จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 3 มีคนมาเชิญ
บทที่ 3 มีคนมาเชิญ
หลินหยุนรู้ ว่านี่เป็นกฎเก่าแก่ของเซี่ยหยู่เวย
ในอดีตเขาฝันเอาไว้ว่าวันหนึ่ง เขาจะได้เห็นร่างกายที่ทำให้คนสั่นไหวของเซี่ยหยู่เวย แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอีกต่อไป
หลังจากทานอาหารเช้าที่โจวเฟินทำเสร็จ หลินหยุนก็ไปที่คลินิกกับเซี่ยหยู่เวย
หลังจากมาถึงคลินิก หลินหยุนก็เตรียมจากไป และคิดจะไปหาสถานที่เพื่อฝึกฝนต่อ
ชาติก่อนเขาเป็นหมาตามตูดของเซี่ยหยู่เวย ในชาตินี้เขาได้รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของเซี่ยหยู่เวยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะตามติดเธออีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หลินหยุนจะได้จากมา กลับมีคนบุกเข้ามาเสียก่อน
คนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มสองคนในชุดดำสวมแว่นกันแดด รูปร่างกำยำ แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ
จากนั้น ก็ตามมาด้วยชายกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว ท่าทางสุภาพและสง่างาม
“ใครเป็นหมอของที่นี่?” ถามชายวัยกลางคนด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
เซี่ยหยู่เวยเงยหน้าขึ้นและเอ่ย “ฉัน!”
“ได้โปรดมากับผมสักหน่อย!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการและมีอำนาจที่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้
เซี่ยหยู่เวยขมวดคิ้วและถาม “พวกคุณเป็นใคร? หาฉันทำไม?”
ในเวลานี้เอง มีคนอีกสองคนผลักประตูเข้ามา
คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนท่าทีน่าเกรงขาม บนตัวสวมชุดสูทสีเทา
ส่วนอีกคนหนึ่งกลับกลายเป็นหญิงสาวเมื่อคืน
“คุณผู้หญิงอย่าได้เข้าใจผิด ข้าน้อยจินซื่อหรง พวกเราแค่อยากเชิญคุณไปรักษาอาการป่วยของลูกชายเรา”
เมื่อได้ยินว่าเป็นการเชิญเธอไปตรวจอาการ สีหน้าของเซี่ยหยู่เวยก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่จู่ๆเธอก็ตะลึงขึ้นมา “คุณคือจินซื่อหรงของบริษัทชิรงกรุ๊ป!”
“เป็นผมเอง!”จินซื่อหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มองดูแล้วไม่มีมาดใด ๆ แต่กลับรู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็น
หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองดูจินซื่อหรง
จินซื่อหรงแห่งบริษัทชิรงกรุ๊ปเป็นองค์กรชั้นนำที่มีชื่อเสียงในเมืองหลินโจว จินซื่อหรงเองก็มักจะออกทีวีบ่อยครั้งและร่วมเวทีเดียวกันกับผู้นำใหญ่หลายคนในเมือง
ชาติก่อนหลินหยุนเองก็มีความเคารพอย่างสูงต่อบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนนี้ และภูมิใจเสมอที่ได้ทำงานในบริษัทชิรงกรุ๊ป
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนจำได้ว่า เขาไม่เคยพบกับจินซื่อหรงมาก่อนในชาติที่แล้ว แต่นี้พอกลับมาเกิดใหม่ได้ไม่นานกลับได้พบหน้าจินซื่อหรง
หรือว่าการกลับมาเดินใหม่ของเขา ส่งผลให้เกิดเป็นบัตเตอร์ฟลายเอ็ฟเฟ็ค และมีวิถีแห่งชะตากรรมที่เปลี่ยนไป? ประวัติศาสตร์แต่เดิมกำลังจะเปลี่ยนไปหรือไม่?
เซี่ยหยู่เวยรีบลุกขึ้นยืนและถามด้วยความเคารพ “คุณจินโปรดรีบนั่งลงก่อน ไม่ทราวว่าลูกชายของคุณเป็นอะไร?”
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงที่ใช้เต็มไปด้วยความให้เกียรติ
จินซื่อหรงดูเหมือนกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาเอ่ยเสียงเข้ม “ลูกชายของผมตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาลประชาชน รบกวนคุณผู้หญิงช่วยไปดูหน่อยก็จะรู้เอง ต้องใช้ค่ารักษาเท่าไหร่ได้โปรดอย่าลังเลที่จะเอ่ยปาก!”
“ในเมื่อคุณจินถึงกับมาเชิญฉันไป ฉันย่อมต้องไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลประชาชนไม่สามารถรักษาโรคของลูกชายคุณได้ ต่อให้ฉันไปก็เกรงว่าจะไม่ช่วยอะไรไม่ได้!”
เซี่ยหยู่เวยรู้ว่าตนเองมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน ทักษะทางการแพทย์ของเธอไม่ดีเท่าผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลชั้นนำสามแห่งแน่
“เอ่อ…”จินซื่อหรงหันกลับมามองผู้หญิงข้างๆ
ผู้หญิงคนนั้นรีบกระซิบ “ท่านประธานจิน คนที่รักษาลูกชายของฉันไม่ใช่เธอ แต่เป็นชายหนุ่มคนนั้น!”
เซี่ยหยู่เวยตะลึงไป จากนั้นกระแสความโกรธก็พุ่งขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าที่แท้จินซื่อหรงจะมาเชิญหลินหยุนคนขี้แพ้คนนั้น!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นต้องรบกวนน้องชายคนนี้เองก็ไปด้วยกันเถอะ ค่ารักษาพยาบาลแยกต่างหาก!” จินซื่อหรงกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที
ห้างสรรพสินค้าของจินซื่อหรงเปิดมานานหลายสิบปีและเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าจะเคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่แค่เพียงประโยคเดียวก็เอาอยู่
เซี่ยหยู่เวยรีบเอ่ย “คุณจินโปรดรอสักครู่ ฉันขอเตรียมตัวสักหน่อยและรีบเดินทางได้ทันที!”
“ผมไม่สนใจ” หลินหยุนกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาเข้าใจสาเหตุที่เจอจินซื่อหรงก่อนเวลาได้แล้ว นั่นก็คือเป็นเพราะเด็กที่เขาช่วยไว้เมื่อวานนี้ส่งผลต่อโชคชะตาให้เปลี่ยนแปลงไป
ถ้าเขายังคงยื่นมือเข้าไปต่อ ก็มีแต่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวสิ่งต่างๆมากขึ้น และอนาคตก็จะอยู่เหนือการควบคุมของเขา
เซี่ยหยู่เวยตกตะลึง และมองไปที่หลินหยุนเหมือนคนโง่
สามารถมีความเกี่ยวข้องกับจินซื่อหรงได้ ถือเป็นความฝันของผู้คนนับไม่ถ้วนในหลินโจว
ตอนนี้ผู้เป็นเจ้าของบริษัทชิรงกรุ๊ปถึงกับมาเชิญด้วยตนเอง แต่เจ้าคนขี้แพ้นี่กลับบอกว่าไม่สนใจ
เซี่ยหยู่เวยโกรธจนหน้าซีดขาว
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันจะต้องหาลูกเขยแต่งเข้ามาเพื่อสืบทอดตระกูลเซี่ยให้ได้ แม้ว่าผู้ชายทั้งหมดบนโลกจะตายไป ฉันก็จะไม่ยอมแต่งงานกับคนขี้แพ้ไร้ความก้าวหน้าแบบนี้แน่!”
จินซื่อหรงที่เดิมแค่ทดสอบดูท่าทีและเชื้อเชิญหลินหยุน แต่เดิมเขาคิดว่า หากเขาออกหน้าด้วยชื่อเสียงของเขาเองแล้ว แม้แต่นายกเทศมนตรีก็ยังเชิญสำเร็จ
ไม่คาดคิดเลยว่า หลินหยุนจะไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ยิ่งท่าทีของหลินหยุนหยิ่งผยองมากเท่าไหร่จินซื่อหรงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่สมัยโบราณคนที่มีพรสวรรค์ มักจะแปลกประหลาดเสมอ
จินซื่อหรงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย จะให้คุณไปกับฉันต้องมีเงื่อนไขอะไร?”
หลินหยุนมองเขาอย่างเรียบนิ่ง และเอ่ย “บนตัวคุณไม่มีสิ่งที่ผมต้องการ”
จินซื่อหรงยิ้มน้อยๆ ความน่าเกรงขามของเขาแผ่ออกมาโดยธรรมชาติ “น้องชาย คุณต้องการอะไร ล้วนบอกมาได้!”
หลินหยุนยิ้ม “ผมต้องการดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า คุณมีได้หรือ?”
จินซื่อหรงโมโหอยู่บ้าง “นายตั้งใจทำให้คุณจินอับอาย!”
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ช่างเถอะ!” หลินหยุนไม่ได้อธิบาย กาลครั้งหนึ่ง เขาเคยยืนอยู่บนยอดดวงอาทิตย์ และสังหารเซียนสู่แดนธรรมะสามคน
ดวงอาทิตย์สำหรับหลินหยุนแล้ว สามารถตัดได้เพียงดาบเดียว!
เมื่อเห็นว่าจินซื่อหรงโกรธ เซี่ยหยู่เวยก็รีบกระซิบ “คุณจินอย่ารีบร้อน เขาก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ฉันเกลี้ยกล่อมเขาเอง!”
อันที่จริง เซี่ยหยู่เวยอยากจะทิ้งหลินหยุนเอาไว้แล้วไปเองอย่างยิ่ง เพียงแต่เป็นหลินหยุนที่ได้รับเชิญอย่างแท้จริง
เซี่ยหยู่เวยเดินไปหาหลินหยุนและพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย “ทำไม? กลัวว่าโชคจะไม่ดีแล้วหรือไง เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้วล่ะสิ? ก็เลยไม่กล้าไป?”
“ใครใช้ให้นายอวดดีเมื่อวาน!”
“นายไม่ต้องกังวล เรื่องการดูอาการนายไม่ต้องมายุ่ง แต่ไปด้วยกันก็พอ”
หลินหยุนเหลือบมองเธอและเห็นว่าเธอมีท่าทีสะใจอยู่บ้างก็เอ่ยขึ้น “เธอคิดว่าเมื่อวานฉันแค่โชคดี? ก็ได้ ฉันไปกับเธอ!”
เซี่ยหยู่เวยคิดมาตลอดว่าที่หลินหยุนสามารถรักษาเด็กชายคนนั้นได้ ก็เหมือนกับแมวตาบอดที่พบเข้ากับหนูที่ตายแล้ว วันนี้การที่หลินหยุนไม่กล้าตอบรับคำเชิญของจินซื่อหรงเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
ไม่ใช่ว่าหลินหยุนไม่ไป แต่เขาไม่กล้า!
“คุณจิน เขาตกลงแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!” เซี่ยหยู่เวยเปลี่ยนท่าทีไปเป็นประจบประแจงทันทีและเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณคุณผู้หญิงแล้ว!”จินซื่อหรงยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าเรื่องราวไม่พอใจเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
หลินหยุนและเซี่ยหยู่เวยนั่งรถAudi A8 สีดำของจินซื่อหรงไปที่โรงพยาบาลของประชาชน
ในหอผู้ป่วยหนัก
บนเตียงสีขาวมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนอยู่พร้อมถูกมัดด้วยเชือกเอาไว้ ในปากมีผ้าขนหนูสีขาวอุดอยู่ ท่าทางของเขากำลังพยายามดิ้นรนไปมา
ถัดจากเขามีสตรีสวมใส่แบรนด์เนมทั้งตัว ท่าทางมีสง่าราศี กำลังเช็ดน้ำตาอยู่
“ท่านทั้งสอง เชิญเข้ามา!”จินซื่อหรงผายมือ แสดงท่าทางต้อนรับหลินหยุนและเซี่ยหยู่เวยเข้าไปในห้องผู้ป่วย
“นี่หมอเทพที่คุณเชิญมาหรือ?”สตรีมีราศีมองดูพวกหลินหยุนที่ยังคงเป็นอ่อนวัยและถามอย่างสงสัย
“เวลากระชั้นชิด รับให้ทั้งสองดูหยวนเป่า คุณหลบไปอีกด้าน!” จินซื่อหรงเอ่ยอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าหลิวลี่จะสงสัย แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะละเลยและรีบไปยืนอยู่ข้างๆแทน
“เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของคุณคะ?” เซี่ยหยู่เวยถาม
จินซื่อหรงกล่าว “เมื่อไม่กี่วันก่อนยังสบายดี จู่ๆวันนี้ก็กลายเป็นแบบนี้ขึ้นมา เจอใครก็เข้าไปกัด เหมือนกับคนบ้า!”
“นี่น่าจะเป็นปัญหาทางสมอง คุณพบเชี่ยวชาญด้านสมองหรือยังคะ?” เซี่ยหยู่เวยถาม
“ไปพบมาแล้ว และทำ CT สมองไปแล้วไม่พบความเสียหายใด ๆ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญยังมองไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ!”
“คุณเอาผ้าขนหนูออกจากปากเขาได้ไหม? ฉันจะถามเขาดูว่าเขายังมีสติอยู่หรือเปล่า!”เซี่ยหยู่เวยเอ่ย
ก่อนที่จินซื่อหรงจะพูดขึ้นต่อ หลิวลี่ภรรยาของเขา ซึ่งก็คือสตรีมีราศีข้างๆผู้นั้นกลับรีบหยุดขึ้นทันที “ไม่ได้ เขาจะกัดตัวเอง!”
เซี่ยหยู่เวยครุ่นคิดและเอ่ย “อย่างนั้นก็ทำได้แค่รอให้เขาสงบสติอารมณ์ลงก่อน จากนั้นจึงค่อยตรวจสอบอย่างละเอียด!”
“อืม!” จินซื่อหรงพยักหน้า ตอนนี้ได้แต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น
เซี่ยหยู่เวยหยิบกล่องเงินขนาดเล็กออกมา และหยิบเข็มเงินสามเล่มออกมา
“ฉันจะทำให้เขาหลับไปก่อน!”
ในใจของหลินหยุนคิด เซี่ยหยู่เวยเพื่อที่จะเอาใจตระกูลเซี่ย ถึงกับเตรียมจะใช้ทักษะของตระกูลออกมาแล้ว
ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลแพทย์แผนจีน แม้ว่าเซี่ยหยู่เวยจะเรียนแพทย์แผนตะวันตก แต่ทักษะที่สืบทอดมาจากตระกูลอย่างการฝังเข็มและการรมยาก็มีอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้นั้นไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด แต่กลับชี้มหาโหดเข้าครอบงำสติสัมปชัญญะต่างหาก
เหนือศีรษะของเขา มีกลุ่มหมอกสีแดงที่มีเพียงหลินหยุนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ปกคลุมอยู่
“การฝังเข็มไม่มีประโยชน์ อาการป่วยของเขาเธอไม่สามารถรักษาได้”
หลินหยุนไม่คิดจะสอดมือ แต่ถ้าหากเซี่ยหยู่เวยเกิดเรื่องขึ้น น้าโจวเฟินจะต้องเสียใจอย่างมาก เขาไม่อยากเห็นโจวเฟินเสียใจ