้าสิบคน ไม่รู้ว่าหลินหยุนจะสามารถมองออกได้กี่คน
หลินหยุนเดินไปพลางพูดไปพลาง: “เธอ รูม่านตาเป็นสีเหลือง ริมฝีปากบนเป็นสีดำ นี่เป็นสัญญาณของโรคตับ!”
“เธอ ร่างกายซูบผอม มีปัญหาเรื่องระบบอาหารไม่ย่อย!”
“เธอ ไม่ต้องดูแล้ว เป็นโรคอ้วน!”
หลินหยุนเดินจากซ้ายไปขวา ตลอดทางที่ผ่าน ก็ชี้ให้เห็นถึงอาการเจ็บป่วยของนักเรียนไปทีละคนๆ และแม้แต่โรคที่ซ่อนเร้นบางอย่าง ซึ่งกระทั่งตัวนักเรียนเองก็ยังหาสาเหตุไม่พบ หลินหยุนก็สามารถชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติทั้งหมดได้อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น หลินหยุนยังสามารถให้วิธีรักษาอาการป่วยของแต่ละคนได้ ในทันทีที่เห็น
ในเวลานี้ สายตาของพวกนักเรียนที่มองเขา แต่ละคนต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงทึ่งสุดขีด ทั้งยังชื่นชมจากใจแล้วจริงๆ!
สายตาของพวกนักศึกษา เริ่มมองตามการเคลื่อนไหวของหลินหยุนทุกฝีก้าว ทุกครั้งที่หลินหยุนชี้ให้เห็นความเจ็บป่วยของใครสักคน ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกทึ่งในฝูงชนไปด้วยทุกครั้ง
นักศึกษาพวกนี้ ล้วนเป็นนักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยแพทย์ทั้งสิ้น ทักษะทางการแพทย์ของพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่ไม่เลว ถึงขั้นที่ว่า มีทักษะสูงกว่าหมอเถื่อนบางคนที่ปะปนอยู่ในสังคมมากทีเดียว
ดังนั้น หลังจากที่หลินหยุนได้ให้แผนการรักษาไปแล้ว พวกเขาก็จะนำมาหารือกัน ถึงความเป็นไปได้ของแผนการรักษานี้
แน่นอนว่าแผนการรักษาของหลินหยุนนั้น ดีกว่าทักษะทางการแพทย์ในโลกปัจจุบันมาก นักศึกษาที่มีความสามารถเหล่านี้ต่างก็ค้นพบว่า พวกเขาไม่เคยได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาก่อน
แต่พวกเขาต่างก็เป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัยแพทย์ หลังจากพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ค้นพบความมหัศจรรย์อันแข็งแกร่งทรงคุณค่า ของแผนการรักษาที่หลินหยุนมอบให้
ชั่วขณะนั้น ความประหลาดใจ ความชื่นชม และความปีติยินดี ก็แพร่กระจายไปจนทั่วห้องเรียน
รอจนกระทั่งหลินหยุนเดินไปหาคนสุดท้าย ที่นั่งข้างชายหนุ่มที่มีสิวเขรอะบนใบหน้า แล้วช่วยเขาแก้ปัญหาเรื่องความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ มีนักศึกษาทั้งสิ้นกว่าห้าสิบคนในห้องเรียน เกือบทุกคนในนั้น ได้รับการตรวจวินิจฉัยกันถ้วนหน้า
แต่หลินหยุนเว้นนักศึกษาหกคนที่มาจากปักกิ่งนั้นไว้ ไม่ได้ตรวจดูอาการให้ และแน่นอนว่า รวมไปถึงเซี่ยหยู่เวยด้วย
เกี่ยวกับสถานที่อย่างปักกิ่งนั่น ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือชาตินี้ หลินหยุนก็ไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ อะไรเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย
ซูชิงเหยียนเผยสีหน้าชื่นชมเต็มที่ อดใจไม่ไหว จนต้องหัวเราะอย่างยินดีออกมา: “ช่างเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้! ยอดเยี่ยมเหลือเกินแล้ว!”
“ทักษะทางการแพทย์ของหมอเทพหลินช่างวิเศษจริง ๆ พวกเราได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
“อาจารย์หลิน พวกเรายอมแล้ว!” ชายหนุ่มคนแรกที่ยืนขึ้นตั้งคำถามกับหลินหยุน ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก้มหัวลงด้วยท่าทางเคารพชื่นชมจากใจ
“ใช่ อาจารย์หลินร้ายกาจสุดยอด พวกเรายอมแล้ว!”
“พวกเรายอม!”
จางเหยียนก็ตกตะลึงมากเช่นกัน นักศึกษากว่าห้าสิบคนในห้องเรียน หลินหยุนกลับวินิจฉัยอาการได้ถูกต้องทั้งหมด
ระดับความยากขั้นนี้ จางเหยียนเองก็รู้ดี ว่ามันทำได้ยากมากขนาดไหน
ใบหน้าอันงดงามของจงเฟยหยู่ ยังคงแดงเรื่ออยู่บ้างเล็กน้อย เธอมีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือนไม่หาย เมื่อเธอได้รับใบสั่งยาที่หลินหยุนมอบให้ เธอก็สามารถมองเห็นความเฉลียวฉลาดของการจัดยาเหล่านี้ได้ในทันที
คิดไม่ถึงเลยว่า ยาสามัญที่เห็นจนชินตาเหล่านี้ ถึงกับสามารถจับคู่ด้วยวิธีนี้ได้!
เธอเริ่มจะรู้สึกชื่นชมยกย่องหลินหยุน มากกว่า50%แล้ว
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยมืดมนเล็กน้อย เมื่อหลินหยุนเดินมาถึงข้างตัวเธอ ในใจของเธอเกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ เพราะกลัวว่าหลินหยุนจะวินิจฉัยอาการป่วยของเธอให้คนอื่นรู้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อถึงตาของเธอเข้าจริง ๆ หลินหยุนกลับจงใจข้ามเธอไปซะเฉย ๆ
“นี่คือ จงใจเมินกันเหรอ?”
ผู้หญิงที่มีนิสัยแพ้ไม่เป็นอย่างเซี่ยหยู่เวย ย่อมไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง
บางครั้งผู้หญิงก็เป็นส่วนผสมของความขัดแย้ง ซึ่งสามารถสะท้อนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือเซี่ยหยู่เวย ด้านหนึ่งเธอก็ไม่อยากให้หลินหยุนวินิจฉัยอาการให้เธอ แต่เมื่อหลินหยุนข้ามเธอไปจริง ๆ เธอก็กลับรู้สึกว่าตัวเองถูกละเลยเมินเฉยไปเสียอย่างนั้น
“ฉันไม่ยอม!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความชื่นชมต่อหลินหยุนอยู่นั้น เสียงของเย่เทียนเหาก็ดังขัดขึ้นมา
จากนั้น เย่เทียนเหาก็ยืนขึ้น กวาดตามองทุกคนในห้องด้วยสีหน้าเย้ยหยัน สุดท้ายสายตาของเขาก็ไปตกลงที่ใบหน้าของหลินหยุน
ทั้งห้องเรียนเงียบกริบไปในทันที สายตาของทุกคน ต่างเพ่งมองไปที่เย่เทียนเหากันเป็นตาเดียว
“น่าขำชะมัด พวกคนจากสาขาการแพทย์หลินโจวช่างไร้ยางอายสิ้นดี ถึงกับรวมหัวกันแสดงละครโง่ ๆ แบบนี้ออกมาได้!”
“ฉันถึงว่าไว้ตั้งนานแล้วมั้ยล่ะ ว่ามันจะไปมีหมออัจฉริยะในสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง? ที่แท้หมอเทพสุดอัจฉริยะ ก็จบจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์เนี่ยนะ!
คำพูดนี้ เป็นอะไรที่เลวร้ายเกินจะรับได้ไปหน่อยแล้ว
นอกจากนี้ คำพูดของเย่เทียนเหาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่หลินหยุนเพียงคนเดียว แต่กลับมุ่งเป้าไปที่วงการแพทย์ทั้งหมดในหลินโจว
“ปากหมาผายลมอะไรของแก? พูดจาเหลวไหลไร้สาระบ้าบออะไรไม่ทราบ!”
“ผีเจาะปากมาพ่นแต่เรื่องสาดโคลนชาวบ้าน! แค่มาจากปักกิ่งก็นึกว่าตัวเองวิเศษวิโสมากนักรึไง? อาศัยอะไรถึงมาดูถูกหลินโจวของพวกเรา!”
“เมื่อกี้อาจารย์หลิน เพิ่งจะวินิจฉัยอาการของทุกคน ด้วยความสามารถสุดวิเศษของเขา แถมยังแนะวิธีการรักษาให้ทีละคนจนครบ แกยังมีหน้ามาใส่ร้ายเขาอีก!”
นักศึกษาทุกคนจ้องมองเย่เทียนเหาอย่างโกรธจัด แม้แต่นักศึกษาคนอื่น ๆ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งที่เหลือ ก็ยังถูกมองด้วยสายตาแสดงความเป็นศัตรูอย่างเต็มที่
ครั้งนี้ แม้แต่ซูชิงเหยียนก็ยังรู้สึกโกรธเคืองด้วยแล้ว มองเย่เทียนเหาด้วยสีหน้าดำคล้ำมืดทะมึน จึงไม่ได้หยุดนักเรียนจากการตั้งคำถามปรามาสเหล่านั้น
คำพูดของเย่เทียนเหาประโยคนี้ สร้างความขุ่นเคืองได้อย่างรุนแรงมากจริงๆ
เย่เทียนเหาปลุกปั่นให้เกิดความขุ่นเคืองต่อสาธารณชนแล้วแท้ ๆ แต่เจ้าตัวกลับยังไม่รู้ตัวสักนิด ยังคงมองทุกคนด้วยสีหน้ารังเกียจเย้ยหยัน : “ถ้าพวกนายไม่ได้แสดงละคร ทำไมเจ้าหนูนี่ถึงไม่ยอมตรวจวินิจฉัยพวกเราหกคนด้วย?”
นี่คือความมั่นใจของเย่เทียนเหา
ท่าทีไร้การตอบสนองของหลินหยุน สร้างความเข้าใจผิด ๆ ให้กับเย่เทียนเหาได้อย่างไม่คาดคิด
ตอนนี้นักเรียนของหลินโจวเอง ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วเช่นกัน
อันดับแรก แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับหลินหยุน แต่ทำไมหลินหยุนถึงจงใจข้ามหกคนที่มาจากปักกิ่งไปล่ะ?
ข้อนี้พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจจริงๆ
เย่เทียนเหาเห็นสีหน้าครุ่นคิดของนักเรียนใน ม. หลินโจว ก็รู้สึกลำพองใจมากที่สามารถเจาะจุดอ่อนได้ตรงประเด็น สำเร็จงดงามอย่างที่คิด
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะสิ! ไอ้หนู ถ้าอยากให้ฉันเชื่อว่าแกไม่ได้แสดงละครอยู่ งั้นก็วินิจฉัยอาการให้ฉันมาตอนนี้เลย ถ้าแกบอกอาการได้ถูกต้องแม่นยำจริง ฉันถึงจะยอมเชื่อ!”
เย่เทียนเหาเงยหน้าขึ้น สีหน้าหยิ่งผยองเกลื่อนเต็มใบหน้า
ฉู่หมิงเฉิงกับซ่างกวงชิงฉัน หันมามองประสานสายตากันแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้กัน ดูเหมือนว่า ทั้งสองคนจะยังมีข้อสงสัยอยู่ไม่ต่างกัน
หลินหยุนปรายตามองเย่เทียนเหาน้อย ๆ ท่าทีของเขาดูแปลกพิกล : “อยากให้ฉันพูดจริง ๆ น่ะเหรอ?”
“ไร้สาระ! ฉันว่าแกคงพูดไม่ได้มากกว่าล่ะสิ!” เย่เทียนเหาเยาะเย้ย
ซูชิงเหยียนและบรรดานักศึกษา ม. หลินโจวต่างก็มองหลินหยุนเป็นตาเดียว วิธีการที่ดีที่สุดที่จะจะทำให้นักศึกษาหกคนจากปักกิ่งยอมเชื่อได้ ก็คือต้องให้หลินหยุนตรวจวินิจฉัยอาการของพวกนั้นต่อหน้าสาธารณชนไปเลย
ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงคาดหวังให้หลินหยุนทำให้คนเหล่านี้ต้องยอมแบบจำนนด้วยวาจาและใจไปเลย จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หลินหยุนเหลือบมองเขา พูดด้วยน้ำเสียงแซวน้อย ๆ แต่เรียบนิ่งว่า “นาย ปวดเอวปวดเข่า มีอาการอบร้อนของห้าใจ (กลุ่มอาการตัวร้อนหลังเที่ยง มีเหงื่อหลังนอน ฝันเปียกเป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากไตอินพร่องจนไม่สามารถคุมพลังหยางของไตได้) เวียนหัวหูอื้อ ร่างกายซูบผอม!”
“นี่คือภาวะโรคไตพร่อง!” (อาการที่ส่งผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ)
อุ๊บส์!
ฮ่าๆๆๆๆ…
หลังจากเงียบกริบไปครู่หนึ่ง ทั้งห้องเรียนก็ปรากฏเสียงหัวเราะ ดังระเบิดออกมาจากทุกทิศทุกทาง!
“มิน่าล่ะ อาจารย์หลินถึงไม่ทำการตรวจวินิจฉัยให้เขา ที่แท้ก็เพราะอยากช่วยรักษาหน้าให้นี่เอง!”
“แต่ไอ้งี่เง่านี่ดันไม่เห็นค่าไม่พอ ยังกล้ามาสงสัยความสามารถของอาจารย์หลิน!”
“ข่าวนี้โคตรแซ่บอ่ะ นับจากนี้ฉายาคุณชายไตพร่อง น่าจะต้องลือกระฉ่อนไปจนทั่วหลินโจวแน่!”