จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 305 ตำนานของทะเลสาบเยว่หยา
เห็นท่าทางที่น่าสังเวชของเย่เทียนเหา ไม่มีใครสงสารเห็นใจเขาเลย
“ถุย สมน้ำหน้า!”
“ใช่ แบบนี้เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว! ดูสิว่าต่อไปเขายังจะกล้าโอหังขนาดนี้มั้ย!”
นักศึกษากลุ่มหนึ่งเยาะเย้ยเย่เทียนเหา ดูแล้วท่าทางที่โอหังของเย่เทียนเหาเมื่อกี้ ปลุกระดมความโกรธของมวลชนอย่างมาก
หลินหยุนลุกขึ้น กล่าวอย่างเรียบเฉย “พอได้แล้ว”
พี่ดาวพยักหน้าอย่างสุภาพ ตะโกนสั่งลูกน้อง “หยุด!”
เย่เทียนเหาถูกซ้อมปานตายเหมือนหมา นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าสมเพช ลูกตาที่มองเพดานไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
สีหน้าของหลินหยุนเรียบเฉย ก้าวเท้าเดินจากไป
เซี่ยหยู่เวยรีบวิ่งตามไป มาถึงหน้าประตูโรงแรม หลินหยุนหยุดฝีเท้าลง หันหน้าไปมองเซี่ยหยู่เวย
“หลินหยุน นายมันหยิ่งทะนงตัวแบบนี้ตลอดเลย วันนี้นายหยามเย่เทียนเหาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ พรุ่งนี้ตระกูลเย่ไม่เอานายให้ตายก็คงไม่ยอมรามืออย่างแน่นอน!”
ใบหน้าหลินหยุนยังคงไร้ความรู้สึก “ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เซี่ยหยู่เวยโกรธจนหายใจหอบ กล่าวด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง “หลินหยุน แม้ว่าฉันจะเกลียดนาย แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นนายตาย อำนาจของตระกูลเย่ ไม่ใช่คนอย่างนายจะไปล่วงเกินได้!”
“ตอนนี้ฉันขอชี้ทางสว่างให้นาย หากนายยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ไปขอร้องอีหลิง ตอนนี้ มีเพียงตระกูลอีแห่งเจียงหนานถึงจะสามารถปกป้องนายได้!”
พูดจบ เซี่ยหยู่เวยก็เดินเชิดหน้าจากไป
ใบหน้าของหลินหยุนไม่แยแส แววตาล้ำลึกเหมือนดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า “เซี่ยหยู่เวย เธอยังคงคิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดเวลา ชาติก่อน ฉันเคารพเธอเหมือนพระเจ้า แต่เธอนั้นทอดทิ้งฉันเหมือนรองเท้า แต่เธอนั้นกลับไม่รู้ ชาตินี้ ฉันไม่ฉันคนก่อนนานแล้ว”
“ความสามารถของฉัน มันไกลเกินจินตนาการของเธอมาก!”
หลังจากที่หลินหยุนจากไปแล้ว นักศึกษาคนอื่นๆก็ตามออกไปด้วย
ไม่นาน ในห้องอาหารก็เหลือเพียงนักศึกษาหกคนที่มาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์กรุงปักกิ่ง
ฉู่หมิงเฉิงมองดูเย่เทียนเหาที่นอนอยู่บนพื้นโดยยอมไม่ขยับเลย พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “คุณชายเย่ นายไม่เป็นใช่มั้ย? จะไปโรงพยาบาลมั้ย?”
เย่เทียนเหาไม่ตอบ สายตาว่างเปล่า
ซ่างกวงชิงฉันกล่าวอย่างเย็นชา “เย่เทียนเหา หากนายยังเป็นผู้ชาย ก็ให้มันเข้มแข็งหน่อย! อย่าให้ฉันต้องดูถูกนาย!”
สายตาของเย่เทียนเหา จึงค่อยๆกลับมามีพลังเล็กน้อย
จากนั้น เย่เทียนเหาก็คำรามอย่างคลุ้งคลั่ง หลินหยุน “ฉันกับนายไม่ตายก็จะไม่ยอมเลิกราต่อกัน!”
………….
หลินหยุนเป็นวิทยากรให้คำแนะนำอยู่ที่มหาวิทยาลัยหลินโจว เป็นเวลาสามวัน
แม้ว่าเย่เทียนเหากับฉู่หมิงเฉิงและพวก จะโกรธแค้นหลินหยุนอยู่ในใจ อย่างไรก็ตาม สำหรับทักษะทางการแพทย์ที่หลินหยุนบรรยาย พวกเขากลับยอมรับชื่นชมอย่างมาก
ทักษะทางการแพทย์ที่หลินหยุนบรรยาย ล้วนได้มาจากเทคโนโลยีที่อยู่บนดาวเคราะห์ที่เขาเคยเดินทางผ่านเมื่อชาติที่แล้ว ซึ่งก้าวล้ำโลกไปหลายปี
ไม่ว่าจะเป็นฉู่หมิงเฉิงหรือซ่างกวงชิงฉัน ล้วนมีพื้นฐานที่ส่งต่อมาจากครอบครัว แม้กระทั่งตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน ก็เป็นครอบครัวแพทย์(หรือเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับยาทางการแพทย์และเครื่องมือแพทย์)
ดังนั้น สำหรับทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ที่หลินหยุนบรรยาย พวกเข้านั้นเข้าใจดี
คาบสุดท้ายของวิชา ฉู่หมิงเฉิงตามหาหลินหยุนจนเจอ
ฉู่หมิงเฉิงมองหลินหยุน ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “คุณหลิน ผมหวังว่าคุณจะสามารถมาเข้าร่วมการแข่งขันดอกเตอร์คิงในซีซันนี้!”
หลินหยุนมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่แยแส “ทำไม? แพ้ให้กับฉันแล้วไม่พอใจ? อยากจะเอาคืนฉัน?”
ฉู่หมิงเฉิงยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ ในแง่ทักษะการแพทย์ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่คุณพ่อผมเป็นแพทย์ดอกเตอร์คิงเมื่อซีซันที่แล้ว ผมหวังว่าในการแข่งขัน เขาจะทำให้คุณพ่ายแพ้ เพื่อพิสูจน์ทักษะทางการแพทย์ของตระกูลฉู่ของผม!”
“ฉันไม่สนใจ” หลินหยุนกล่าวอย่างเอือมระอา
ฉู่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว “คุณหลิน นี่เป็นสารท้าทายที่ผมได้ส่งให้กับคุณ หากคุณปฏิเสธ คุณก็จะเป็นคนขี้ขลาด!”
หลินหยุนเหลือบมองฉู่หมิงเฉิงไปแวบหนึ่ง ก็พูดออกมาเพียงประโยคเดียว “ไสหัวไป!”
“คุณ……….” ฉู่หมิงเฉิงหน้าชา กล่าวอย่างคาใจ “ผมจะรอคุณที่งานแข่งขันดอกเตอร์คิง!”
พูดจบ ก็หันหลังจากไป
หลินหยุนไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย ทักษะทางการแพทย์อยู่ในสายตาของเขา เป็นเพียงเทคนิดเล็กน้อยเท่านั้น ขอเพียงการบำเพ็ญปฏิบัติของเขาแข็งแกร่งเพียงพอ เมื่อถึงเวลาต่อให้จะสร้างเนื้อหนังให้มนุษย์ยังได้เลย เขาทำไมต้องมาสนใจตำแหน่งดอกเตอร์คิงจอมปลอมนี้อีกเหรอ?
เห็นฉู่หมิงเฉิงจากไป ซ่างกวงชิงฉันที่มองดูภาพนี้อยู่ไกลๆ จู่ๆก็ปรับเปลี่ยนทิศทาง หันหลังเดินเข้าไปในห้องเรียน
ปฏิเสธงานเลี้ยงขอบคุณของซูชิงเหยียนและคนอื่นๆ หลินหยุนก็กลับไปที่คฤหาสน์เย่หยาหู
หลังจากเข้าไปในแดนแด่เทพเจ้าแล้ว การฝึกฝนของหลินหยุนก็ค่อยๆช้าลงมา ตอนนี้ การบำเพ็ญปฏิบัติของหลินหยุนมั่นคงอยู่ใน แดนแด่เทพเจ้าระยะแรก
เพียงแต่ หากอยากจะเข้าไปในแดนแด่เทพเจ้าระยะกลาง ต่อให้มีค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์เข้ามาช่วย ก็ไม่ใช่ว่าใช้เวลาอันสั้นก็จะสามารถสำเร็จได้
“แดนแด่เทพเจ้าสามอัญมณี ระยะแรกเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ระยะกลางกลั่นร่างเต๋า ระยะสุดท้ายสร้างตัวอ่อนยาทอง หากเข้าสู่แดนแด่เทพระยะกลาง ฉันก็สามารถเริ่มกลั่นร่างได้แล้ว”
ร่างกายของผู้บำเพ็ญเซียน ก็แค่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย มีเพียงอาศัยการฝึกเคล็ดวิชากลั่นร่าง ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้
ขอเพียงกลั่นร่างสำเร็จ เมื่อเป็นแบบนี้พลังชีวิตของผู้บำเพ็ญเซียนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เพียงแต่ แม้ว่าความสามารถของหลินหยุนจะไม่เพิ่มขึ้น แต่พื้นที่การมองเห็นของตาทิพย์ของหลินหยุน กลับเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
อีกอย่างตามพลังตาทิพย์ที่เพิ่มขึ้น เขาพบว่าตาทิพย์เหมือนจะมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีกด้วย
บนดาดฟ้าของตึกว่างเยว่ เมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหมือนจะต่ำลง คล้ายๆฝนจะตก
หลินหยุนยืนอยู่บนดาดฟ้า สายลมขนาดใหญ่พัดผ่าน เสื้อเชิ้ตของเขาไม่สั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว
“วันนี้เป็นวันที่หนึ่ง วันที่เก้าเป็นวันเกิดของอีหลิง เมื่อถึงเวลาต้องไปที่เจียงหนานสักรอบ อย่างไรก็ตาม จะเตรียมของขวัญอะไรให้กับอีหลิงดีนะ?”
“นี่เป็นวันเกิดแรกของอีหลิงหลังจากถูกรับกลับไปที่เจียงหนาน อีหยุ่นก็ต้องใช้วันเกิดในครั้งนี้ เปิดตัวลูกสาวอย่างเป็นทางการ!”
“ดังนั้น ครั้งนี้งานวันเกิดของอีหลิง ต้องยิ่งใหญ่อลังการอย่างแน่นอน ของขวัญชิ้นนี้ จะเชยและธรรมดาไม่ได้เด็ดขาด”
หลินหยุนตรวจดูแหวนเก็บของ กำลังคิดว่าทำเครื่องรางป้องกันตัวให้อีหลิงสักชิ้นดีกว่า ในแหวนเก็บของ มีของไม่น้อย ถึงขนาดมีกระดูกมังกร
แต่ กลับไม่มีหยกทิพย์ที่ใช้ทำเครื่องราง
“ชี่ทิพย์ของโลกไม่สมบูรณ์ หยกทิพย์ที่เห็นได้บ่อยในโลกเซียน อยู่ตรงนี้กลับขาดแคลนอย่างน่าแปลกใจ”
“ช่างเถอะ หากไม่ได้จริงๆ รออีกสองสามวันค่อยทำของเล่นให้เธอสักชิ้นดีกว่า!”
สายตาของหลินหยุนมองไปที่มุมบ้านของคฤหาสน์ ใต้ต้นเมเปิล ซูหนันที่สวมชุดดำทั้งชุด เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอยู่
เห็นบนร่างของเขาเต็มไปด้วยใบไม้ที่ร่วงลงมา คาดว่าเขาน่าจะนั่งอยู่ตรงนี้หลายวันแล้ว
“ภูเขาไม่ใช่ภูเขา ลำธารไม่ใช่ลำธาร? ภูเขาไม่ใช่ภูเขา ลำธารไม่ใช่ลำธาร? เป็นเพราะอะไรภูเขาถึงไม่ใช่ภูเขา ลำธารถึงไม่ใช่ลำธาร?”
ซูหนันบ่นพึมพำตลอดเวลา ดูแล้วยังไม่เข้าใจเขตแดนที่หลินหยุนพูดถึง
หลินหยุนถอนสายตามกลับมา เขาสามารถที่จะช่วยให้ซูหนันเข้าใจ แต่เขาไม่มีทางที่จะทำแบบนั้น
เพราะมีแต่สิ่งที่เราเข้าใจเอง เราถึงจะจำมันได้อย่างลึกซึ้ง
การบำเพ็ญเซียน เดิมก็เป็นการปฏิบัติที่ละเมิดต่อสวรรค์ ยอมไม่ได้ที่จะให้มีทางลัด
ผ่านไปอีกสามวัน หลินหยุนยังคงเพ็ญฝึกฝนอยู่บนดาดฟ้าตลอดเวลา ในระหว่างนั้น ฝนตกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ท้องฟ้าของทะเลสาบเยว่หยา เกิดภาพที่ไม่แปลกตา
ทะเลสาบเยว่หยาเพราะมีค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ปกคลุมอยู่ ต้นไม้ใบหญ้า จึงเจริญงดงามกว่าปกติ อากาศบริสุทธิ์ เหมือนดั่งแดนเทพ
ใต้เขา ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวไม่น้อย อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่พบว่า พวกเขานั้นไม่สามารถเดินไปถึงยอดเขาได้
ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ มีผลของเขาวงกต เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาในค่ายกล ก็จะสูญเสียความรู้สึกทางทิศทาง
หลังจากเดินวนไปหนึ่งรอบ ก็จะเดินออกมาอย่างมึนงง
อย่างไรก็ตาม ต่อให้อยู่ใต้เขาในช่วงเวลาหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนรู้สึกถึงความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
เมื่อเวลานานเข้า ทะเลสาบเยว่หยาก็เกิดตำนานที่เล่าขานกันมากมาย