จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 321 อีหลิงปรากฏตัว
หลินหยุนมองไปที่เซี่ยหยู่เวยอย่างเย็นชา ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“คุณไม่ใช่ว่าจะทนดูฉันเสียชีวิตไม่ได้ แต่คุณแค่รับไม่ได้หากเมื่อฉันจากคุณไปแล้ว ฉันสามารถที่จะหาผู้หญิงที่ดีมากกว่าคุณได้”
“ผู้หญิงแบบคุณนี้ ต่อให้ตัวเองจะไม่ต้องการ แต่ก็ไม่อนุญาตยินยอมให้ผู้อื่นดีไปกว่าตัวเองไม่ได้”
“ฉันเคยบอกเตือนคุณไว้หลายครั้งแล้วว่า อย่าใช้สายตาที่คับแคบอย่างมดของคุณมาพิจารณาตัวฉัน ฉันกับคุณมันไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกัน”
“ฉันไม่ต้องพึ่งพาวิชาการแพทย์ และไม่ต้องพึ่งพาใครทั้งนั้น แต่พึ่งพาความสามารถของตนเอง โดยที่เมื่อเผชิญอยู่กับความสามารถที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นอำนาจบารมี ทรัพย์สินเงินทอง ความสัมพันธ์ต่อบุคคล ต่างก็เป็นเพียงฟองสบู่ที่มีสีสันสวยงาม สัมผัสเบา ๆ ก็แตกละเอียดแล้ว”
“ครั้งก่อนฉันเคยพูดว่า ให้เกียรติเห็นแก่หน้าของน้าเฟิน ฉันจึงยอมที่จะอดทนและให้โอกาสคุณอีกสักครั้งสองครั้ง แต่ ไม่มีทางที่จะให้โอกาสอีกเป็นครั้งที่สามครั้งที่สี่อย่างแน่นอน”
“วันนี้หากว่าคุณกล้าโวยวายเสียงดังต่อหน้าฉันอีก ฉันก็จะทำให้คุณหุบปากเงียบไปตลอดชีวิต”
หลินหยุนมีสีหน้าที่เฉยเมย ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ เจตนาสังหารอันเย็นชาแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา
เซี่ยหยู่เวยสะเทือนใจอย่างรุนแรง ซึ่งก็เห็นชัดว่าหลินหยุนนั่งอยู่ที่ตรงนั้น แต่กลับเหมือนว่ากำลังมองมาที่เธออย่างประชดประชัน
และเธอก็ไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าหากเธอพูดออกมาอีกคำหนึ่ง หลินหยุนคงจะฆ่าเธอเป็นแน่
สำหรับเซี่ยหยู่เวยแล้วความรู้สึกอย่างนี้มันช่างไร้สาระสิ้นดี แต่ว่า ความรู้สึกไร้สาระเช่นนี้ กลับรู้สึกว่ามันเป็นความสัตย์จริง
เซี่ยหยู่เวยไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นได้เดินผ่านเทพแห่งความตาย ซึ่งพลังอานุภาพที่น่าเกรงกลัวของหลินหยุน ทำให้เธอเหงื่อไหลไปทั่วร่างกาย
เซี่ยหยู่เวยแอบหนีห่างออกมาจากข้างกายหลินหยุน กลับไปยังที่เจิ้งเทียนหมิงและพวกเพื่อนกี่คนนั้น จึงทำให้รู้สึกว่าผ่อนคลายความกดดันจากพลังอานุภาพมหาศาลนั้นลงได้บ้าง
“เป็นไปได้อย่างไร! ฉันกลับต้องมาเกรงกลัวไอ้คนที่ไร้ความสามารถอย่างเขานี้! ”
เซี่ยหยู่เวยเกิดความอับอายขึ้นในจิตใจ สายตาที่มองไปยังหลินหยุน เต็มไปด้วยความโกรธแค้นขึ้นในทันที: “หลินหยุน แม้แต่คุณอีนายก็ยังกล้าที่จะล่วงเกิน หากนายออกไปจากคฤหาสน์เฉี่ยนหลงเมื่อไหร่ ตระกูลเย่กับตระกูลป๋ายคงจะไม่มีทางปล่อยนายไปแน่! ฉันจะดูว่านายจะอวดเก่งไปได้ถึงเมื่อไหร่กัน? ”
การทะเลาะวิวาทกันในครั้งนี้ หลินหยุนจึงได้กลายเป็นตัวตลกของกลุ่มผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนานไปโดยปริยาย
“ไอ้หนุ่มผู้นี้ กล้าที่จะล่วงเกินตระกูลเย่และตระกูลป๋าย ถึงขนาดคุณอีก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา หากว่าวันนี้ไม่ใช่วันสำคัญที่คุณอีจะทำการเปิดตัวลูกสาวของตนให้ทุกคนรู้จักแล้ว เขาคงจะต้องตายเป็นแน่! ”
“ไอ้หนุ่มที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่ความชั่วที่ทำเอาไว้! ”
หลายคนมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เหมือนกับว่ามองไปยังคนตาย แต่ว่าหลินหยุนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับพวกนี้อยู่แล้ว นั่งคนเดียวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง หลับตาลงทำจิตใจสงบเหมือนกับว่าด้านข้างไม่มีใคร เพื่อรอการปรากฏตัวของอีหลิง
ผ่านไปชั่วครู่ พิธีกรหญิงในชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่งขึ้นสู่เวทีด้านหน้า ถือไมโครโฟนและพูดประกาศว่า งานฉลองวันเกิดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตามด้วยเสียงเพลงอันไพเราะดังขึ้น และทุกคนในที่ตรงนี้ก็ได้เงียบสงบลง
สายตาของทุกคน ต่างมองกันไปที่บันได
อีหลิงในชุดกระโปรงสีขาว โดยกระโปรงยาวลากคลุมปิดบันไดกว่าสามสี่เมตร ผมดำเข็มยาวประบ่า พร้อมกับสวมมงกุฎเจ้าหญิงที่ฝังเพชรส่องแสงระยิบระยับ
โคมไฟห้อยคริสตัลแสงสีทองส่องสว่างมายังเรือนร่างของอีหลิง เหมือนแสงสว่างรุ่งโรจน์ที่บริสุทธิ์ได้โอบล้อมร่างกายของเธอไว้ด้วยอีกหนึ่งชั้น
เธอเปรียบได้กับนางฟ้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่เดินออกมาจากภาพวาด งดงามอ่อนช้อย
การปรากฏตัวของอีหลิง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจที่งดงามและโดดเด่นเพียงผู้เดียวภายในห้องโถงนี้
“นั่นก็คือคุณอีหลิง! ”
“พระเจ้า ช่างสวยงดงามอะไรขนาดนี้! ”
คนเจียงหนานจำนวนมากไม่เคยได้พบเห็นอีหลิงมาก่อน แม้แต่ป๋ายรุ่ยเหวินก็ยังไม่เคยเห็น เดิมทีเขาให้ความสำคัญแค่สถานะทางสังคมของตระกูลอี จึงคิดไปถึงเรื่องการแต่งงาน
แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นอีหลิงแล้ว ป๋ายรุ่ยเหวินตะลึงงันในทันที ไม่ว่าจะภายในสมองหรือในแววตาของเขา ต่างก็มีเพียงเงาร่างของอีหลิงที่ราวกับนางฟ้าลงมาจุติ
“พี่ พี่สะใภ้สวยงดงามมากเลยจริง ๆ ! ข้าเองเกิดอิจฉาขึ้นแล้ว! ” ป๋ายรุ่ยซินที่อยู่ด้านข้างตื่นเต้นจนถึงกับจับไปที่ท่อนแขนของป๋ายรุ่ยเหวิน ทั้งสองต่างก็เป็นสาวสวยเหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งเธอที่เป็นคนถือตัวมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกละอายใจ
คุณชายโจวและพวกคุณชายลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนาน แต่ละคนมีสายตาร้อนผ่าว จ้องมองกันอย่างน่าทึ่ง
“นี่มัน ช่างสวยงดงามเสียจริงเชียว! ”
กู้ซิวหรั่นเก็บควบคุมสายตาที่ร้อนผ่าวนั้นเอาไว้ กำหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่น แล้วมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ในมุมของห้อง ด้วยจิตใจที่โกรธแค้นอย่างมาก: “หลินหยุน หากไม่ใช่เป็นเพราะนาย อีหลิงก็ต้องเป็นของข้าไปแล้ว! ”
“ทั้งหมดเป็นเพราะนาย ที่ทำให้ข้าต้องพลาดจากอีหลิงไป ทำให้ข้าต้องสูญเสียผู้หญิงที่สวยงดงามขนาดนี้! ”
“หลินหยุน ความแค้นนี้ ข้าจะต้องแก้แค้นกลับคืนอย่างแน่นอน! ”
เจิ้งเทียนหมิงกับเซี่ยหยู่เวยและคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงอาการตกตะลึงออกมาทีละคน
หวางเสี่ยวซีอุทานขึ้นว่า: “เดิมทีคิดไม่ถึงว่าอีหลิงจะสวยงดงามขนาดนี้! ”
แววตาของเซี่ยหยู่เวยแสดงอาการอิจฉาริษยาขึ้นแวบหนึ่ง เธอรู้ว่าอีหลิงสวย แต่ โดยทั่วไปอีหลิงมักจะแต่งหน้าเพียงเล็กน้อย ตอนนี้กลับปรากฏตัวออกมาพร้อมกับการแต่งหน้าแต่งกายที่งดงามสมบูรณ์แบบ จึงทำให้เกิดอาการตกตะลึงขึ้นในทันที
อีหลิงคล้องแขนของอีหยุ่น ค่อย ๆ เดินลงมาจากบันได
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องรวมกันอยู่ที่ร่างของเธอ ทำให้อีหลิงรู้สึกเขินอาย แต่ นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อลักษณะท่าทางที่โดดเด่นเป็นสง่าของเธอ กลับทั้งยังช่วยเพิ่มพูนกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ ทำให้ความสวยงามของเธอ ยิ่งดูเป็นธรรมชาติและมีตัวตนมากขึ้น
อีหลิงที่มีอีหยุ่นคอยติดตาม ค่อย ๆ เดินขึ้นไปบนเวที แล้วก็รับไมโครโฟนมาจากพิธีกร
ตัวเธอในขณะนี้ หลังจากที่ผ่านการระมัดระวังอย่างมากมาในช่วงแรกแล้ว จึงได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นที่เรียบร้อย
“ยินดีต้อนรับแขกอาวุโสผู้มีเกียรติทุกท่านที่ยอมเสียสละเวลา มาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ของฉัน ฉันขอแสดงความขอบคุณอย่างสูง มา ณ ที่นี้! ”
พูดจบ อีหลิงก็โค้งตัวคำนับ น้ำเสียงของเธอไพเราะอ่อนหวาน น่าฟังเป็นอย่างมาก
ด้านล่างเวที ก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้น
ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าลูกสาวนอกสมรสคนนี้ของคุณอี จะทำให้ตระกูลอีต้องอับอายเสียหน้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณอีได้สิ่งล้ำค่ามาครอบครองแล้ว
จากนั้น อีหลิงก็พูดกล่าวตามมารยาท แต่หลินหยุนไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะความสนใจของเขาอยู่ที่ตัวของอีหลิงทั้งหมด
หลินหยุนมองไปที่อีหลิง กิริยาการพูดจาและท่าทางของเธอนั้น ช่างใจกว้างและสุภาพเหมาะสม ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกลูกสาวของเศรษฐีเลย โดยตอนที่อีหลิงอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น ก็สุภาพและจิตใจดี แต่ภายนอกกลับดูเย็นชา ราวกับเป็นนางฟ้าภูเขาน้ำแข็ง
อีหลิงในตอนนี้ ลักษณะภายนอกที่เย็นชาเหมือนว่าจะถูกละลายลงด้วยความรักของอีหยุ่นผู้เป็นพ่อแล้ว ทำให้กลายเป็นคนอ่อนโยน และแน่นอนว่า จิตใจที่ดีงามนั้น ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามสถานะที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเธอ
ไม่นาน อีหลิงก็กล่าวจบ จากนั้น ก็ติดตามอีหยุ่นไปพบปะสังสรรค์กับแขกที่มาร่วมแสดงความยินดี
แขกหลายคนได้มอบของขวัญที่มีมูลค่าราคาให้ โดยภายนอกจะมองว่าเป็นการให้กับอีหลิง แต่ในความเป็นจริงนั้นคือการแสดงความจริงใจที่มีต่อตระกูลอี
อีหลิงพูดขอบคุณตามมารยาทไม่หยุดหย่อน แต่ว่า สายตาของเธอนั้นกำลังสอดส่องไปยังกลุ่มคน และเมื่อเห็นหลินหยุนที่นั่งอยู่ในมุมของห้อง ก็เกิดอาการตื่นเต้นดีใจขึ้นในทันที
จากนั้น สีหน้าท่าทางของอีหลิงก็แสดงอาการร้อนรน ทนไม่ไหวต้องการที่จะมาหาหลินหยุนให้เร็วที่สุด
ในกลุ่มพวกลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนาน ป๋ายรุ่ยซินกระซิบพูดกับป๋ายรุ่ยเหวินว่า: “พี่ พวกเราเข้าไปหาพี่สะใภ้กันเถอะ! เพื่อไปมอบของขวัญที่พี่ได้เตรียมเอาไว้ให้เธอ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กันล่ะ! ”
ป๋ายรุ่ยเหวินได้ยินคำว่าพี่สะใภ้แล้วก็เกิดความดีใจ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าปกติว่า: “คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้อาวุโส พวกเราเข้าไปมันจะดูไม่เหมาะสม รอต่อไปอีกสักครู่แล้วกัน อีหลิงจะต้องเข้ามาทักทายกับพวกเราตามลำพังเป็นแน่! ”
เป็นเช่นนั้นจริง ผ่านไปชั่วครู่ อีหลิงก็สบโอกาส และพูดขึ้นว่า: “คุณพ่อ ผู้อาวุโสทุกท่าน ฉันขอตัวไปทักทายกับพวกเพื่อนและเพื่อนนักเรียนของฉันตรงนั้นสักครู่”
อีหยุ่นยิ้มและพูดขึ้นด้วยท่าทางที่รักและเอ็นดู: “ไปเถอะ พวกวัยรุ่น ยังไงก็ควรที่จะพูดคุยกับพวกวัยรุ่นด้วยกันจะดีกว่า! เพื่อจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าพวกคนอาวุโสว่าน่าเบื่อ”
อีหลิงยิ้มขอโทษ: “ใช่ที่ไหนกันล่ะ! คุณพ่ออย่าพูดซี้ซั้วไป ผู้อาวุโสทุกท่าน ฉันขอตัวก่อน! ”