จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 34 หยกสีแดง
บทที่ 34 หยกสีแดง
หวางเสี่ยวซีมองไปที่หลี่เหยนด้วยความกังวล แล้วพูดขึ้นว่า “หลี่เหยน ไม่ต้องพนันกับเขาแล้วดีไหม”
จ้าวกางเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “หวางเสี่ยวซีพูดถูก ตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันนะ”
หลี่เหยนตาเริ่มแดง เขามองไปที่แผ่นหลังของหลินหยุน สีหน้าลังเล “ไม่ ฉันไม่เชื่อว่ามันจะเก่งขนาดนั้น ยังไงฉันก็จะพนันกับเขาให้ได้”
หลี่เหยนก้าวไปที่เวที พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เปิดได้เลย”
คนตัดมีเพียงคนเดียว หลินหยุนมาก่อน รอคิวอยู่ข้างหน้า
คนตัดหินที่อายุราวห้าสิบมองหินที่หลินหยุนเลือก สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เขาเปิดหินมานานหลายปี ค่อนข้างเข้าใจเรื่องนี้ หินที่หลินหยุนเลือก เป็นเพียงหินธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย
เพราะฉะนั้นในตอนที่คนตัดหินทำการตัดลงไปนั้น ใช้มีดตัดลงไปเลย แต่ไม่ใช่การขัดอย่างระมัดระวัง
คนที่ไม่ค่อยพูดอย่างหลินหยุน กลับพูดขึ้นมาทันทีว่า “ห้ามตัด ค่อยๆ ขัดเอา”
คนตัดหินจ้องมองที่หลินหยุน พร้อมพูดด้วยความแยแสว่า “แค่ของไม่ได้เรื่องชิ้นนึง จะระวังทำไม”
แต่เป็นข้อเรียกร้องของลูกค้า เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้เพียงค่อยๆ ขัดเงา
จินหยวนเป่ายินอยู่ข้างๆ หลินหยุน พร้อมพูดด้วยความรอคอยว่า “หลินหยุน หินที่นายเลือกเป็นหินระดับยอดเยี่ยมหรือเปล่า”
ถึงจินหยวนเป่าจะรู้สึกว่าไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แต่นั่นต้องเป็นของที่ดีที่สุด แต่ว่าเขาตอนนี้ค่อนข้างเชื่อใจหลินหยุนมาก
จินหยวนเป่าเชื่อว่าหินที่หลินหยุนเลือก คงเป็นหินที่อยู่ในระดับสูง
หลินหยุนเองก็เริ่มแน่ใจ เขารู้สึกเพียงว่าอะไรไว้ต่าง ๆ ในหินก้อนนี้ไม่เหมือนกัน
“ดูสิ” หลินหยุนพูด
หลี่เหยี่ยนและพวกมองดูหินที่กำลังถูกขัดเงาอย่างตื่นเต้น ในใจพวกเขาต่างก็ตะโกนอยู่ตลอดว่า “พัง พัง พัง!”
ประหนึ่งว่าจะได้ยินสิ่งที่หลี่เหยนภาวนาอยู่ในใจ หินก้อนนั้นถูกขัดเงาไปถึงครึ่งก้อนแล้วในเวลาไม่นาน ฝุ่นปลิวคลุ้งไปทั่ว แต่ก็ยังไม่ปรากฏสีเขียวขึ้นมาแต่อย่างใด
หลี่เหยี่ยนกำมือสองข้างแน่น สีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก เขาพูดขึ้นว่า “พังแล้ว พังแล้ว นี่มันของไม่ได้เรื่อง เขาแพ้แน่ๆ!”
จ้าวกางเองก็พูดด้วยความดีอีกดีใจว่า “ขัดเงามาจนถึงครึ่งก้อนแล้ว ยังไม่มีสีเขียวโผล่มาแม้แต่นิดเดียว หลินหยุนไอ้คนขี้ขลาดตาขาวนั่นแพ้แน่ไม่ต้องสงสัยเลย!”
อีหลิงมองไปที่หลินหยุนด้วยความเป็นห่วง แต่กลับพบว่าเขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใดๆ ราวกับว่ากุมชัยชนะเอาไว้อยู่ในมีความกังวลอะไรทั้งนั้น
“เขามั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ หรือแค่ทำเป็นไม่ตื่นเต้น”
เซี่ยหยู่เวยสีหน้าเย็นชา เธอเห็นว่าหลินหยุนน่าจะแพ้การแข่งขันแน่ๆ ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“หลินหยุน ถ้านายแพ้ ก็ต้องคุกเข่าก้มหัวขอร้องหลี่เหยน ฉันจะคอยดูว่าท่าทางหยิ่งผยองไม่กลัวใครของนายจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
หินโดนขัดไปเรื่อยๆ คนตัดหินเริ่มรู้สึกรำคาญ มองไปที่หลินหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “ประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉันมันบอกฉันว่าเนี่ยมันเป็นแค่หินธรรมดาไม่มีราคาอะไร ถ้าจะขัดต่อไปก็เท่ากับเสียเวลาเท่านั้น”
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึกเช่นเดิม เขาตอบว่า “ขัดต่อไป”
คนตัดหินได้แต่ถอนหายใจ ทำได้เพียงขัดต่อไป “เหอะ รอให้ฉันขัดหินนี่จนกลายเป็นฝุ่นจนหมด เดี๋ยวนายก็หมดความหวังไปเอง”
หลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัดหินพูด หลี่เหยนดีใจพร้อมมองไปที่หลินหยุน เขาพูดกับหลินหยุนด้วยความลำพองใจว่า “อาจารย์ที่จัดหินบอกให้หยุดขัดนี่ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ หินที่นายเลือกเป็นของไม่มีราคา นายแพ้แล้วล่ะ รอคุกเข่าก้มหัวให้ฉันเถอะ!”
หลินหยุนไม่สนใจสิ่งที่หลี่เหยนพูดแต่อย่างใด เขาเพียงแค่มองดูคนตัดหินอยู่อย่างเงียบๆ น่าจะใกล้ปรากฏขึ้นมาแล้ว
อย่างที่คิด คนตัดหินร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ ความเร็วในการขัดเริ่มช้าลง
หินก้อนนั้นยังคงไม่ปรากฏสีเขียวแต่อย่างใด แต่มันกลับปรากฏสีแดงขึ้นมา
หลี่เหยนเริ่มใจไม่ดีนัก เขารู้สึกว่านี่เป็นลางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ต่อจากนั้น สีแดงก็ค่อยๆ ปรากฏชัดมากขึ้น สีแดงก่ำราวกับเลือด คนตัดหินเริ่มระมัดระวังกว่าเดิม เขาวางเครื่องมือลงแล้วเปลี่ยนไปใช้แปรงขัดในการขัดแทน
สีหน้าของคนตัดหินเริ่มตื่นเต้นขึ้นทุกที อดไม่ได้ที่จะพูดกับพิธีกรว่า “นี่อาจจะไม่ใช่หยกจักรพรรดิ แต่นี่อยากจะเป็นหยกอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ระดับสูง”
เมื่อหยกสีแดงก้อนเท่าไข่ไก่ก้อนนั้นปรากฏสู่สายตาสาธารณชน ก็มีคนที่ดูของเป็นออกมาทันที
“นี่คือหยกสีแดงพม่าของเผ่าหมี่!”
“หยกสีแดงพม่า! คุณแน่ใจเหรอ ครั้งก้อนสร้อยคอที่ทำจากหยกสีแดงพม่าขนาดเท่าเล็บ ในต่างประเทศประมูลกันสูงถึงสองร้อยห้าสิบล้าน”
“งั้นก้อนที่ใหญ่เท่านี้ล่ะ จะขายได้ราคาเท่าไหร่”
“ราคาตลาดจะอยู่ที่แปดร้อยล้าน แต่จนถึงตอนนี้ไม่มีที่ไหนในโลกที่ปรากฏหยกสีแดงพม่าขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน เพราะงั้นราคาของหยกก้อนนี้ยากที่จะประมาณได้”
คนตัดหินประคองหยกสีแดงพม่าไปมอบให้หลินหยุนด้วยตนเอง และน้อมตัวลงแสดงความขอโทษต่อเขาด้วยความจริงใจ “คุณผู้ชาย ผมมันตาไม่ถึงเองครับ มองสิ่งล้ำค่าสิ่งนี้ไม่ออก หากว่าคุณผู้ชายไม่ยืนยันที่จะขัดต่อไป ผมคงพลาดที่จะได้เห็นของล้ำค่าที่หายากนี้แน่นอน”
หลินหยุนรับหยกสีแดงพม่ามา พร้อมพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร”
พิธีกรประกาศเสียงดังด้วยความตื่นเต้นว่า “ยินดีกับคุณผู้ชายท่านนี้ด้วยครับ มีดวงตาแห่งปัญญาเช่นนี้ สามารถเลือกหินที่ดูธรรมดาจากข้างนอกแล้วเลือกหยกสีแดงพม่าออกมาได้”
หลี่เหยนมองด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกและวิญญาณ เขาพึมพำอยู่คนเดียวว่า “มันจะเป็นไปได้ยังไง”
จ้าวกางกับเว่ยเทียนหมองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น หินที่เลือกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจก้อนนั้นกลับกลายเป็นของมีค่าที่หายากบนโลก
ความโชคดีที่เหลือเชื่อเหลือเกิน!
อีหลิงมองหลินหยุนด้วยสายตาเปล่งประกาย “มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว เขาเป็นใครกันแน่!”
สายตาเซี่ยหยู่เวยเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งประหลาดใจ ทั้งเสียดาย ทั้งสงสัย แต่สิ่งที่มีมากกว่า คือความดีใจ
เพราะไม่ว่ายังไง หยกที่ราคาสูงเช่นนี้ ตามกฎหมายการแต่งงาน มันถือว่าเป็นของเธอด้วยครึ่งนึง
ตระกูลเซี่ยถึงจะไม่มีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน แต่ก็เป็นเพียงครอบครัวระดับกลางเท่านั้น อยู่ดีๆ กับได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน หากจะบอกว่าเธอไม่ตื่นเต้นเลยคงเป็นไปได้ยาก
แม้แต่ท่าทีที่เธอมีต่อหลินหยุนก็เปลี่ยนไป แต่มันเป็นเพียงท่าทีที่แสดงออกมาเท่านั้น ในใจของเธอ ก็ยังคงมองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดตาขาวอยู่ดี
หลินหยุนมองไปที่หลี่เหยน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถึงตานายแล้ว!”
หลี่เหยนสีหน้าดำคล้ำ สองมือสั่นระริก การพนันครั้งนี้ เขาแทบจะถือได้ว่าแพ้ไปอย่างราบคาบแล้ว มันเป็นไปได้ยากที่จะออกมาเป็นหยกที่ราคาสูงให้เขาได้
ถ้าเป็นแบบนั้น เถ้าแก่ที่พนันหินอัญมณีคงต้องกระอักเลือดเป็นแน่
“ในเมื่อเขาทำได้ งั้นฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน เขาจะโชคดีขนาดนั้นได้ยังไงกัน ฉันก็ต้องได้หยกที่มีราคาสูงแบบนั้นได้เหมือนกันนั่นแหละ” หลี่เหยนคำรามอยู่ในใจ
“เปิดหินเลย!” หลี่เหยนตะโกนบอกคนตัดหิน
คนตัดหินเริ่มตัดหินออก โดยตัดผ่ากลางจนกลายเป็นเศษขนาดเล็ก ก็ไม่ปรากฏสีเขียวออกมาแต่อย่างใด
“นี่มันหินไร้ราคา!” จากการตัดสินที่ผิด การตัดครั้งนี้ของคนตัดค่อนข้างละเอียดมาก สุดท้ายถึงได้ตัดสินผลดังกล่าว
พิธีกรมองไปที่หลี่เหยนด้วยความเสียดาย พร้อมประกาศผม “น่าเสียดาย การพนันครั้งนี้ คุณหลินเป็นฝ่ายชนะ!”
หลี่เหยนทรุดตัวลงไปกับพื้นทันที สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ปากเอาแต่พึมพำว่า “ทำไม? นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน?”
จินหยวนเป่าจ้องไปที่หลี่เหยน สีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “หลี่เหยน นายแพ้แล้ว! แกแพ้แล้ว มาคุกเข่าก้มหัวข้อร้องหลินหยุนสิ!”
ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนกอดอก รอคอยดูละครเรื่องนี้กันอยู่
จ้าวกางกับเว่ยเทียนหมิงสีหน้าดำก่ำ เมื่อครู่หลี่เหยนท้าพนันหลินหยุนต่อหน้าผู้คนมากมาย ตอนนี้หากจะกลับคำคงยากแล้ว
จ้าวกางรีบไปขอความช่วยเหลือจากเว่ยเทียนหมิง “คุณชายเว่ย นายช่วยหลี่เหยนเถอะนะ”
“เฮ้อ ครั้งนี้หลี่เหยนใจร้อนเกินไป!” เว่ยเทียนหมิงถอนหายใจ หลับตาลงด้วยความอย่างจนปัญญา เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้
หลี่เหยนกลับทำสีหน้ากรุ้มกริ่มพร้อมยิ้มด้วยความร้าย “จะให้ฉันก้มหัวขอร้องไอ้คนขี้ขลาดนี่เหรอ ฝันไปเถอะ!”