จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 341 ข่าวการแข่งขันราชาการแพทย์
หลินหยุนออกห่างไปจากตัวของเย่เทียนเหา ระหว่างที่เดินผ่านพวกเซี่ยหยู่เวย ก็ไม่หันไปมองเธอแม้แต่น้อย ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้า
ความหวังเล็กๆที่เดิมทีเซี่ยหยู่เวยยังคิดว่าสามารถคืนดีกับหลินหยุนได้ ก็พังทลายลงไปไม่จนเหลือซาก และขาวซีดไปทั่วทั้งใบหน้า
หลินหยุนหันไปมองอีหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ อย่าให้พวกกระจอกพวกนี้มาทำลายบรรยากาศแห่งความสุขเลย”
หันตัวกลับไป กวาดสายตามองไปยังแขกที่อยู่ในห้องโถง
“ดำเนินงานเลี้ยงต่อ”
คำพูดของหลินหยุน ราวกับประกาศิตของจักรพรรดิ เหล่าคนรวยของเจียงหนานต่างก็รีบขยันทำตามทันที
มีคนรวยคนหนึ่งเพราะยังตกอยู่ในความหวาดกลัว จึงทำตัวไม่ถูก ตอนรินเหล้ามือก็สั่นไม่หยุด เทเหล้าจนเต็มแก้วก็ยังไม่รู้สึกตัว
แต่ว่า เพราะคำพูดของหลินหยุน ต่อให้ต้องฝืนยิ้ม ทุกคนก็ไม่กล้าขัดขืน
บรรยากาศในห้องโถง จู่ๆก็เริ่มกลับมามีสีสันอีกครั้ง
อีหยุ่นพอเห็นภาพแบบนี้ แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ กับความตกใจ
ต่อให้เป็นเขาที่มีฐานะเป็นถึงเจ้าถิ่นของเจียงหนาน คำพูดแค่ประโยคเดียวก็ยังไม่สามารถทำให้เหล่าคนรวยมากขนาดนี้ของเจียงหนานเชื่อฟังแบบนี้ได้
แต่ว่า หลินหยุนกลับทำมันได้
ทุกคำที่พูดออกไป ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง!
หลินหยุนมองไปยังอีหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ให้พ่อของเธอเก็บกวาดที่เหลือก็แล้วกัน ของขวัญก็ส่งถึงที่แล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับแล้ว”
อีหลิงพูดด้วยเสียงที่ไม่เต็มใจว่า “คุณจะไปแล้วเหรอ? ไม่ว่าจะยังไงก็ควรจะกินอะไรก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ!”
“ไม่เป็นไร ฉันควรไปแล้ว”
พอพูดจบ หลินหยุนก็หันตัว แล้วเดินไปยังทางประตู
“คุณอี ยังลืมค่าตอบแทนของผมล่ะ!” หลินหยุนพูดทิ้งท้ายก่อนออกไปจากห้องโถง
อีหยุ่นมองแผ่นหลังของหลินหยุนที่ค่อยๆเดินจากไป จากนั้นก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “ท่านโปรดวางใจ ผมจะรีบสั่งให้คนไปหาบัตรธนาคารของคุณทันที”
พอรู้ตัวอีกที สรรพนามที่อีหยุ่นใช้เรียกหลินหยุ่น ก็ถูกเรียกด้วยความเคารพ
เป็นความเคารพแบบเดียวกับที่มีต่อรุ่นพี่
หลังจากที่หลินหยุนเดินออกไป เหล่าคนมีชื่อเสียงที่อยู่ในห้องโถงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าหินที่อยู่บนอกในที่สุดก็วางได้สักที
เหล่าคนที่มาในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า แต่ละคนเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าลิง ถึงแม้หลินหยุนจะไม่ได้แสดงความเป็นมิตรต่ออีหยุ่น แต่ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ
หลังจากนี้ อำนาจของตระกูลอี จะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีปรมาจารย์บู๊ที่แข็งแกร่งอยู่หนึ่งคน แค่ความแข็งแกร่งของหลินหยุน ก็คงไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับตระกูลอีอีก
ใครให้อีหยุ่นมีลูกสาวดีๆแบบนี้ล่ะ!
เหล่าคนดังของเจียงหนาน เริ่มพูดเอาอกเอาใจอีหยุ่น
แต่ว่า พอได้เผชิญกับสถานการณ์เมื่อกี้ อีหยุ่นจึงเย็นชากับคนพวกนี้ไม่น้อย เขาเข้าใจแล้ว คนพวกนี้ล้วนเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี ใครให้ผลประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นสีนั้น
บทที่อีเฉินเย่าต้องการจัดการกับตระกูลอี คนพวกนี้ไม่มีใครที่กล้ายืนออกมาพูดแทนตระกูลอีแม้แต่ประโยคเดียว
ขอแค่ตระกูลอียังมีความยิ่งใหญ่อยู่ พวกเขาก็จะโค้งคำนับเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลอี ถ้าเกิดตระกูลอีตกต่ำ ต่อให้อีหยุ่นจะไปขอร้องพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ยื่นมือไปช่วยเหลือตระกูลอี
มือทั้งสองข้างของอีหลิงกุมหยกที่อยู่ตรงหน้าอก สายตาจ้องมองไปยังทางประตู โดยที่ไม่พูดอะไร
เพียงแป๊บเดียว หลินหยุนก็กลับมาที่ทะเลสาบเยว่หยาได้สามวันแล้ว
สามวันมานี้ หลินหยุนแอบฝึกฝนอยู่ตลอด ตอนนี้เขายังอยู่ในขั้นแรกของแดนแด่เทพเจ้า ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะถึงขั้นกลางของแดนแด่เทพเจ้า นอกซะจากเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่าง
แดนแด่เทพเจ้าสามอัญมณี ระยะแรกเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ระยะกลางกลั่นร่างเต๋า ระยะสุดท้ายสร้างตัวอ่อนยาทอง
เมื่อเข้าสู่ระยะแด่เทพเจ้าช่วงกลาง หลินหยุนก็จะสามารถหล่อหลอมร่างเต๋าได้แล้ว
เวลาแปดโมงเช้าของวันนี้ หลินหยุนที่เสร็จสิ้นการฝึก ไปยืนอยู่บนดาดฟ้า แล้วมองลงไปยังทะเลสาบเยว่หยา
ทะเลสาบบเยว่หยาในตอนนี้ราวกับเป็นแดนสวรรค์ที่อยู่บนโลกมนุษย์ ทุกต้นไม้ใบหญ้า แม้แต่เหล่าสัตว์เล็กๆ ล้วนได้รับผลประโยชน์จากค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ ทำให้มีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาดใจ
ขอบเขตที่ถูกค่ายกลห่อหุ้ม ยิ่งทำให้ชี่ทิพย์จากฟ้าดินรวมอยู่ในรัศมีร้อยลี้ พอใช้สายตามองไปยังชั้นอากาศก็เห็นเหมือนกับหมอกบางๆ
ระยะห่างจากแดนชี่ทิพย์ที่เหมือนหมอก อยู่ไม่ไกลแล้ว!
ซูหนันยังคงนั่งฝึกฝนอยู่เงียบๆในมุมๆหนึ่ง ออร่าที่อยู่รอบๆตัวเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า ดูเหมือนว่าเธอยังไม่สามารถรับรู้ดินแดนที่ภูเขาไม่ใช่ภูเขา น้ำไม่ใช่น้ำ
แต่ว่ารู้สึกจะเริ่มเข้าใกล้วิชาพินาศไม่สิ้นสูญนั่นแล้ว
เมื่อสามารถทำลายดินแดนนั่นได้ เชื่อว่าความแข็งแกร่งของซูหนันจะต้องก้าวกระโดดอย่างแน่นอน
มือถือที่อยู่บนกระเป๋าเสื้อดังขึ้นมา หยิบมือถือขึ้นมา บนหน้าจอปรากฏให้เห็นว่าคนที่โทรมาก็คือโจวชิงเหอ
หลินหยุนกดรับ “ผู้อำนวยการโจว มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
โจวชิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “หมอเทพหลิน มีเวลามาคุยกันหน่อยรึไม่?”
“ได้”
เพิ่งหยุดการฝึกฝน หลินหยุนเองก็กำลังคิดที่จะเดินเล่นสักหน่อย ไปเจอโจวชิงเหอหน่อยก็ไม่เลว ไปดูว่าเขามีเรื่องอะไร
ยังคงเป็นโรงน้ำชาในครั้งที่แล้ว
ในห้องส่วนตัว โจวชิงเหอและยังมีซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิง ผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมดีเด่นในวงการแพทย์หลินโจวทั้งสาม อยู่กันพร้อมหน้า
หลินหยุนเดินเข้าไป นั่งตรงหน้าของทั้งสาม มองโจวชิงเหออย่างเงียบๆ “เรียกผมมามีเรื่องอะไร?”
โจวชิงเหอทั้งสามต่างมองหน้ากัน โจวชิงเหอมองไปยังโม่หัวถิง แล้วพูดว่า “ท่านโม่ ท่านพูดเถอะ!”
โม่หัวถิงส่ายหัว “ท่านพูดเถอะ”
ซูชิงเหยียนเองก็เห็นด้วย
โจวชิงเหอพูดว่า “งั้นก็ได้ ข้าขอพูดเอง”
“คืออย่างนี้หมอเทพหลิน อีกไม่กี่วันจะมีการแข่งขันราชาการแพทย์ พวกเรารู้สึกว่า ด้วยฝีมือการแพทย์ของท่าน น่าจะเข้าไปชิงตำแหน่งราชาการแพทย์”
“ถ้าเกิดสนใจ พวกเราจะรีบส่งรายชื่อไปทันที ไม่ทราบว่าหมอเทพหลินมีความคิดเห็นยังไง?”
การแข่งขันราชาการแพทย์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินหยุนได้ยินประโยคนี้
ครั้งที่แล้วบทที่อยู่มหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว ฉู่หมิงเฉิงให้ตัวเองไปเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์
ดูเหมือนว่าตอนนี้คนที่รับตำแหน่งราชาการแพทย์อยู่ก็คือฉู่หยุนหวาพ่อของฉู่หมิงเฉิง
แต่ว่าหลินหยุนไม่ได้สนใจ จึงปฏิเสธทันที
นึกไม่ถึงว่าพวกโจวชิงเหอเองก็อยากให้ตัวเองเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งราชาการแพทย์กลับมา
ดูเหมือนว่าราชาการแพทย์นี้ ในสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีน จะได้รับการยกย่องไม่น้อย
“ผมไม่สนใจ” พอหลินหยุนพูดจบ ก็ลุกขึ้นมาแล้วเตรียมเดินจากไป
โจวชิงเหอทั้งสามคนเต็มไปด้วยความลำบากใจ แต่ว่าด้วยความที่รู้จักกับหลินหยุนมานานขนาดนี้ ทำให้พวกเขารู้จักนิสัยใจคอของหลินหยุนอย่างชัดเจน รู้ดีว่าหลินหยุนเป็นคนประเภทที่ไม่พูดให้มากความ จึงไม่ได้รั้นเอาไว้
หลังจากที่รอหลินหยุนจากไป โจวชิงเหอแบมือออกทั้งสองข้าง ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ข้าบอกแต่แรกแล้ว หมอเทพหลินไม่ได้สนใจเชื่อเสียงพวกนั้น เขาเป็นหมอที่แท้จริง”
“ตอนนี้พวกท่านเชื่อรึยัง?”
ซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงไม่รู้จะทำยังไงดี โม่หัวถิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ด้วยทักษะการแพทย์ของเขา ถ้าเกิดเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์ มีโอกาสสูงที่จะได้รับถ้วยรางวัล ดูเหมือนว่าหลินโจวของพวกเรา จะไม่มีบุญที่จะมีราชาการแพทย์สักคนแล้ว! เฮิง น่าเสียดาย!”
“ให้ข้าพูดนะ ราชาการแพทย์อะไรนั้น มันก็แค่ชื่อเสียง คนสูงส่งตัวจริงอย่างหมอเทพหลิน ไม่ได้สนใจชื่อเสียงพวกนั้นแม้แต่น้อย” โจวชิงเหอพูด
“ช่างเถอะ กลับกันเถอะ!”
ในเวลาเดียวกัน ตำบลเล็กๆนอกเมืองมณฑลเจียงหนาน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่พาลูกน้องมาสองคน ปรากฏตัวออกมาตรงสถานีขนส่ง
ชายหนุ่มคนนี้ ก็คือเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลหวางที่มาจากเมืองหลวง หวางเจ๋อ
นับตามความอาวุโส เขาก็คือลูกพี่ลูกน้องของหลินหยุน
“ตระกูลเยนทำไมถึงมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนอกแบบนี้?” หวางเจ๋อกวาดสายตามองไปยังตึกที่ทั้งเตี้ยและทรุดโทรม แล้วพึมพำออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย
ชายแก่ที่ตามหลังคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “คุณชาย ตระกูลเยนตั้งแต่เมื่อสามสิบปี เทพกระบี่เยนหนานเทียนแห่งยุคเก็บตัวฝึกฝน จึงย้ายมาอยู่ที่แห่งนี้ คิดว่าน่าจะเพื่อกันไม่ให้คนนอกมารบกวนการฝึกฝนของเยนหนานเทียน หรือไม่ก็เพราะว่าเยนหนานเทียนต้องการให้คนรุ่นหลังตั้งใจฝึกบู๊ เพราะงั้นจึงตั้งใจย้ายออกมาให้ห่างจากความวุ่นวายของโลก”
“มันก็มีความเป็นไปได้!” หวางเจ๋อพยักหน้า
“นำทางเถอะ ไปบ้านของตระกูลเยน!”
หลังจากที่สืบเจอว่าหลินหยุนดูแลบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เป็นพิเศษ หวางเจ๋อก็ได้คิดแผนที่จะต่อกรกับหลินหยุนไว้เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่า ถ้าเกิดสามารถยืนมือคนอื่นได้ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่หวางเจ๋อหวังเอาไว้ที่สุด
เพราะงั้น เขาจึงมาที่นี่