จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 330 ทายาทตระกูลอี
อีถาง ลูกบุญธรรมของเจ้าบ้านตระกูลอีคนเก่า ซึ่งก็คือพี่ชายของอีหยุ่น
แม้ว่าเป็นลูกบุญธรรม แต่อีถางคือผู้สืบทอดคนที่หนึ่งของตระกูลอี
แต่น่าเสียดายที่ ช่วงหลังอีถางได้สมคบคิดกับคนนอก ฆาตกรรมเจ้าบ้านตระกูลอีคนเก่า หลังจากเรื่องราวเปิดโปงขึ้น จึงถูกเจ้าบ้านตระกูลอีคนเก่าขับไล่ออกจากตระกูลอี
อีหยุ่นจึงได้รับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลอีแทน
นี่ก็คือเหตุผลที่อีหยุ่นทำไมถึงปล่อยให้อีหลิงสองแม่ลูกพเนจรอยู่ด้านนอกมาเป็นเวลาหลายปี
ก็เป็นเพราะอยู่ในช่วงการคัดเลือกเจ้าบ้านตระกูลอี เกรงว่าจะส่งผลกระทบ บวกกับถูกเจ้าบ้านตระกูลอีคนเก่าใช้วิธีการบีบบังคับชีวิตของอีหลิงสองแม่ลูก อีหยุ่นจึงยอมประนีประนอม และนำ อีหลิงสองแม่ลูกฝากให้หานกั๋วเฉียงดูแลแทน
“นายเป็นลูกของพี่ชายจริงเหรอ? ” อีหยุ่นสีหน้าท่าทางตื่นเต้น แม้ว่าในตอนนั้นอีถางจะทรยศตระกูลอี รวมถึงสมคบคิดวางแผนกับคนภายนอกเพื่อฆาตรกรรมเจ้าบ้านตระกูลอีคนเก่า แต่ ในใจของอีหยุ่นนั้น ยังคงนับถือว่าเขาเป็นพี่ชาย
“ดูเหมือนว่าพวกท่านจะไม่โง่เขลาเท่าไหร่ เป็นเพราะว่าข้าได้พูดหลุดปากออกไป จึงทำให้ทายออกถึงสถานะของข้า”
มนุษย์หน้ากากพูดอย่างช้า ๆ แล้วก็ถอดหน้ากากออก
“อะไรกัน! ”
หลังจากที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของมนุษย์หน้ากากแล้ว คนส่วนใหญ่ต่างก็อุทานกันขึ้น
นั่นคือใบหน้าที่มีลักษณะอย่างไรกัน!
บนใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล มีรอยแผลที่เกิดจากมีด ถูกเผาไหม้และถูกไฟลวก หน้าตาโหดเหี้ยม ลักษณะน่าสะพรึงกลัว
มีพวกผู้หญิงบางรายที่คลั่งผู้ชายหล่อเหลา ถึงขนาดทำเสียงคล้ายจะอาเจียนออกมา
แต่ว่าเค้าโครงใบหน้านั้นยังคงพอมองออกถึงรูปลักษณ์หน้าตาในอดีต
“ใช่นายจริง ๆ ด้วย อีเฉินเย่า! ” อีหยุ่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่มึนงง
“ในปีที่พี่ชายถูกขับไล่ออกจากตระกูลอี แต่เจ้าบ้านเก่าก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรพวกนาย แต่หลังจากนั้นกี่ปี พวกนายก็รวมตัวกันออกไปจากตระกูลอี จากนั้นก็เงียบหายสาบสูญ เป็นพี่ชายที่พาพวกนายออกไปใช่ไหม? ”
อีเฉินเย่าพยักหน้า: “ถูกต้อง เป็นพ่อของข้าที่มารับพวกเราไป”
อีหยุ่นในที่สุดก็เข้าในเรื่องราวในปีนั้นได้: “พี่ชายตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? พวกนายต่างเป็นอยู่กันดีใช่ไหม? ”
อีเฉินเย่าหัวเราเสียงแหบแห้งและพูดว่า: “ฮ่าฮ่าฮ่า……อีหยุ่น จนถึงตอนนี้แล้วนายยังแกล้งทำเป็นวางมาดดีอยู่อีก พ่อแม่ของข้าได้ตายไปสิบกว่าปีแล้ว ทุกคนต่างก็ตายกันหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ข้าคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่! ”
“นายก็คือฆาตกร นายจะมาแกล้งทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ ให้ใครดูกัน? ”
อีหยุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที: “อะไรนะ! พี่ชายตายแล้ว! ”
อีเฉินเย่าพูดอย่างหดหู่ว่า: “ใช่สิ ตายแล้ว ตายกันไปหมดแล้ว เกิดขึ้นในปีที่สามหลังจากมารับตัวพวกเราไปอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราทั้งครอบครัวกว่าหลายสิบคน ถูกกลุ่มคนโจรพเนจร ทำร้ายจนเสียชีวิตไปหมด”
“ผู้ชายถูกทุบตีอย่างรุนแรง ผู้หญิงถูก……น่าสงสารหญิงหญิงน้องสาวของข้า ในตอนนั้นเธอมีอายุเพียงแค่สิบหกปี ถูกโจรพเนจรห้าสิบกว่าคนรุมทำร้ายจนเสียชีวิต! ”
“ข้าแอบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง ข้าเห็นว่าน้องสาวถูกทำร้ายรังแก ข้าคิดที่จะพุ่งออกไป เพื่อไปฆ่าไอ้ สารเลวนั้น แต่ว่า หญิงหญิงนอนอยู่บนพื้นแล้วมองมาหาข้า เธอมองข้าอยู่อย่างนั้น โดยปล่อยให้ไอ้พวกสารเลวรุมทำร้ายรังแกเธอ ข้ารู้ว่าเธออยากตาย แต่ มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เธอกำลังบอกเตือนข้า ไม่ให้ข้าออกไป ให้ข้าคิดหาวิธีที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป! ”
อีเฉินเย่าคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา มือสองข้างจับไปที่ผมอย่างรุนแรง แล้วก็ดึงผมปลอมหลุดออกจากศีรษะ กลายเป็นคนหัวล้าน
บนศีรษะก็ถูกไฟลวกหลงเหลือบาดรอยแผลที่น่ากลัวเอาไว้
“ข้าอดทนเอาไว้ ไม่ได้ออกไป รอจนหลังจากที่ไอ้พวกสารเลวนั่นกลับออกไปแล้ว ข้าก็ยังคงไม่ออกไป หญิงหญิงได้นอนอยู่เบื้องหน้าของตัวข้าในระยะที่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งเมตร แม้เธอตายแล้วดวงตาก็ยังคงมองมาที่ตัวข้าอยู่”
“จากนั้นพวกเขาก็จุดไฟ เพื่อเผาไหม้บ้านของพวกเรา แต่ว่า ชีวิตของข้ายังไม่ถึงจุดจบ เพลิงไหม้ในครั้งนั้นไม่ได้เผาไหม้จนข้าเสียชีวิต! ”
ทุกคนในที่ตรงนี้แต่ละคนต่างก็อดกลั้นลมหายใจ หัวใจเต้นแรงขึ้น เบื้องหน้าเหมือนกับว่าปรากฏภาพเหตุการณ์พวกโจรพเนจรหลายสิบคนถือปืน แล้วฆ่าคนและจุดไฟเผาไหม้จนวอดวาย
ยังมีเด็กสาวแรกรุ่นอายุสิบหกปี ที่ประสบกับเคราะห์ร้ายที่น่าเวทนาไม่อาจจะทนดูได้
อีหยุ่นสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด กำหมัดสองข้างอย่างแน่น ทนไม่ไหวอยากที่จะจัดการไอ้คนเหล่านั้นให้ร่างกายแหลกละเอียดเป็นผุยผง
ทางด้านอีหลิง ร้องไห้ฟูมฟายตั้งแต่แรกแล้ว
อีเฉินเย่ามีเสียงดังขึ้นโดยพลัน ตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง: “สวรรค์มีตา โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย เพื่อให้ข้าได้แก้แค้น”
“ข้าใช้เวลาหนึ่งปี ในที่สุดก็ตามเจอโจรพเนจรเหล่านั้น และใช้วิธีการทารุณโหดร้ายฆ่าพวกเขาจนตายทั้งหมด รวมไปถึงญาติสนิทของพวกเขา เพื่อน โดยไม่เว้นแม้แต่สักคน แม้ว่าพวกเขาจะมาจากสถานที่ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ แต่ว่า ข้าได้ตามหาทีละคนทีละคน ข้าใช้เวลาหนึ่งปี ฆ่าทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพวกเขา”
“แม้แต่เด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมาข้าก็ยังไม่ละเว้น โดยข้าได้โยนเข้าไปท่ามกลางฝูงหมาป่า ฮ่าฮ่า……”
อีเฉินเย่ามีสีหน้าท่าทางตื่นเต้น ใบหน้าที่โหดเหี้ยมปรากฏรอยยิ้มที่ดูมีความสุข เหมือนกับว่าตนเองได้กระทำเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ทุกคนได้ฟังแล้วก็เกิดอาการตื่นตระหนกหวาดกลัว สองมือของอีเฉินเย่า ตกลงได้ฆ่าคนไปแล้วจำนวนเท่าไหร่?
เกรงว่าจะเป็นจำนวนมหาศาลนับไม่ถ้วน
แม้ว่าทุกคนต่างเคยได้ยินว่าต่างประเทศค่อนข้างที่จะอลหม่านวุ่นวาย แต่ คิดไม่ถึงว่าจะอลหม่านวุ่นวายได้มากถึงขนาดนี้
อีหยุ่นพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “ในเมื่อนายก็ได้แก้แค้นให้กับพี่ชายแล้ว แล้วทำไมจึงกลับมาที่นี่? พวกเราคือญาติของนาย ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นของนายสักหน่อย! ”
อีเฉินเย่าหัวเราะแหะแหะ: “ญาติ? อีหยุ่น นายอย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลย ถ้าหากไม่ใช่นาย พ่อของข้าจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลอีได้อย่างไร พวกเราก็คงไม่ต้องอพยพไปไกลอยู่ที่ประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก็คงไม่ต้องพบเจอกับกลุ่มโจรพเนจร พ่อแม่ของข้าก็คงจะไม่ตาย น้องสาวของข้าก็คงจะไม่ตายเช่นกัน! ”
“ข้าเองก็คงจะไม่กลายเป็นสภาพที่คนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผีแบบนี้! คือนาย ที่เป็นผู้เริ่มต้นเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ทั้งหมด! ”
“นายต่างหากที่เป็นตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว ข้าจะนำเอาความทุกข์ทรมานที่ได้รับทั้งหมดในตอนนั้น แก้แค้นกลับคืนที่ตัวของนายเป็นสองเท่า ข้าจะให้นายเจ็บปวดอย่างไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด! ”
อีหยุ่นเหมือนกับว่าตกใจไปชั่วขณะ เดินเซถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว มองไปที่อีเฉินเย่าอย่างเหลือเชื่อ: “บ้าไปแล้ว นายบ้าไปแล้ว! ”
อาฉินพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “เจ้าบ้าน ไม่ต้องไปพูดเหตุผลอะไรกับเขา เขาได้ถูกความแค้นครอบงำจิตใจแล้ว สภาพจิตใจของเขาบิดเบือนไปหมดแล้ว ซึ่งไม่สามารถที่จะใช้การวัดตัดสินเหมือนกับคนธรรมดาปกติได้”
อีเฉินเย่าหัวเราะแปลกประหลาดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง โดยเสียงหัวเราะได้ดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง เสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ทุกคนหวาดกลัวขนลุกขนพองกันเป็นอย่างมาก
“อีหยุ่น ตอนนี้ ข้าจะให้นายได้ลองรับรู้ด้วยตนเอง ถึงความรู้สึกที่เห็นคนในครอบครัวของนายได้ตายอย่างทรมานทีละคนทีละคนต่อหน้าของนายว่าเป็นอย่างไร! ”
อีเฉินเย่ายิ้มอย่างน่ากลัวน่าขยะแขยง จนคนในตระกูลอีตกใจหวาดกลัวกันไปหมด และถอยหลังหนีอย่างกระเซอะกระเซิง ตอนนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่า ศัตรูคู่แค้นนี้ไม่ใช่อีหยุ่นที่เป็นผู้ยั่วยุให้มา
อาฉินส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วมายืนบังอยู่ด้านหน้าอีหยุ่น: “คิดจะลงมือกับตระกูลอี ต้องผ่านข้าไปให้ได้ก่อน……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ อาฉินก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง หมัดของอีเฉินเย่าเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาบาดเจ็บอย่างมาก
“ฉินหมั่นชาง ในเมื่อนายคิดอยากจะตาย อย่างนั้นก็เริ่มต้นที่นายก่อนแล้วกัน! ” อีเฉินเย่ายิ้มอย่างกระหายเลือด แล้วก็ค่อย ๆ เดินทีละก้าวเข้าไปหาอาฉิน เหมือนกับหยอกล้อในลักษณะแมวจับหนูอย่างไรอย่างนั้น
ภายในที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลอี หรือพวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนานทั้งหมด ต่างก็ตกใจในตัวของอีเฉินเย่าจนถึงต้องถอยหลัง และมองไปที่เขาอย่างหวาดผวา
เดิมทีพื้นที่ว่างตรงใจกลาง เพียงครู่เดียวก็กว้างขึ้นเป็นเท่าตัว เหลือเพียงแค่อีหยุ่นกับอาฉิน และยังมีอีหลิงกับอีกไม่กี่คนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
การที่ทุกคนถอยหลัง ครู่เดียวก็ทำให้เงาร่างของอีหลิงปรากฏเด่นชัดขึ้น
แววตาของอีเฉินเย่ามีความตื่นตะลึงขึ้นแวบหนึ่ง หยุดการก้าวเดิน มองไปที่อีหลิงอย่างกำเริบ เสิบสานโดยยิ้มอย่างเจ้าเลห์และพูดขึ้นว่า: “เป็นหญิงสาวที่สวยงามมาก”
จากนั้น การก้าวเดินของอีเฉินเย่า ก็ได้เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน โดยมุ่งตรงไปที่อีหลิง
อีหยุ่นตื่นตระหนก จึงได้รีบเข้ามาบดบังอยู่เบื้องหน้าของอีหลิง ตะโกนเสียงดังว่า: “อีเฉินเย่า นายคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนนายไว้ก่อนว่า เธอคือน้องสาวลูกผู้น้องของนายนะ! ”
อีเฉินเย่าแสยะยิ้มเล็กน้อย: “โอ้ ถ้าพูดอย่างนี้ เธอก็คือลูกสาวของนายล่ะสิ! แต่ว่า ก่อนหน้านี้ทำไมข้าถึงไม่ทราบว่านายยังมีลูกสาวที่สวยงามขนาดนี้อยู่ด้วยล่ะ? โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว นี่ก็คงจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของนายที่อาศัยอยู่ด้านนอกล่ะสิ! ”
“นี่สวรรค์กำลังช่วยเหลือข้าอยู่จริง ๆ! ตอนนี้ ข้าจะให้นายได้ลองรับรู้ว่า ความรู้สึกที่เห็นญาติของตนเองถูกทำร้ายรังแกอยู่เบื้องหน้าจนถึงตายมันเป็นอย่างไรกัน! ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….