จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 310 มุ่งหน้าไปเจียงหนาน
เจ้าของร้านนั้นฉลาดมาก แม้ว่าเขาอยากจะเบี้ยว ต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ เขาไม่สามารถที่จะทำได้ ไม่สู้ทำตัวแมนๆหน่อย ยังสามารถได้รับชื่อเสียงที่ดี
หลินหยุนพาเจ้าของร้าน พร้อมกับเซี่ยเจี้ยนโก๋ กลับไปที่คลินิก
เจ้าของร้านขอโทษครอบครัวของผู้ป่วยเหตุทันที พร้อมอธิบายสาเหตุ และมีเซี่ยเจี้ยนโก๋เป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย
หลังจากครอบครัวของผู้ป่วยได้รับเงินแล้ว ก็ต้องไม่พูดอะไรอีกแล้ว ถือว่าเรื่องราวได้จบลงด้วยดี
เจ้าของร้านและครอบครัวของผู้ป่วยต่างทยอยกันกลับไป เซี่ยเจี้ยนโก๋มองหลินหยุน ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน “หลินหยุน ครั้งนี้โชคดีที่มีนายมาช่วย! ฉันต้องขอบคุณนายอย่างดี”
โจวเฟินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เรื่องครั้งนี้โชคดีที่มีเสี่ยวหยุน! เงินที่เหลือ ฉันรู้สึกว่าควรที่จะแบ่งให้เสี่ยวหยุนครึ่งหนึ่ง”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
“ได้ มันเป็นสิ่งที่หลินหยุนควรจะได้!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย “น้าเฟิน ไม่ต้องแล้ว หากไม่มีเรื่องอะไร ผมขอตัวกลับก่อน!”
“แบบนี้จะได้ยังไง ครั้งนี้อาศัยนายช่วยเหลือทั้งหมด เราถึงได้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ เงินเหล่านี้นายต้องรับเอาไว้!” โจวเฟินกล่าวอย่างร้อนใจ
“น้าเฟิน ไม่ต้องจริงๆ ผมเอาเงินไปก็ไม่ได้ใช้อะไร พวกคุณเก็บเอาไว้เถอะ!”
“ผมไปก่อนแล้ว”
หลังจากที่หลินหยุนพูดจบ เขาก็หันหลังจากไป โดยที่ไม่สนว่ามีโจวเฟินขัดขวางอยู่
“เด็กคนนี้ ทำมาถึงรีบจากไปแบบนี้ล่ะ?” โจวเฟินบ่นด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็คิดถึงคนที่เป็นตัวตั้งตัวตี ก็จ้องมองเซี่ยเจี้ยนโก๋อย่างดุดัน มันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด เสี่ยวหยุนเป็นเด็กดีขนาดนี้ ถูกพ่อลูกอย่างพวกคุณบีบจนต้องออกไป!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ถอนหายใจ “เรื่องนี้ก็ไม่สามารถโทษผมทั้งหมด คุณก็เห็นอยู่ เป็นหยู่เวยที่มีความคิดเห็นต่อหลินหยุน”
โจวเฟินกล่าวอย่างเย็นชา “หยู่เวยเป็นเด็ก เธอไม่รู้ประสา คุณก็ไม่รู้ประสาด้วยเหรอ ให้เธอประกาศหย่าต่อคนตั้งมากมาย ตอนนี้เป็นไง เสียใจก็ไม่ทันแล้ว!”
“เฮ้ย!” เซี่ยเจี้ยนโก๋ถอนหายใจอย่างพูดไม่ออก หากรู้ตั้งแต่แรกว่าหลินหยุนมีความสามารถขนาดนี้ ตอนนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องขัดขวางไม่ให้เซี่ยหยู่เวยหย่า
แต่ชีวิตคนไม่มียาเสียใจ ดังนั้นคนต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเอง
หลินหยุนออกจากตระกูลเซี่ย วนไปหนึ่งรอบ ก็กลับมายังหอจื่อหยนุอีกครั้ง
หอจื่อหยุน ประตูถูกปิดแน่น เถ้าแก่อ้วนกำลังสั่งอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มสี่คน
จนกระทั่งหลินหยุนผลักประตูเข้ามา คนที่อยู่ข้างในถึงจะรู้ว่ามีคนมา
มองดูหลินหยุนที่ฝ่าเข้ามากะทันหัน เถ้าแก่อ้วนตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่มีเลศนัย “ไอ้หนุ่ม แกหลอกของมีค่าในร้านของฉันไปแล้ว ยังจะมาทำไม?
ชายหนุ่มสี่คน มองหลินหยุนด้วยสายตาที่ไร้ความปรานี ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีหัวใหญ่หูใหญ่ยิ้มเยาะแล้วกล่าว “เถ้าแก่ ก็คือไอ้หนุ่มคนนี้!”
เถ้าแก่อ้วนพยักหน้า “ใช่ ก็คือมัน!”
“งั้นก็ดีเลย งั้นตอนนี้พวกผมก็สั่งสอนมันแทนคุณเลย!” ชายหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ก็รีบกำมือถูกหมัดเดินไปทางหลินหยุน
หลินหยุนกวาดมองพวกเขาแวบหนึ่ง สุดท้าย สายตาไปหยุดอยู่บนร่างของเถ้าแก่อ้วน กล่าวอย่างเรียบเฉย “ผมรู้ว่าคุณต้องการทำอะไร เพียงแต่ ผมจะขอเตือนคุณก่อน ถ้าหากคุณกล้าแตะต้องคนในครอบครัวของผม จุดจบของคุณก็จะเหมือนกับค้อนอันนี้”
ขณะที่พูด ภายใต้สายตาที่สงสัยของเหล่าชายหนุ่ม หลินหยุนก็หยิบค้อนเหล็กที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ขยำมันเป็นก้อนกลมอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มที่พูดอย่างเสียงดังว่าจะสั่งสอนหลินหยุน ก็หยุดฝีเท้าลง กลืนน้ำลายอย่างแรง สายตาที่มองหลินหยุน เหมือนกับเห็นผี
“เถ้าแก่ ค้อนเหล็กของคุณทำมาจากดินเหนียวหรือเปล่า?” ชายหนุ่มคนนั้นกระซิบถาม
เถ้าแก่อ้วนเวลานี้ก็ได้สติกลับคืนมา มองหลินหยุนอย่างหวาดกลัว ตะคอกใส่ชายหนุ่มคนนั้น “ค้อนบ้านแกทำมาจากดินเหนียวเหรอ?”
“แล้วทำไมแค่ขยำ ก็ทำให้ค้อนเหล็กกลายเป็นก้อนเหล็กแล้วล่ะ? เขา เขาเป็นปีศาจเหรอ?”
ขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มสี่คนกำลังสั่น นั่นมันค้อนเหล็กเลยนะ ถูกหลินหยุนขยำง่ายๆแบบนี้ กลายเป็นก้อนเหล็กหนึ่งก้อน
หากมาขยำบนร่างกายของพวกเขาล่ะ……..
หลินหยุนยังเป็นคนอยู่มั้ย?
หลินหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คำพูดที่ฉันพูดเมื่อกี้ จำได้หรือยัง?”
“แม่ง!”
ชายหนุ่มสี่คนตกใจกลัวจนทรุดลงกับพื้น พวกเขาเป็นแค่อันธพาลเล็กๆ ปกติรังแกคนเล็กๆน้อยๆ เคยเห็นยอดฝีมืออย่างหลินหยุนที่ไหนกันล่ะ?
เกรงว่าฝีมือเพียงแค่นี้ของหลินหยุน จะทำให้พวกเขาสี่คนมีความกลัวไปตลอดชีวิต
เถ้าแก่อ้วนเป็นคนที่เจอประสบการณ์มาเยอะ ยังพอมีสติ มองหลินหยุนด้วยใบหน้าที่เคารพและเกรงกลัว
ก้มตัวลงเล็กน้อย พูดอย่างประจบประแจง !ผมมีตาแต่ไร้แวว กลับล่วงเกินผู้เซี่ยวชาญ ยังหวังว่าผู้เซี่ยวชาญจะอภัย คุณวางใจเถอะ ต่อให้ผมมีความกล้ามหาศาล ผมก็ไม่กล้าไปทำร้ายคนในครอบครัวของคุณ!”
“จำคำพูดของแกเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้แกเสียใจไปตลอดชีวิต!”
พูดจบ หลินหยุนก็หันกายเดินจากไป
ตอนที่หลินหยุนฉีกกรอบกระดาษออก ก็สังเกตเห็นท่าทางของเจ้าของร้านไม่ค่อยจะดี รู้ว่าไม่มีทางที่จะยอมง่ายๆแน่
สำหรับคนประเภทนี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือแสดงพลังที่พวกเขาไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ ทำให้เขาเห็นแล้วมีความหวาดกลัวในใจ แบบนี้ ต่อไปเขาก็จะซื่อสัตย์แล้ว
จัดการเรื่องของเซี่ยเจี้ยนโก๋เสร็จสิ้นเชิง หลินหยุนก็ย้อนกลับไปที่ตึกว่างเยว่
เมื่อกลับถึงห้อง หลินหยุนก็ได้หยิบหมอนหยกรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาจากในแหวนเก็บของ
“ห่างจากงานวันเกิดของอีหลิงยังเหลืออีกสี่วัน คิดไม่ถึงกลับทำให้ฉันเจอหยกทิพย์ชั้นเลิศชิ้นนี้ ตอนนี้ก็มีของขวัญที่จะมอบให้อีหลิงแล้ว”
หลินหยุนแค่ขยับมือ หมอนหยกก็ลอยอยู่บนอากาศ
เห็นเขาขยับมือเพียงเบาๆ หมอนหยกก็ถูกตัดเป็นสี่ชิ้น ทุกชิ้น มีขนาดเท่าฝ่ามือทารก
เรื่องการทำเครื่องรางคุ้มกาย หลินหยุนมีความชำนาญนานแล้ว หลับตาทำยังไม่มีปัญหาเลย
ใช้เวลาครึ่งวันก็พอ!
สี่วันต่อมา งานวันเกิดอีหลิง
จากหลินโจวไปเมืองเซียงเฉิงของเจียงหนาน มีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ใช้เวลาในเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดังนั้น หลินหยุนจึงไม่ได้ไปก่อนเวลา
หลินหยุนได้จองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้า ไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงตรงตามเวลาเพื่อออกเดินทางไปเจียงหนาน
ขึ้นรถไฟแล้ว ที่นั่งของหลินหยุนอยู่ติดหน้าต่าง ที่นั่งด้านข้างเป็นที่นั่งว่างเปล่า หลินหยุนนั่งพิงหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ ในใจครุ่นคิดถึงงานวันเกิดในครั้งนี้ของอีหลิง
โชคชะตาของอีหลิง เพราะการตายของหานกั๋วเฉียง และการเข้ามาพัวพันของเขา ตอนนี้กับเมื่อชาติที่แล้วไม่เหมือนกันเลย ดังนั้น หลินหยุนไม่รู้เลยว่างานวันเกิดครั้งนี้ จะราบรื่นหรือเปล่า
หลินโจวเป็นสถานีเล็ก จึงจอดไปแค่สามนาที ไม่นาน รถไฟก็จะออกเดินทางแล้ว
ในเวลานี้ ในตู้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่มาช้า
ชายอายุประมาณยี่สิบต้นๆ สวมชุดสูท เป็นทางการมาก รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่ สายตาที่มองคนนั้นแฝงด้วยความดูถูก
หญิงสาวหน้าตาสวยมาก รูปร่างสูงโปร่ง ก็น่าจะสิบเจ็ดสิบแปดปี เหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยเลย ท่อนบนสวมเสื้อสเวตเตอร์ลูกไม้สีขาว ท่อนล่างสวมกระโปรงเจ้าหญิงสีดำ เรียวขาขาวสวมเลกกิ้งสีเนื้อ เต็มไปด้วยพลังที่มีชีวิตชีวาสาวน้อย
หญิงสาวถือตั๋วรถไฟเอาไว้ กำลังมองหาที่นั่ง
จากนั้น เธอก็ยืนอยู่ช่องว่างตรงหน้าของหลินหยุน
“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม นายนั่งตรงนี้!”
น้ำเสียงของหญิงสาวเพราะมาก แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยอง ราวกับว่ากำลังสั่งคนใช้ของเธอ
หลินหยุนลืมตาขึ้น มองหญิงสาวและชายหนุ่มที่อยู่ข้างทางเดินแวบหนึ่ง
เวลานี้ หญิงสาวมองเขาด้วยใบหน้าที่รังเกียจ
หลินหยุนมองสำรวจหญิงสาวไปแวบหนึ่ง จากนั้น ก็หลับตาลงอีกครั้ง
“ฉันกำลังพูดกับนายอยู่ ไอ้คนบ้านนอกไม่ได้ยินหรือไง!” หญิงสาวใช้นิ้วกดไปที่ไหล่ของหลินหยุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
หลินหยุนทำได้เพียงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองไปที่หญิงสาว
“เธอกำลังคุยกับฉันอยู่เหรอ?” หลินหยุนมองแล้วถามหญิงสาวด้วยแววตาที่เป็นประกาย
หญิงสาวกล่าวอย่างรำคาญ “นายถามไร้สาระไปป่ะ? ที่นั่งตรงนี้ก็มีนายแค่คนเดียว ฉันไม่พูดกับนายแล้วฉันพูดกับผีหรือไง!”