จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 348 การเคลื่อนไหวในเมืองหลวง
ณ เมืองหลวง ของประเทศจีน
ถ้าเกิดเอาพื้นที่ทั้งหมดของชาวจีนไปเปรียบเทียบกับคน งั้น เมืองหลวงก็เป็นหัวใจ และเป็นมันสมองด้วย
คนที่มีอำนาจมากที่สุดของชาวจีน ห้องทำงานของประธานาธิบดีจีน
มีชายชราที่มีใบหน้าที่ยิ่งใหญ่ รีบเดินเข้ามา ตรงไหล่ของชายชรา บ่งบอกว่าเขาเป็นยศนายพล
“ท่านประธานาธิบดีจีน!”
นายพลวัยชราทำความเคารพด้วยท่าของทหาร น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“นั่งเถอะท่านหง!” ประธานาธิบดีจีนที่กำลังดื่มชาอยู่ พูดด้วยรอยยิ้ม
ท่าทางของประธานาธิบดีจีนดูเป็นกันเอง ถ้าเกิดไม่รู้จัก ก็คงคิดว่าเป็นคนแก่ใจดีธรรมดาทั่วไป ไม่เหมือนราชาที่ค่อยปกครองประเทศจีนสักนิด
หงซานเหอไม่ได้นั่ง แต่พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ท่านประธานาธิบดี ไอ้เจ้าเด็กที่ชื่อหลินชางฉอง ได้ทำการสังหารหลานชายของเยนหนานเทียนแล้ว!”
ประธานาธิบดีจีนยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร มองไปยังหงซานเหอ “จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น?” หงซานเหอมองไปยังประธานาธิบดีจีนด้วยความไม่เข้าใจ “นั่นเป็นถึงหลานของเทพกระบี่แห่งยุคเยนหนานเทียน ถ้าเกิดเยนหนานเทียนออกมา โลกบู๊มันจะต้องเกิดความวุ่นวายไม่ใช่รึครับ?”
“ใจเย็นๆท่านหง!”
“ฉันถามคุณหน่อย เยนหนานเทียนปิดตัวฝึกฝนกี่ปีแล้ว?”
หงซานเหอพูดว่า “สามสิบปีแล้ว”
“บทที่ตระกูลเยนถูกตามมาล้างแค้น จนแทบจะล่มสลายทั้งตระกูล เยนหนานเทียนได้ออกมาไหม?”
หงซานเหอส่ายหัว “ไม่ครับ”
“เพราะงั้นครั้งนี้เยนหนานเทียนก็คงไม่ออกมาง่ายๆเหมือนกัน” ประธานาธิบดีจีนยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
หงซานเหอพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “แต่ว่าต่อให้เยนหนานเทียนจะไม่ออกมา งั้นทางด้านหุบเขาเทพยาล่ะครับ?”
“คงรู้ใช่ไหมครับว่าหุบเขาเทพยาเป็นคนคุมเส้นทางวิชาการกลั่นยาทั้งโลกบู๊ คิดว่าประมาณครึ่งหนึ่งของโลกบู๊ ก็คงติดหนี้บุญคุณหุบเขาเทพยา ถ้าเกิดหุบเขาเทพยาออกคำสั่ง เจ้าเด็กคนนั้นจะต้องโดนโจมตีจากทั้วทั้งรอบด้าน!”
ประธานาธิบดีจีนก็ยังมีสีหน้าที่สงบเหมือนเดิม “ไม่หรอก หุบเขาเทพยาคงอยู่ที่นั่น ไปไหนไม่ได้ และไม่สามารถซ่อนตัวได้เช่นกัน พวกเขาคงไม่เคลื่อนไหวให้เตะตาคนหรอก”
ประธานาธิบดีจีนยังมีบางอย่างที่ไม่ได้พูดออกไป ถ้าเกิดหุบเขาเทพยากล้าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จนส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของโลกมนุษย์ งั้นขีปนาวุธหรือไม่ก็อาวุธนิวเคลียร์ก็จะเล็งไปที่หุบเขาเทพยา นอกซะจากว่าหุบเขาเทพยาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
“แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน!” หงซานเหอก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
ประธานาธิบดีจีนยิ้มแล้วพูดว่า “แค่เยนหมิงหยู่คนเดียว ยังไม่มีค่าพอให้หุบเขาเทพยาเข้าไปเสี่ยงแบบนั้น แน่นอนว่า หุบเขาเทพยาจะต้องลงมือกับเจ้าหนุ่มคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องโลกบู๊ของพวกเขา คุณส่งคนไปดูลาดเลาก็พอ ขอแค่พวกเขาไม่ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”
“ผมเข้าใจแล้วครับ!” หงซานเหอหยักน้า จากนั้นก็ทำความเคารพด้วยท่าทหาร จากนั้นก็หันหน้าแล้วเดินออกไป
แต่ว่า บทที่เดินไปถึงประตู หงซานเหอก็หยุดเดินอีกครั้ง หันกลับมาแล้วพูดว่า “ท่านประธานาธิบดี พวกเราควรจะเตือนเจ้าหนุ่มนั้นสักหน่อยไหมครับ ครั้งที่แล้วบทที่อยู่เจียงหนานเขาได้สังหารเย่จี้ซื่อ ครั้งนี้ก็ไปมีเรื่องกับตระกูลเยนกับหุบเขาเทพยาอีก เขาทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ เกรงว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องก่อเรื่องใหญ่แน่!”
ประธานาธิบดีพูดว่า “สบายใจได้ เขามีคนที่เขาแคร์อยู่ในใจ แบบนั้นก็คงไม่ก่อเรื่องใหญ่หรอก”
“คนที่แคร์?” ใบหน้าของหงซานเหอเต็มไปด้วยความสงสัย มองประธานาธิบดีจีนด้วยแววตาที่ตกใจ พูดเสียงต่ำว่า “ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่หงซานเหอเดินจากไป ประธานาธิบดีก็ยืนขึ้นมา เดินไปยังข้างหน้าต่าง แล้วมองท้องฟ้าที่อยู่นอกหน้าตา แววตาเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่
“หลินชางฉอง หวังว่าคุณจะสามารถเป็นเจียงร่อโจ๋คนต่อไป!”
……
หุบเขาเทพยา ควบคุมเส้นทางวิชาการกลั่นยาทั้งโลกบู๊
ผู้ฝึกบู๊ทุกคนที่ต้องการวิชาการกลั่นยา ต่างก็มาหาหุบเขาเทพยาเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะงั้น ตำแหน่งของหุบเขาเทพยาในโลกบู๊ มีตำแหน่งที่สูงมาก
หุบเขาเทพยามีมาหลายร้อยปีแล้ว จนไม่สามารถศึกษาได้แล้วว่ามีประวัติความเป็นมายังไง ฝังแน่นอยู่ในโลกบู๊ ไม่รู้ว่าช่วยผู้ฝึกบู๊ไปแล้วเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ในโลกบู๊มีอยู่ประโยคหนึ่งที่พูดได้ดี ยอมมีเรื่องกับปรมาจารย์ ดีกว่าไปมีเรื่องกับหุบเขาเทพยา
ผู้ฝึกบู๊ของหุบเขาเทพยา อาจจะไม่สามารถเทียบปรมาจารย์ได้ แต่ว่า ขอแค่คนของหุบเขาเทพยาพูดคำเดียว ผู้ฝึกบู๊ที่เคยติดหนี้บุญคุณหุบเขาเทพยา ก็จะลุกขึ้นมาใช้หนี้บุญคุณที่เคยติดค้างเอาไว้อย่างแน่นอน
ลองคิดดู ถ้าเกิดรอบด้าน จู่ๆก็มีผู้ฝึกบู๊นับไม่ถ้วน ที่เอาแต่ร้องตะโกนว่าจะฆ่าคุณ สถานการณ์แบบนั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน!
แถมในหมู่ผู้ฝึกบู๊ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์อยู่ก็เป็นได้
เพราะงั้น หงซานเหอถึงได้ร้อนรนแบบนั้น แล้วไปขอความคิดเหตุจากประธานาธิบดีจีน
ชื่อหุบเขาเทพยานี้ เป็นชื่อที่โลกบู๊ต่างใช้เรียกกัน แต่ในโลกมนุษย์ หุบเขาเทพยายังมีอีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือบริษัท เย่าหวางเวชภัณฑ์ จำกัด
นี่เป็นบริษัทยา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีน
อีกอย่าง บริษัท เย่าหวาง เวชภัณฑ์ จำกัด นี้ คนที่ก่อตั้งเป็นแค่หนึ่งในผู้อาวุธโสของหุบเขาเทพยาที่ค่อยรับผิดชอบดูแลโลกมนุษย์
พอเห็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าหุบเขาเทพยามันยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนกันแน่!
หลังจากที่เยนหมิงหยู่ถูกฆ่าตายได้สองวัน เจ้าบ้านคนปัจจุบันของตระกูลเยนอย่างเยนเป่ยเฟยและภรรยาของเขาโม่ซิวลี่ ก็มาที่ห้องโถงใหญ่ของหุบเขาเทพยาด้วยความโมโห เจ้าของหุบเขาเทพยาโม่ซิวอู่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“พี่ใหญ่ หลายชายของพี่ถูกคนอื่นฆ่าตายแล้ว! พี่จะต้องแก้แค้นแทนเขาน่ะ! โม่ซิวลี่พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำเพราะน้ำตา
สีหน้าของโม่ซิวอู่เปลี่ยนไปในทันที พูดด้วยความโมโหว่า “ใครกันที่กล้าขนาดนี้! กล้าฆ่าแม้กระทั่งหลานชายของข้า!”
“ต่อให้เขาจะไม่เกรงกลัวหุบเขาเทพยาของข้า แต่ก็น่าจะไว้หน้าเทพกระบี่บ้าง!”
“ซิวลี่ เจ้าบอกข้าสิว่าเป็นฝีมือของใครกัน!”
โย่ซิวลี่ร้องไห้จนหายใจติดๆขัดๆ “พี่ใหญ่ ให้เป่ยเฟยเป็นคนบอกพี่ดีกว่า!”
เยนเป่ยเฟยดวงตาแดงก่ำ พูดด้วยใบหน้าที่ดุร้ายว่า “พี่ใหญ่ ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายหนุ่มที่มีนามว่าหลินชางฉองเป็นคนลงมือสังหารหยู่เอ๋อ เจ้าหนุ่มนั้นเป็นคนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ในจงโจว หยู่เอ๋อถูกสังหารในโรงแรงปี่ไห่ที่อยู่ในเครือของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป นั้น!”
“บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป? ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ที่กล้าฆ่าหลานชายของฉัน มันก็ต้องได้รับการลงโทษ!” โม่ซิวอู่ใช้กำปั้นทุบลงไปบนโต๊ะ โต๊ะไม้บริสุทธิ์อันนั้น ถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นๆ
เยนเป่ยเฟยพูดด้วยความตื่นต้นว่า “พี่ใหญ่ งั้นตอนนี้พี่ก็ใช้‘คำบัญชาเทพยา’เถอะ! เรียกผู้ฝึกบู๊จากทั่วทั้งโลกบู๊มา เพื่อกวาดล้างเจ้าหนุ่มนั้นกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ให้สิ้นซาก!”
โม่ซิวอู่พูดว่า “ทำแบบนั้นไม่ได้!”
“ถ้าเกิดปล่อยคำบัญชาเทพยาออกไป ถึงตอนนั้นผู้ฝึกบู๊ที่เคยติดหนี้บุญคุณหุบเขาเทพยาจะมากันหมด ถ้าเคลื่อนไหวใหญ่จนเกินไป จะทำให้เกิดความวุ่นวายบนโลกมนุษย์”
“เพื่อต่อกรกับบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ มันไม่คุ้นเสีย!”
เยนเป่ยเฟยพูดด้วยความร้อนรนว่า “พี่ใหญ่ เจ้าหนุ่มนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นปรมาจารย์บู๊คนหนึ่ง!”
โม่ซิวอู่หัวเราะออกมา “ก็แค่ปรมาจารย์บู๊เท่านั้นเอง หุบเขาเทพยาของฉันใช่ว่าจะไม่มี! สิ่งสำคัญคือจะทำลายบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ยังไง ยังไงซะนั่นก็เป็นบริษัทของโลกมนุษย์ ตามกฎข้อบังคับของโลกบู๊และโลกมนุษย์ พวกเราจึงใช้กำลังไม่ได้ จึงตัองใช้วิธีธรรมดาในการทำลายมันซะ!”
เยนเป่ยเฟยพูดว่า “พี่ใหญ่ นี่มันเวลาไหนแล้ว จะไปสนข้อตกลงนั้นทำไม! พี่กับผมพาคนไป ฆ่าล้างซะก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
โม่ซิวอู่ตะโกนออกไปว่า “เจ้าบ้า! หลังจากที่ฆ่าล่ะ? เจ้าอยากให้เครื่องบินของทางการจีน ใช้อาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ เพื่อมาทำลายที่ดินของตระกูลเยนและหุบเขาเทพยาของฉันให้สิ้นซากรึไง!”
ดูเหมือนพอเยนเป่ยเฟยคิดถึงสภาพแบบนั้น จู่ๆเหงื่อก็แตกซีดออกมา
“พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าโดนความโกรธครอบงำ จนทำให้คิดไม่รอบคอบ! งั้นพี่คิดไว้รึยังว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี?”
โม่ซิวอู่ใข้สามนิ้วลูบเคราของตัวเองเบาๆ ยิ้มด้วยใบหน้าที่เย็นชาแล้วพูดว่า “ซิวลี่ พี่รองของเจ้ากลับมาพอดี ครั้งนี้ก็ให้เขาตามพวกเจ้าไปก็แล้วกัน!”
“พี่รองกลับมาแล้วเหรอ!” โม่ซิวลี่ดูดีใจมาก
ใบหน้าของเยนเป่ยเฟยเองก็เต็มไปด้วยความดีใจ “โม่จือมิ่งกลับมาแล้วเหรอ! การเดินทางครั้งนี้ของเขา เกรงว่าคงผ่านมาสามปีเต็มแล้ว!”
โม่ซิวอู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว สามปีแล้ว ตอนนี้ระดับวิชาการกลั่นยาของจือมิ่ง ได้ก้าวข้ามข้าไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่พลังบู๊ของเขา ยังคงหยุดอยู่ที่แดนพรสวรรค์สูงสุด”
“ดูเหมือนว่าสุดท้ายเขาก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับวิชาการกลั่นยา ปล่อยให้พลังบู๊ของเขาเสียเปล่า!”