จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 338 ปรมาจารย์ถูกสังหารโดยไม่ทันสังเกต
แล้วมีความสงสัยตามมาว่า ในร่างกายของผู้หญิงคนนี้มีเครื่องรางได้อย่างไร?
เข้าใจแล้ว ต้องเป็นไอ้หนุ่มคนนั้นที่มอบให้แน่นอน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทนเห็นหญิงสาวถูกคนอื่นทำให้เสียโฉมได้ และไม่แยแส
คงเป็นเพราะมีที่พึ่งพาเลยไม่กังวลมั้ง!
“ฮึ่ม ฉันไม่เชื่อ แค่จี้หยกเล็กๆอันหนึ่ง จะสามารถขวางฉันได้?”
ทันใดนั้นอีเฉินเย่าก้าวถอยหลังทันที แล้วต่อยลงไปที่อีหลิงอย่างแรง
ลมหมัดอันทรงพลัง ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆอีหลิง ตกใจจนกรีดร้องเสียงดัง วิ่งหนีกันโกลาหล
อ๊ะ!” อีหลิงคาดไม่ถึงว่าอีเฉินเย่าจะโจมตีกะทันหัน กรีดร้องด้วยความตกใจ ใช้มือปิดตาไว้
“อีหลิง!” อีหยุ่นตะโกน สีหน้ากังวลใจ
ทุกคนตกใจจนหัวใจเต้นกระตุก เมื่อกี้อีเฉินเย่าเพิ่งใช้นิ้วกีดที่ใบหน้าอีหลิงเบาๆ แน่นอนคงจะไม่ใช้แรงมาก
เพียงแต่ว่า ตอนนี้หมัดนี้ของอีเฉินเย่า เป็นการโจมตีแบบเต็มรูปแบบอย่างชัดเจน เครื่องรางที่ปกป้องอีหลิง ยังสามารถสำแดงฤทธิ์อัศจรรย์ออกมาได้ไหม?”
บูม!
มีเสียงดังกระหึ่ม แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยาวนานกว่าเมื่อสักครู่สองเท่า
แขนทั้งสองข้างของอีเฉินเย่าสะเทือนจนชา และอีหลิงยังคงไม่ได้รับอันตรายใดๆ ยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง
“นี่มัน……เหลือเชื่อจริงๆ!”
ทุกคนประหลาดใจ
ยิ่งกว่านั้น ในที่สุดทุกคนก็มองเห็นได้ชัดเจน แสงสีเขียวนั้นมาจากหน้าอกของอีหลิง
“มันคือจี้หยกที่หลินหยุนมอบให้อีหลิง!”
“โอ้ พระเจ้า! จี้หยกนั่นสามารถป้องกันการโจมตีของปรมาจารย์บู๊ได้จริงๆ!”
“ไม่น่าแปลกใจที่หลินหยุนพูดว่าจี้หยกของเขานั้นสิ่งของในโลกมนุษย์ไม่สามารถเทียบได้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
“ลุงฉินพูดว่าจี้หยกที่หลินหยุนมอบให้อีหลิงเป็นของล้ำค่าที่สุด เมื่อกี้ฉันไม่เชื่อ ตอนนี้ฉันยอมเชื่อแล้ว!”
“ถ้าใครเป็นเจ้าของจี้หยกนี้ ยังดีกว่าสวมเสื้อเกราะ ในอนาคตหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังสามารถช่วยชีวิตได้ ถ้าเอาจี้หยกมาเทียบกับแสงแห่งความหวัง แสงแห่งความหวังก็เป็นแค่ขยะ!”
กลุ่มเศรษฐีหนุ่มจากเจียงหนานพูดซุบซิบกัน มองจี้หยกบนหน้าอกของอีหลิง ด้วยความอิจฉา
สีหน้าป๋ายรุ่ยเหวินดูน่าเกลียดมาก เขาใช้เงินไปเยอะมากเพื่อซื้อแสงแห่งความหวังนี้มา ตอนนี้กลับมีคนพูดว่ามันเหมือนขยะ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะโกรธ เขาก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เขาเป็นนักบู๊ และเข้าใจคุณค่าของจี้หยกนั้นมากกว่าคนทั่วไป
จากพลังที่จี้หยกนั้นปรากฏออกมา ป๋ายรุ่ยเหวินสรุปได้ว่า จี้หยกนั้นสามารถป้องกันการโจมตีจากปรมาจารย์ระดับเล็กขั้นสูงสุด
กล่าวคือ นักบู๊ที่มีระดับต่ำกว่าปรมาจารย์ระดับเล็กนั้น ไม่สามารถทำร้ายอีหลิงได้เลย
เดิมทีเซี่ยหยู่เวยมีใบหน้าที่สวยงามและไม่มีใครเทียบได้ ตอนนี้หน้าดำคร่ำเครียดสุดๆ
เมื่อมองจี้หยกบนหน้าอกของอีหลิง มีความอิจฉาริษยา
ผู้หญิงมักจะเป็นเพศที่เสียเปรียบ ดังนั้นสำหรับผู้หญิงทุกคนเครื่องรางชนิดนี้ที่สามารถปกป้องตัวเอง จึงเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ใฝ่ฝัน
เซี่ยหยู่เวยก็ใฝ่ฝันที่จะครอบครองสมบัติล่ำค่าชนิดนี้ โดยเฉพาะสมบัติชนิดนี้อยู่ในมือของหลินหยุน
หลินหยุน เป็นสามีในนามของเธอ ในแง่ของความสัมพันธ์ เธอกับหลินหยุน สนิทสนมกันมากกว่าอีหลิงอย่างแน่นอน
แต่ว่า ทั้งสองดำเนินชีวิตด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว และหลินหยุนไม่เคยมอบสิ่งของดีๆให้เธอเลย แต่กลับมอบให้อีหลิงแทน
มันทำให้ผู้หญิงที่หยิ่งยโสอย่างเซี่ยหยู่เวยจะทนได้อย่างไร?
หวางเสี่ยวซีในเวลานี้ บังเอิญจับมือของเซี่ยหยู่เวยด้วยความตื่นเต้น และตะโกนว่า “หยู่เว่ย เธอเห็นไหม จี้หยกที่หลินหยุนมอบให้อีหลิงนั้น มันทรงพลังเช่นนี้!”
ก่อนหน้านี้พวกเราทุกคนเข้าใจเขาผิดไป!”
“ใช่สิ เธอเป็นภรรยาของหลินหยุน เขาต้องมอบให้เธอด้วยใช่ไหม? รีบเอาออกไปให้พวกเราดูหน่อย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยยิ่งแย่ขึ้น
อีหยุ่นก็ตกตะลึงเช่นกัน “ไม่คาดคิดว่าแต่ก่อนฉันโจมตีเขามากขนาดนั้น แต่เขากลับมอบสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ให้กับอีหลิง ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มคนนี้จริงใจกับอีหลิงจริงๆ!”
“ในยามยากลำบากเห็นความจริงใจ! แต่ก่อนฉันเข้าใจเขาผิดไป!”
อีเฉินเย่าตกใจจนนิ้วชา พลังในร่างกายที่สู้สุดชีวิตของเขาถูกกระตุ้นออกมาอีกครั้ง
“ฉันไม่เชื่อเวทมนตร์นี้ จี้หยกไร้ค่าเช่นนี้ ฉันจะทุบให้มันแหลกไม่ได้!”
ทันทีหลังจากนั้น การโจมตีของอีเฉินเย่าราวกับฝนพายุหนัก เทลงมาที่ร่างกายอีหลิง
เป็นผลให้เขายิ่งใช้พลังมากเท่าไหร่ พลังที่กระแทกกลับมาที่ตัวเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หลังจากชกไปหลายสิบครั้ง อีหลิงก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่เขากลับอาเจียนเป็นเลือด
ในตอนแรกอีหลิงมองอีเฉินเย่าที่บ้าคลั่ง ก็ยังกลัวอยู่เล็กน้อย หลังจากผ่านไปสักครู่ เห็นว่าอีเฉินเย่าไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้เลย อีหลิงยิ้มและมองไปที่อีเฉินเย่าที่มีท่าทางจองหอง
“ทำลายมัน!” อีเฉินเย่าค่อยๆสูดลมหายใจเข้า ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา ร่างกายเขาก็พุ่งไปที่อีหลิงอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าคราวนี้อีเฉินเย่าไม่ได้โจมตี แต่พุ่งไปที่หน้าต่างกระจกด้านข้างห้องโถง
อีหยุ่น แกรอดูต่อไป ไอ้หนุ่มคนนี้สามารถปกป้องแกได้ชั่วขณะ แต่ไม่สามารถปกป้องแกไปตลอดชีวิต! วันหนึ่ง ฉันจะกลับมา และทำลายล้างตระกูลอีของแก!”
ในชั่วพริบตาอีหยุ่นเห็นอีเฉินเย่าวิ่งออกไปที่ขอบหน้าต่าง มองด้วยความโกรธ “ไม่ได้ เขาจะหนีแล้ว!”
“หลินหยุน อย่าปล่อยให้เขาหนีไป ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ!”
รอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลินหยุน และพูดเบาๆว่า “ฉันได้ปล่อยนายไปหรือเปล่า?”
พูดจบ ทันใดนั้นก็โยนตะเกียบในมือ
อีเฉินเย่าซึ่งกำลังจะกระโดดออกไปทางหน้าต่างก็หยุดกะทันหัน ราวกับซอมบี้ ค่อยๆหันร่างกลับมาช้าๆ ไม่อยากเชื่อและมองไปที่ตำแหน่งหน้าอกของเขา ตรงนั้น ซึ่งมีรูเล็กๆและมีเลือดไหลออกมา
“โดยไม่คาดคิดคนอย่างอีเฉินเย่าฝึกฝนอย่างหนักมาสิบกว่าปี และเกือบเสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ตายด้วยน้ำมือของชายวัยหนุ่ม!”
“ฉันไม่เต็มใจ!”
“ไอ้หนุ่ม นายคอยดูต่อไป อาจารย์ของฉันจะไม่ปล่อยนายแน่ๆ……”
หลังจากพูดจบเขาก็ล้มลงทันที
“ตะเกียบ……ฆ่าคน!”
ในห้องโถง เงียบสงัด มีเพียงการพยายามระงับเสียงลมหายใจ
ผ่านไปนาน ก็ค่อยๆตั้งสติขึ้นมาได้
สายตาของทุกคน มองไปที่หลินหยุนที่นั่งเงียบๆบนเก้าอี้ ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง
ฉากต่อหน้า ทุกคนไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ
ความแข็งแกร่งของอีเฉินเย่า เมื่อกี้ทุกคนก็ได้เห็นมาแล้ว
เพียงแต่ว่า หลินหยุนใช้ตะเกียบอันเดียว เพื่อฆ่าอีเฉินเย่าที่ดุร้ายและทรงพลัง
ทั้งหมดนี้ ได้ลบล้างความรู้ความเข้าใจเดิมๆของมนุษย์ที่มีต่อโลกนี้
ถ้าไม่ใช่เห็นด้วยตาของตัวเอง แม้คนอื่นจะพูดขนาดไหน พวกเขาคงไม่เชื่อว่าตะเกียบอันเดียวจะสามารถฆ่าคนได้ และคนที่โดนฆ่าคือปรมาจารย์บู๊ที่ทรงพลังมาก
แน่นอนตะเกียบไม่สามารถฆ่าคนได้ นับประสาอะไรกับอีเฉินเย่าเป็นถึงปรมาจารย์บู๊
แต่ว่า ที่สำคัญคือคนที่ใช้ตะเกียบ
คุณปู่เจ็ดเห็นชัดเจน ตะเกียบที่หลินหยุนขว้างออกไปนั้น ถูกห่อหุ้มด้วยพลังทิพย์ที่ทรงพลัง และเจาะทะลุหัวใจของอีเฉินเย่าโดยตรง
สามารถปลดปล่อยพลังทิพย์ได้นั้น มีเพียงนักบู๊ที่เข้าสู่ขั้นสูงสุดเท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งก็หมายความว่าชายหนุ่มที่มีอายุยี่สิบกว่าปีที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดอย่างแท้จริง!
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่มีอายุยี่สิบกว่าปี……
บ้าไปแล้ว โลกใบนี้มันบ้าไปแล้ว!
คุณปู่เจ็ดไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอนาคตของหลินหยุนจะมีพลังที่ไร้ขอบเขตเพียงใด
ไม่แน่ แม้แต่(แดนในตำนาน) บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้
บางทีคนธรรมดาอาจไม่เข้าใจความหมายของปรมาจารย์ แต่ผู้คนที่อยู่ในโลกบู๊ เข้าใจชัดเจนมาก
โดยที่ตระกูลอีเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่สุดในเจียงหนาน มีปรมาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องการ ตระกูลแบบนี้สามารถก่อตั้งได้อย่างรวดเร็ว
ตระกูลอีเพียงเพราะมีคุณปู่เจ็ด ถึงสามารถเหนือกว่าตระกูลป๋าย และกลายเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่สุดในเจียงหนาน
ลุงฉินตกใจ และพึมพำกับตัวเอง “ปรมาจารย์อายุยี่สิบกว่าปี ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ถึงตายฉันคงไม่เชื่อ แม้แต่เทพแห่งสงครามเจียงร่อโจ๋ในเมืองหลวง ก็ด้อยกว่าเขามาก
“อนาคตของคนนี้ ไร้ขีดจำกัด!”