จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 343 ฉินหลันโมโห
พอส่งหลินหยุน โจวเฟินก็หันกลับมา นั่งลงบนโซฟา
เซี่ยเจียนโก๋ถอนหายใจ แล้วนั่งลงบนโซฟาเช่นกัน ใบหน้าดูสับสนเล็กน้อย มีทั้งความรู้สึกซาบซึ้ง และทำอะไรไม่ถูก อารมณ์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือความเสียใจ
โจวเฟินมองเขาด้วยหางตา แล้วส่งเสียงหึด้วยความเย็นชาว่า “ตอนนี้รู้จักถอนหายใจแล้วเหรอ? ไม่ฟังคำพูดฉันตั้งแต่แรก ตอนนี้พอได้เห็นความเก่งของเสี่ยวหยุน เลยรู้สึกเสียใจใช่ไหม?”
เซี่ยเจียนโก๋ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ว่าแววตาได้เผยความขมขื่นออกมา
เสียใจไหมเหรอ? มันก็แน่อยู่แล้ว
ทั้งๆที่เป็นลูกเขยของตัวเอง ในฐานะที่เป็นพ่อตา ให้เขาช่วยเหลือแค่พูดประโยคเดียวก็น่าจะพอแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้กลับต้องมาขอร้องให้ลูกเขยช่วยเหลือ? แถมยังต้องกังวลว่าลูกเขยจะไม่ไว้หน้าตัวเองอีก
“นี่เป็นการลงโทษสินะ?” เชี่ยเจียนโก๋เสียใจอย่างชัดเจน
โจวเฟินพูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “อย่าคิดว่าไม่พูดอะไรแล้วฉันจะไม่รู้ความคิดของคุณนะ ถ้าเกิดเสียใจก็พูดออกมา เสี่ยวหยุนเป็นเด็กดี อีกอย่างฉันก็มองออกว่า เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเป็นอย่างมาก”
“ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คุณมักจะมองเสี่ยวหยุนด้วยสีหน้าแย่ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็ยังไม่เคยทำเรื่องที่แย่จนเกินไป ถึงแม้เบื้องหน้าเสี่ยวหยุนจะแสดงความเย็นชาต่อหน้าคุณ แต่ว่าในใจก็ยังคิดว่าคุณเป็นคนในครอบครัว ไม่ยังงั้น เรื่องในวันนี้ต่อให้คุณจะให้ฉันขอร้องอย่างไง เขาก็คงไม่ยอมตกลงหรอก”
เซี่ยเจียนโก๋อึ้งไปสักพัก มองไปยังโจวเฟิน แววตาได้เผยความดีใจออกมา “สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงเหรอ?”
โจวเฟินพูดว่า “เจ้าเด็กหลินหยุนคนนี้ ถึงแม้จะไม่ค่อยพูดอะไร แต่ในใจกลับเก็บเรื่องไว้มากมาย ใครผิดใครถูก เขารู้ดีอยู่แก่ใจ! คุณสบายใจได้!”
พอพูดจบ โจวเฟินก็มองเซี่ยเจียนโก๋ด้วยความดุร้ายอีกครั้ง
“งั้นเรื่องระหว่างเขากับหยู่เวย เธอว่ายังสามารถคืนดีได้ไหม?” เซี่ยเจียนโก๋ถามด้วยความรู้สึกที่คาดหวัง
สีหน้าของโจวเฟินดูแย่ลงเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วพูดว่า “หยู่เวยทำจนเกินไป เรื่องครั้งก่อนที่เธอทำ เกรงว่าคงทำให้จิตใจเสี่ยวหยุนไม่ใช่น้อย เรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสอง ฉันว่ายาก!”
“หยู่เวยเอ๋ย สักวันหนึ่ง เธอจะต้องเสียใจกับกระทำของตัวเธอเองในตอนนั้น”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว คุณไปเตรียมตัวก่อน อย่าปล่อยให้เสี่ยวหยุนจัดการคนเดียว ดูว่าการแข่งขันราชาการแพทย์ต้องเตรียมอะไรบ้าง ไม่เข้าใจจริงๆ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดที่จะกลับไปทำอะไรที่ตระกูลเซี่ยอีก!”
โจวเฟินบ่นพึมพำ แล้วไปเก็บถ้วยชาม
ใบหน้าของเซี่ยเจียนโก๋ได้เผยความไม่พอใจอยู่ลึกๆ “กลับไปทำอะไรที่ตระกูลเซี่ยเหรอ? นั่นสินะ กลับไปทำไมกัน? บางทีอาจจะกลับไปเพื่อให้สบายใจก็ได้ แล้วไปถามว่าบทที่ขับไล่ฉันออกจากตระกูล ได้เสียใจรึเปล่า!”
ณ มณฑลจงโจว บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในโรงแรมปี่ไห่
ฉินหลันที่สวมชุดทำงานสีดำทั้งตัว ผมดำยาวสลวยที่มัดเป็นทรงหางม้า ใส่รองเท้าส้นสูง พาสาววัยรุ่นมาสองคน เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย
ในล็อบบี้ ย่านสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังเล่นเกมกันอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความขี้เกียจ
ทั้งล็อบบี้ ไม่มีแขกสักคน แม้แต่พนักงานก็ยังไม่มี
ใบหน้าที่งดงามของฉินหลัน เต็มไปด้วยความเย็นชา
“ไปเรียกผู้จัดการล็อบบี้ออกมาเดี๋ยวนี้!” ฉินหลันตรงไปพูดด้วยเสียงที่เย็นชาใส่โต๊ะด้านหลังของย่านสองคนที่กำลังเล่นเกมกันอยู่
เกมที่ย่านทั้งสองคนกำลังเล่นอยู่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงสำคัญ ไม่เงยหัวแม้แต่น้อย พูดอย่างรำคาญว่า “รอเดี๋ยว ไม่เห็นรึไงว่ากำลังยุ่งอยู่!”
แววตาของฉินหลันเต็มไปด้วยความโมโห หันไปพูดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังว่า “รีบโทรตามผู้จัดการของโรงแรมปี่ไห่มาเดี๋ยวนี้!”
“ค่ะ!”
พอผู้หญิงคนนั้นหยิบมือถือออกมา ก็มีคนสวมชุดทำงานสีดำคนหนึ่ง ผู้หญิงหน้าตาสะสวยวัยสามสิบต้นๆ รีบเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยความรีบร้อน
“ผู้ช่วยฉิน ท่านมาแล้วเหรอ!”
ย่านทั้งสองคนพอเห็นผู้จัดการของพวกเขา กลับไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แค่เงยหน้ามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปเล่นเกมต่อ
ฉินหลันขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ประธานจาง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ผู้หญิงคนนี้ยิ้มด้วยใบหน้าที่อึดอัดแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยฉิน โปรดท่านตามฉันมา!ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆควรจะพูดคุยกัน”
ห้องทำงานของผู้จัดการโรงแรมปี่ไห่
ฉินหลันนั่งลงบนโซฟา ประธานจางรินน้ำชาให้กับฉินหลัน แล้วยกไปอยู่ตรงหน้าของฉินหลันด้วยตัวเอง
ฉินหลันพูดว่า “ประธานจาง คุณไม่ต้องทำอะไรแล้ว มานั่งคุยกันสิว่าเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น!”
ประธานจางนั่งลงตรงหน้าของฉินหลัน มือทั้งสองวางบนหัวเข่า ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยฉิน ท่านเองก็รู้ สองสามวันมานี้ มีคนมาก่อเรื่องอยู่ตลอด พนักงานในโรงแรมต่างก็กลัวจนหนีหายกันไปหมด แม้แต่ย่านที่เคยอยู่ก็หนีกันไปหมด สองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูเพิ่งเข้ามาใหม่ เมื่อก่อนก็เป็นอันธพาลข้างถนน ให้ค่าแรงงานรายวันกับพวกเขา แม้แต่คำพูดของฉัน บางครั้งพวกเขาก็ยังไม่ฟัง”
ฉินหลันขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงจ้างคนแบบนี้มาเป็นย่านล่ะ? นี่มันอย่างกับเด็กที่เล่นขายของ!”
ประธานจางพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจว่า “ฉันเองก็ไม่อยาก แต่ว่าพวกที่มาก่อเรื่องนั้น ทุกครั้งก็ก่อเรื่องไว้ใหญ่โต จนคนรอบๆรู้กันไปหมด ฉันหาคนมาทำงานไม่ได้จริงๆ!”
“อะไรที่ฉันคิดออกก็คิดไปหมดแล้ว สุดท้ายจึงต้องจ้างอันธพาลสองคนนั้นเฝ่าประตูไปก่อน!”
ฉินหลันขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม “คุณรู้ไหมว่าพวกที่มาก่อเรื่อง มีที่มาที่ไปยังไง?”
ประธานจางส่ายหัว “ไม่รู้ แต่ว่าพวกเขาล้วนเก่งมาก! วันแรกที่มาก่อเรื่อง คนแค่สองคนก็สามารถล้มย่านกว่าสิบคนของโรงแรมไปนอนอยู่บนพื้นได้!”
“อีกอย่าง ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังไม่ได้ลงมือเลย”
ฉินหลันพูดว่า “ยังมีคลิปที่บันทึกอยู่ไหม? คุณพาฉันไปดูหน่อยสิ!”
“ท่านตามฉันมา!” ประธานจางพาฉินหลัน ไปยังห้องควบคุม
ตอนค่ำ หลินหยุนกลับมาที่คฤหาสน์เย่หยาหู
วันนี้อากาศไม่เลว และยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีคนมากมายที่ขับรถมาเที่ยวที่ทะเลสาบเยว่หยา
บทที่หลินหยุนกลับมา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเที่ยวเสร็จพอดี และเป็นช่วงที่กำลังจะกลับบ้าน
ระหว่างทาง มีทั้งคนที่ขับรถกลับ และมีคนที่อาศัยอยู่ข้างๆ จึงใช้เท้าเดินกลับบ้าน
หลินหยุนก็ทำตัวเหมือนหนึ่งในนักท่องเที่ยว ไม่ได้ทำตัวเตะตาใคร
มีผู้หญิงที่สวมชุดสูทสีแดงพูดขึ้นมาว่า “คุณค่ะ อากาศที่นี่ดีจังเลยนะ! จากนี้พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเรามาเที่ยวผ่อนคลายที่นี่กันเถอะ!”
“ก็ดี ลูกชายของเราในวันนี้ก็เล่นอย่างสนุกสนาน!” ข้างๆมีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจูงมือเด็กผู้ชายอายุราวๆหกเจ็ดขวบได้พูดขึ้นมา
“แต่ก็น่าแปลกนะ วันนี้พวกเราขึ้นมาสามรอบ สุดท้ายก็กลับไปที่เดิมอีก รึว่าที่นี่จะมีเทพอาศัยอยู่จริงๆ?” ผู้หญิงพูดด้วยสีหน้าที่สงสัย
“พูดบ้าๆ จะมีเทพที่ไหนกัน? บางทีอาจเป็นเพราะหมองหนาจนเกินไป พวกเราจึงหลงทาง จึงเดินกลับไปด้วยตัวเอง” ผู้ชายพยายามหาคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดขึ้นมา
“พวกเราหลงทาง แต่ว่าทุกคนก็เหมือนกัน รึว่าทุกคนก็หลงทางเหมือนกันงั้นเหรอ?” ผู้หญิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“ก็อาจจะเป็นเพราะหมองมันหนาเกิน ทุกคนจึงหลงทางกันหมด” ผู้ชายก็ยังพูดเสียงแข็ง แต่ว่าน้ำเสียงเบาลงเรื่อยๆ ราวกับรู้สึกว่าเหตุผลนี้แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ใช่ซะเท่าไหร่
หลินหยุนเดินขึ้นเขาต่อ ระหว่างทาง ก็ได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้อยู่เยอะ
“ดูเหมือนว่า อีกไม่นาน ที่นี่คงจะเป็นที่สนใจของเหล่าฝูงชน ถ้าเอาแต่พึ่งวิชาลวงตาของค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ เกรงว่าคงจะไม่สามารถห้ามการสอดแนมของทุกคนไม่ไหว จะต้องรีบสร้างค่ายกลฮู่ซานให้ได้”
เพียงพริบตา หลินหยุนก็ใกล้จะเดินไปถึงค่ายกลที่ซ่อนอยู่แล้ว
แต่ว่า ด้านหน้ากลับมีผู้ชายหล่อกับผู้หญิงสวยเดินเข้ามา แต่มันกลับสามารถทำให้สายตาของหลินหยุนขยับขึ้นมาได้
คนพวกนี้ กลับเป็นเพื่อนร่วมห้องของหลินหยุนในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ เสิ่นหย่งกับเถียนชุ่ยชุ่ย เหยียนเสวเหวินและจางเหมิงพวกนี้
“ดูสิ นั่นมันหลินหยุนไม่ใช่เหรอ?” มองเพียงครั้งเดียวเถียนชุ่ยชุ่ยก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นหลินหยุน
“เป็นเขาจริงๆด้วย!” เสิ่นหย่งพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ไอ้หมอนี้ไม่มาโรงเรียนตั้งหลายวัน ที่แท้ก็แอบมาเที่ยวที่นี่นี้เอง”