จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 32 หน้ามือเป็นหลังมือ
บทที่ 32 หน้ามือเป็นหลังมือ
เปาเสินทั่นและเซียนครึ่งซุนยืนขึ้น แล้วเริ่มชื่นชมหินก้อนนี้อีก
“สีนอกสุดของหินก้อนนี้ ก็เหมือนกับหินก้อนทั่วไป แล้วยังมีขนาดเล็กเท่านี้เอง ข้างในจะต้องเป็นหินชั้นยอดแน่นอน”
แต่ว่าหินกลสองก้อนก่อนหน้านี้ก็เปิดออกมาไม่ดีนัก ทุกคนต่างก็รู้สึกผิดหวัง ไม่อยากเชื่ออีกต่อไป
พอสองคนนี้ชื่นชมหินก้อนนี้จบ ทันใดนั้นจินหยวนเป่าก็ลุกขึ้นมา พร้อมพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “สิ่งที่พวกคุณพูดผมไม่เห็นด้วย อย่างที่เขาบอกว่าวัตถุเมื่อพัฒนาไปถึงที่สุดแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หินก้อนนี้สีภายนอกของมันดีมากแล้ว แต่ข้างในไม่แน่ว่าอาจจะไม่ดีเท่าข้างนอกก็ได้”
“หินก้อนนี้ฉันว่าไม่โอเค ราคาสิบล้านสูงกว่าราคาที่มีแสดงออกมาถึงสองเท่า ราคาในใจผม อย่างมากแค่แปดล้าน แต่ในเมื่อราคาต่ำสุดกำหนดอยู่ที่สิบล้าน ถ้าอย่างนั้นผมออกแค่สิบล้าน!”
จินหยวนเป่าพูดจบ ก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตนเอง พร้อมหยิบมือถือขึ้นมาเล่น เหมือนว่าไม่ได้สนใจหินก้อนนี้เลย
ขณะนั้น ในใจทุกคนก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
“ผมคิดว่าสิ่งที่คุณชายจินพูดไม่ผิด วัตถุเมื่อพัฒนาไปถึงที่สุดแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าในเมื่อหินก้อนนี้ก็รีบซื้อมาพร้อมกับหินสองก้อนก่อนหน้านี้ ผิวด้านนอกก็น่าจะเป็นส่วนที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าซื้อในราคาสูงเป็นไปได้มากที่จะขาดทุน”
“สิบล้าน ไม่ใช่ราคาน้อยๆ เลย” ยังมีบางคนที่ยังอยากสู้ แต่กลับโดนราคาประมูลดักคอไว้
เปาเสินทั่นและเซียนครึ่งซุนเริ่มสังเกตและประเมินผู้ร่วมงาน พบว่าไม่มีใครที่จะประกาศราคา ดูท่าคำพูดของจินหยวนเป่าน่าจะทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นมา
ความจริงแล้ว แม้แต่ตัวของเปาเสินทั่นและเซียนครึ่งซุนเอง ก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น เพราะหินสองก้อนก่อนห้านี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี
ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครกล้าประกาศราคา
หลี่เหยนถามขึ้นว่า “คุณชายเว่ย ตอนนี้เอาไงดี”
เว่ยเทียนหมิงขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าจินหยวนเป่าคิดอะไรอยู่ เพราะจากการโดนหลอกครั้งที่แล้ว เว่ยเทียนหมิงเองก็ไม่แน่ใจว่าจินหยวนเป่าออกราคาจริงๆ หรือหลอกให้ตัวเองและคนอื่นเพิ่มราคา
ที่สำคัญที่สุด หินก้อนนี้ก็อาจจะวัตถุเมื่อพัฒนาไปถึงที่สุดแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนที่จินหยวนเป่าบอก ข้างในอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
เมื่อเห็นว่า เว่ยเทียนหมิงไม่มีความคิดเห็นใดๆ หลี่เหยนก็มองไปที่จ้าวกาง “กางจื่อ นายคิดว่าไง”
จ้าวกางคิดสักพักก็ตอบว่า “ฉันคิดว่าจินหยวนเป่าพูดมีเหตุผล วัสดุหินที่รับซื้อมาพร้อมกัน สองก้อนก่อนหน้านี้ก็ขาดทุนไปแล้ว ก้อนนี้ก็ไม่น่าจะรอด”
หลี่เหยนก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับสิ่งที่จ้าวกางพูด แต่นี่เป็นโอกาสที่เขาจะพลิกกลับ เขาไม่อยากพลาดไป
เว่ยเทียนหมิงพูดขึ้นมาทันทีทันใดว่า “ล้มเลิกความคิดเถอะ ราคาต่ำสุดมันสูงเกินไป นอกจากว่าจะเปิดออกมาเป็นหยกจักรพรรดิ ไม่งั้นขาดทุนแน่นอน”
ถึงหลี่เหยนอยากจะสู้สักตั้ง แต่โอกาสมันน้อยเกินไป
“โอเค งั้นก็ให้พวกเขา” หลี่เหยนสีหน้าไม่ชื่นมื่นนัก
“คุณผู้ชายท่านนี้เสนอราคาอยู่ที่สิบล้าน มีคนจะเสนอราคาอีกไหมครับ” พิธีกรเรียกถาม
ราคาต่ำสุดที่สิบล้าน บวกกับสิ่งที่จินหยวนเป่าพูดเมื่อครู่ แล้วอีกอย่างต้องเพิ่มราคาหนึ่งล้านขึ้นไปนั้น เงื่อนไขนี้ต่างก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่คิดจะซื้ออีกแล้ว
“สิบล้านครั้งที่หนึ่ง สิบล้านครั้งที่สอง สิบล้านครั้งที่สาม ยินดีกับคุณผู้ชายท่านนี้ด้วยครับท่านได้หินก้อนที่สามนี้ไปครอบครอง ขออนุญาตถามว่าจะเปิดตอนนี้หรือว่าจะนำกลับไปเปิดเองครับ” พิธีกรถาม
จินหยวนเป่าหัวเราะ “แน่นอนว่าต้องเปิดตอนนี้สิ ไม่งั้นจะทำให้ทุกคนอิจฉาได้ยังไง!”
ประโยคนี้…หมายความว่าอย่างไรกัน
ทุกคนต่างก็มองไปที่จินหยวนเป่าที่ดีใจเป็นปลากระดี่ได้น้ำอยู่ตรงนั้น ต่างก็เริ่มนึกขึ้นมาได้
“เปิดเถอะ แต่ว่าต้องระวังหน่อยนะ” จินหยวนเป่ากำชับอย่างมีความลับอะไรสักอย่าง
ทันใดนั้นเว่ยเทียนหมิงก็ยืนขึ้น สีหน้ามืดมนพร้อมพูดว่า “แย่ละ เราโดนหลอกแล้ว!”
“หมายความว่ายังไง” หลี่เหยนกับจ้าวกางถามด้วยความงุนงง พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการประมูล จะโดนหลอกได้อย่างไร
เว่ยเทียนหมิงมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาเยือกเย็น สายตาส่อความอึมครึมออกมา “จินหยวนเป่าตั้งใจพูดแบบนั้นออกมา ความจริงคือเขาอยากซื้อหินก้อนนั้นในราคาต่ำ”
“อะไรนะ” หลี่เหยนและจ้าวกางเริ่มเข้าใจในทันที “นายจะบอกว่าจินหยวนเป่าตั้งใจวางแผนจะทำแบบนี้เหรอ ความจริงแล้วเขาจะเอาหินก้อนนี้ให้ได้!”
“ใช่ พวกเราโดนเขาหลอกแล้ว!” เว่ยเทียนหมิงกำหมัดแน่นแล้วชกไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
แต่จ้าวกางกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาถามด้วยความสงสัยว่า “คุณชายเว่ย น่าจะไม่ขนาดนั้นมั้ง ต่อให้จินหยวนเป่าอยากได้หินก้อนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแน่นนอว่าเขาจะต้องได้หยกระดับยอดเยี่ยม ถ้าเกิดไม่ใช่ เขาก็ต้องขาดทุนยับเหมือนกัน”
เว่ยเทียนหมิงขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์ว่าพวกเขาอาจจะโดนจินหยวนเป่าหลอกเข้าให้แล้ว
แต่คำพูดของจ้าวกางก็ถูกต้อง ต่อให้จินหยวนเป่าอยากได้หินก้อนนี้มาครอบครอง แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาจะได้กำไร นอกจากว่าเขาจะมีคนวิเศษณ์คอยชี้แนะ รับรองได้ว่ากินก้อนนี้จะขาดทุน
แต่คนของจินหยวนเป่าก็มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลินหยุน เป็นไปไม่ได้ที่หลินหยุนจะเป็นผู้วิเศษคนนั้น
เซี่ยหยู่เวยมองความกังวลของเว่ยเทียนหมิงออก จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ในเมื่อไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรแล้ว ตรงกันข้ามต่อให้เสียใจก็ไม่ทันการณ์แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักเปิดออกมา ก็จะรู้แล้วว่าได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
คิ้วที่ขมวดอยู่ของเว่ยเทียนหมิงเริ่มคลายออก เขามองเซี่ยหยู่เวยด้วยความขอบคุณ พร้อมตอบด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นกันว่า “ขอบคุณเซี่ยหยู่เวยที่เตือน”
“นายแค่อยู่ในเหตุการณ์เลยมองไม่ออก แต่ว่าฉันมองจากข้างนอกเลยเข้าใจ นายไม่ต้องขอบคุณฉัน ต่อให้ฉันไม่เตือน อีกสักพักนายก็จะรู้”
เซี่ยหยู่เวยพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“เขียว ออกเขียวแล้ว เพิ่ม เพิ่มแล้ว!”
ทันใดนั้น มีคนตะโกนด้วยความตกใจ
หลีเหยีนและหลายคนรีบมองไปดูบนเวที พบว่าจากการที่ขัดเรื่อย สีของมันก็เขียวมากขึ้น จากสีในตอนนี้ที่เห็น ราคาเลยสิบล้านไปแล้ว
“เฮ้ย เราโดนจินหยวนเป่าหลอกซะแล้ว!” หลีเหยีนโมโหจนเอามือทุบไปที่โต๊ะ จ้องมองไปที่จินหยวนเป่าที่กำลังดีอกดีใจอยู่
เว่ยเทียนหมิงพูดปลอบใจขึ้นว่า “ไม่ต้องรีบ ยังไม่ถึงตอนสุดท้าย ใครก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง นายลืมหินก้อนแรกของนายไปแล้วเหรอ มันราคาสูงแล้วก็ลดลง”
“ใช่ ไม่แน่เดี๋ยวก็พัง” หลีเหยีนกัดฟันแช่ง
จินหยวนเป่ามองไปที่พวกหลี่เหยนด้วยความลำพอง ใช้น้ำเสียงที่ดูกวนกว่าปกติ พูดว่า “เห็นไหม ถามหน่อย ยอมไม่ยอม”
“จินหยวนเป่า แกอย่าดีใจเร็วไป ผลยังไม่ออกมาเลย” หลีเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผล? มันก็เห็นกันชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ กำไร ได้กำไร” จินหยวนเป่ายกมือของข้างขึ้น เหมือนกับอันธพาลร้องเสียงดัง หลี่เหยนโมโหจนแทบจะอยากยกพวกหาเรื่องเลยทีเดียว
“พังแล้วๆ เหมือนกับสองก้อนแรกจริงๆ ด้วย พังแล้ว”
จ้าวกางที่จ้องมองไปที่คนขัดหินอย่างไม่ละสายตาร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พังแล้วเหรอ จริงเหรอ” หลี่เหยนหันขวับไปที่คนขัดหิน
จริงๆ ด้วย สีเขียวเริ่มเปลี่ยนจางลง เหมือนกับก้อนนั้นของเขาไม่มีผิด
“ฮ่าๆ จินหยวนเป่า รักสนุกจะทุกข์ถนัดใช่ไหมล่ะ พังแล้ว ฮ่าๆ …” หลี่เหยนหัวเราะอย่างหนัก เขารู้สึกว่าจินหยวนเป่าผิดหวัง เขารู้สึกดีใจยิ่งกว่าตัวเองได้กำไรเสียอีก
ที่สำคัญคือมันสะใจไง เขาสามารถที่จะใช้โอกาสนี้โจมตีจินหยวนเป่าที่ลำพองใจได้อย่างดี
“คุณชายเว่ย นายพูดถูก ไม่ถึงตอนสุดท้าย ใครก็ไม่รู้ผม” หลี่เหยนดีอกดีใจ อารมณ์เริ่มดีขึ้นมามาก
จินหยวรเป่างงงวย รีบมองไปที่หลินหยุน กระซิบถามเขาว่า “เป็นแบบนี้ได้ยังไง หรือว่าครั้งนี้นายดูผิดแล้วเหรอ”