จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 339 ในที่สุดเซี่ยหยู่เวยก็เสียใจ
อีหยุ่นมองหลินหยุนอย่างเงียบๆ ในสมองว่างเปล่า
ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของลุงฉินและคุณปู่เจ็ด เขาถึงตั้งสติได้
เขามองไปที่หลินหยุนอย่างเงียบๆสักพักหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ประหลาดใจชั่วครู่ ใบหน้าที่เข้มขรึม เต็มไปด้วยความอายและเสียใจ
เมื่อหวนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ได้ตักเตือนหลินหยุนไปหลายครั้ง ใบหน้าอีหยุ่นรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ละอายใจมาก จนอยากจะหาที่มุดหัวเข้าไป
“ตอนแรกฉันคิดเสมอว่าเขาหยิ่งผยองเกินไป ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา อายุยังน้อย ไม่รู้จักถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย มีท่าทีอวดดีอยู่เสมอ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตอนนี้คิดดูแล้วมันเป็นเรื่องน่าขัน ที่แท้ฉันก็เหมือนกบในกะลา เขาไม่ใช่เย่อหยิ่ง แต่มีความสามารถจริงถึงพูดสิ่งเหล่านั้น”
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาพูดว่าตระกูลป๋ายและตระกูลเย่รวมกันนั้นไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง และแม้แต่ตระกูลอีของฉันก็สามารถทำลายอย่างง่ายดาย ตอนแรกฉันคิดว่าเขาขี้โม้ เย่อหยิ่งจองหองจนเกินไปแล้ว ตอนนี้มาคิดดีๆมันช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ! ตระกูลอีตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต กลับกลายเป็นเขาที่คอยกู้สถานการณ์วิกฤตนี้ หากฉันมีความสามารถที่แข็งแกร่งเช่นนี้ นับประสาอะไรกับตระกูลป๋ายกับตระกูลเย่ และตระกูลอีด้วย ก็คงไม่คู่ควรให้พูดถึงและไร้ประโยชน์?”
“แม้จะมีอำนาจล้นเหลือ ร่ำรวยเท่าประเทศชาติ ต่อหน้าฉันชกแค่หมัดเดียวก็พ่ายแพ้ ! เมื่อเทียบกับพลังอันยิ่งใหญ่ที่ควบคุมชีวิตและความตายได้อย่างแท้จริง เงินและอำนาจของโลกมนุษย์นั้นไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง! เมื่อมีคนที่มีพลังในการควบคุมพลังชีวิตและความตาย อยากได้เงินและอำนาจมันก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ?”
บรรดาเศรษฐีหนุ่มจากเจียงหนาน หลังจากหายจากอาการตกใจ แต่ละคนก็เริ่มกระวนกระวายใจ
เมื่อกี้พวกเขารังแกหลินหยุนขนาดนั้น! ช่างใจกล้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น! พวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได้ แสดงว่าสวรรค์ช่วยไว้จริงๆ!
แต่ว่า สักครู่หลินหยุนจะมาคิดบัญชีกับพวกเขาหรือเปล่า!
กลุ่มเศรษฐีหนุ่มเหล่านั้นก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าปล่อยลมหายใจออกมา บางคนก็สั่นไปทั้งตัว
หวางเสี่ยวซีตั้งสติได้ พึ่งมารู้ตัวและเข้าใจแล้วตะโกน “ดีมาก หลินหยุน แข็งเก่งกาจจริงๆ เขาเอาชนะคนเลวคนนั้น และอีหลิงก็รอดแล้ว!”
เว่ยเทียนหมิงกับหลี่เหยนและคนอื่นๆ มองไปที่หลินหยุนด้วยความตกใจพร้อมกับคำถามมากมายในใจ
“หลินหยุน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แข็งแกร่งขนาดนี้?” หลี่เหยนถามด้วยท่าทางกลัว
นึกถึงสิ่งที่พวกเขาเป็นศัตรูกับหลินหยุนมาตลอด ก็เหมือนหาที่ตาย พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ สมควรขอบคุณสวรรค์จริงๆ
“เมื่อก่อนพวกเรารู้สึกว่าหลินหยุนหยิ่งผยอง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ทุกครั้งที่เห็นเขา ก็อยากจะเยาะเย้ยเขา เพื่อระบายอารมณ์ แต่เขามีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น กลับไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนนี้ฉันพึ่งเข้าใจ ที่แท้เขาไม่ใช่หยิ่งผยอง เพียงแต่เพิกเฉยต่อพวกเรา เขาปฏิบัติต่อเราเหมือนมด และไม่ใส่ใจพวกเราเลย”
เว่ยเทียนหมิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลี่เหยนกับจ้าวกางมองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและนับถือ
เซี่ยหยู่เวยมองหลินหยุน ดวงตาที่สวยงาม สีหน้าของเธอนั้นซับซ้อนมาก มีทั้งความสงสัยความละอาย เสียใจและไม่เต็มใจ
อย่างมากที่สุด ก็คืออารมณ์ที่เรียกว่าหดหู่
ในใจเธอ รู้สึกเสมอว่าหลินหยุนเหมือนเศษสวะ เป็นแมงดา มีความคิดว่าลงมือก่อนได้เปรียบกว่า สิ่งเหล่านี้ได้ครอบงำความรู้สึกที่เซี่ยหยู่เวยมีต่อหลินหยุน
แม้ว่าหลินหยุนจะประสบความสำเร็จในด้านทักษะทางการแพทย์จนทำให้ทุกคนตกใจ แต่เซี่ยหยู่เวยก็ยังไม่ยอมรับเขา
ตอนนี้ เซี่ยหยู่เวยไม่ยอมรับไม่ได้แล้ว ความแข็งแกร่งของหลินหยุนนั้นเหนือจินตนาการของเธอไปแล้ว!
ไม่น่าแปลกใจที่ตอนนั้นฉันแนะนำให้เขาไม่ต้องไปทำงานในบาร์ แต่เขาบอกว่าทั้งชีวิตของเขาไม่ว่าจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟัง บางทีเขาอาจจะไม่ได้ทำงานเลย แต่กำลังหาประสบการณ์ในชีวิต”
ในตอนนั้นฉันเกลี้ยกล่อมให้เขาเลิกจีบอีหลิง และถึงกับนำเรื่องภูมิหลังตระกูลอีหลิงที่ยิ่งใหญ่มาตักเตือนเขา แต่เขาก็ยังไม่ใส่ใจ ยังบอกด้วยว่าฉันเป็นกบในกะลา ยังบอกว่าวิสัยทัศน์ของฉันถูกจำกัดไว้ แต่เขามีสายตากว้างไกล พวกเราสองคนไม่ใช่คนในโลกเดียวกันเลย!”
“ใช่สิ ถ้าฉันสามารถมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทุกสิ่งในโลกมนุษย์นี้ มันคงไม่อยู่ในสายตาฉัน สิ่งที่ฉันจะแสวงหาคือ จักรวาลดวงดาว และความลึกลับขั้นสูงสุดของชีวิต!”
“เรื่องที่น่าขันคือ ตอนแรกฉันเหยียดหยามเขาตลอด หัวเราะเยาะเขาขี้โม้โดยไม่รู้สึกละอายใจ หัวเราะเยาะเขาไม่รู้จักดูน้ำหน้าตัวเอง โดยบอกว่าเขาเก่งแต่ขี้โม้ ปรากฏว่าฉันเป็นคนที่น่าขันที่สุด ทรัพย์ และอำนาจเหล่านั้น ถ้าเทียบกับอานุภาพพลังที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายนั้น นั่นเป็นเพียงขยะ”
“เขาเคยพูดเสมอว่า การพึ่งพาที่สูงสุดของเขาคือตัวเขาเอง ที่แท้ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นที่พึ่งพาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา!เรื่องที่น่าขันก็คือ จนถึงวันนี้ฉันถึงเข้าใจ!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นเจี่ยงสงกับเส้เทียนหัวและแม้แต่ควีนจิน ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ และคงยอมจำนนต่อความแข็งแกร่งของเขานี่เอง!”
“ฐานะตัวตนของรองนายก เมื่อเทียบกับเขา ไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย!”
เซี่ยหยู่เวยเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และเป็นผู้หญิงที่ชื่นชมในอำนาจเป็นอย่างมาก
เมื่อวิสัยทัศน์ของเธอถูกจำกัดให้อยู่แต่ในโลกมนุษย์ สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงอำนาจมหาศาลและความมั่งคั่ง เพราะมีพวกมัน ก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้
เพียงแต่ว่า เมื่อเธอเห็นพลังความแข็งแกร่งของผู้ฝึกบู๊ ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าสู่ประตูโลกใหม่ และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าพลังที่แท้จริงของโลกนี้คืออะไร
ความมั่งคั่งและอำนาจของโลกมนุษย์ แม้ว่าเธอจะมีไว้ครอบครอง แต่ท้ายที่สุด มันก็เป็นอย่างที่หลินหยุนพูด ในเวลาเพียงร้อยปี ใบหน้าที่สวยงามสุดท้ายก็เหี่ยวเฉา ในที่สุดร่างกายก็จะถูกเผาเป็นขี้เถ้าฝั่งลงสู่พื้นดิน
มีเพียงพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายของผู้อื่นเท่านั้น ที่จะปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ และควบคุมชะตากรรมของตนเองได้อย่างแท้จริง
มิฉะนั้น ต่อหน้าพลังที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะมีทรัพย์สมบัติมากเพียงใด และควบคุมอำนาจได้มากเพียงใด ก็จะเป็นเหมือนมด
สามารถพูดได้ว่าแม้แต่ในความฝันเซี่ยหยู่เวยก็ใฝ่ฝันอยากมีพลังดังกล่าว แต่ว่า โอกาสแบบนี้อยู่เคียงข้างเธอมาสิบกว่าปีแล้ว แทนที่จะคว้ามันไว้ เธอกลับทำลายล้างมันเอง
เซี่ยหยู่เวยยิ้มอย่างขมขื่น เป็นครั้งแรกในชีวิต เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำต่อหลินหยุน
“หากตอนแรกฉันปฏิบัติต่อเขาดีเล็กน้อย หรือแค่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติ หรือถ้าวันนั้นฉันไม่ประกาศการหย่ากับเขาในที่สาธารณะ ทั้งหมดนี้อาจจะมีสิทธิ์หวนคืนกลับมาได้ และจะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เหมือนคนแปลกหน้า และยังเหมือนเป็นศัตรูต่อกัน
“ถ้าตั้งแต่แรกฉันสามารถมัดใจเขาไว้ บางทีในตอนนี้ฉันอาจจะแข็งแกร่งเหมือนเขา แค่หมัดเดียวก็ทำลายชีวิตคนได้ แค่โกรธก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัว!
“แม่คะ หนูผิดแล้ว หนูเสียใจ!”
เซี่ยหยู่เวยร้องไห้ในใจ ความสำนึกผิด เสียใจ และไม่เต็มใจ ก้องอยู่ในให้หัวใจของเธอ ทำให้เดิมทีหน้าตาสะสวยของเธอ มีใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เป็นอย่างที่หลินหยุนพูด ทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าตัดสินใจเลือกแล้ว ก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเลือก
ตั้งแต่ตอนที่หลินหยุนเกิดใหม่ เซี่ยหยู่เวยก็ถูกลิขิตให้ต้องชดใช้กับสิ่งที่เธอเลือก ทางเลือกนี้ เป็นทางเลือกที่เซี่ยหยู่เวยเลือกเอง ไม่สามารถตำหนิผู้อื่นได้
เมื่อมองไปที่อีหลิงที่มองหลินหยุนด้วยความชื่นชม เซี่ยหยู่เวยก็รู้สึกอิจฉาเธอมาก
แต่ก่อนเธอเคยพูดว่าอีหลิงโง่ และถูกหลินหยุนหลอก ตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจว่า ตัวเธอเป็นคนโง่ที่สุด อีหลิงคือผู้ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลที่สุด
เย่เทียนเหาพึ่งตั้งสติได้ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความตกใจ และจับแขนของเย่จี้ซื่อด้วยท่าทางตกใจ “คุณพ่อ พ่อต้องหาวิธีช่วยผม! ผมทำให้หลินหยุนขุ่นเคือง และสักพักเขาคงจะฆ่าฉันแน่ๆ!”
“คุณพ่อ ท่านต้องช่วยผม!”
เย่จี้ซื่อสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่คาดคิดว่าหลินหยุนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เย่เทียนเหาไปล่วงเกินเขา
น่าเสียดายที่ตอนนี้พูดอะไรมันก็สายเกินไป และหวังว่าจะมีวิธีแก้
ขณะนี้หลินหยุนค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปหาอีหลิง
มองไปที่ศพของอีเฉินเย่า หลินหยุนพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ฉันเคยพูดไว้แล้ว ถ้านายสามารถบังคับให้ฉันลุกจากที่นั่งได้ ก็แสดงว่านายชนะ น่าเสียดาย ที่นายไม่มีความสามารถนั้น!”